ตอนที่ ราล์ฟ รังนิก เดินคอตกออกจากแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา กราฟชีวิตของเขาปักหัวดิ่งลงเหวชนิดไม่น่าจะมีทีท่าจะกลับขึ้นมาได้อีก

คริสเตียโน โรนัลโด บอกว่า ไม่เคยเห็น หรือคิดว่า รังนิก เป็นโค้ชฟุตบอล

นักเตะผีแดงคนอื่นแทบไม่เคยให้ความเคารพเขา

บนวัย 65 ปี รักนิก ผ่านประสบการณ์ในการคุมทีมมากมาย แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ 13 ในการคุมทีมระดับสโมสรของเขา

และมันก็ไม่ใช่แค่กับทีมผีแดงหรอก ที่เขาล้มเหลว

ตลอดชีวิตการคุมทีมที่เริ่มตั้งแต่ปี 1983 รังนิก แทบไม่เคยประสบความสำเร็จ

ดีที่สุดน่าจะเป็นกับ ชาลเก 04 ที่เขาเคยพาได้แชมป์เดเอฟเบ โพคาล ในปี 2011 และได้รองแชมป์บุนเดสลีกา ปี 2005

มันจึงไม่แปลก ที่เขาจะไม่ค่อยได้รับความเคารพ

และถูกนักบอลซูเปอร์สตาร์หลายคนมองว่าเป็นแค่กุนซือขัดตาทัพหรือก็แค่โค้ชธรรมดาๆคนหนึ่ง

จนกระทั่งในเดือนเม.ย. 2022 รังนิก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชาติออสเตรีย

คำถามมากมาย และแววตาเย้ยหยันยังถูกส่งมาที่ รังนิก เช่นเดิม

แต่คราวนี้ เขาพาทีมทำผลงานได้น่าจับตามองทีเดียว ถึงกับเคยเอาชนะทีมอย่าง อิตาลี กับ เยอรมนี และเสมอ ฝรั่งเศส

ก่อนเดินทางมายูโร 2024 ด้วยสถิติที่ยอดเยี่ยม ในรอบคัดเลือก เป็นที่ 2 ของกลุ่ม แพ้แค่ 1 จาก 8 นัด

แม้ฟอร์มดีในรอบคัดเลือก แต่ในรอบสุดท้าย ก็ไม่มีใครสนใจทีมอย่าง ออสเตรีย

และต่อให้เล่นดีแค่ไหนในเกมแรกกับ ฝรั่งเศส สุดท้าย ออสเตรีย ก็แพ้ไปหวุดหวิด 0-1 จากการทำเข้าประตูตัวเอง

แต่ 2 เกมถัดมาคือการประกาศศักดาของ ออสเตรีย และ รังนิก อย่างแท้จริง

เมื่อชนะทีมอย่าง โปแลนด์ 3-1 และกล้าๆอัด เนเธอร์แลนด์ 3-2 จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มแบบโคตรซิ่ง

จากสถิติในรอบแรก ออสเตรีย คือหนึ่งในทีมที่เพรสซิ่งโหดที่สุดของยูโรครั้งนี้ โดยเฉพาะในแดนคู่แข่ง

แถมยังเป็นทีมที่ทำฟาวล์เยอะที่สุดคือมากถึง 49 ครั้งใน 3 เกม

จึงชัดเจนว่า ออสเตรีย ของ รังนิก นั้น ดุดันไม่เกรงใจใคร

ความจริงแล้ว การไล่เพรสซิ่งคู่แข่งตั้งแต่แดนบนคือเอกลักษณ์ของ รังนิก มาแต่ไหนแต่ไร ไปคุมทีมไหน เขาก็ใช้แผนการเล่นนี้

แต่ก่อนหน้านี้ ที่มันไม่ประสบความสำเร็จ ว่ากันว่า เป็นเพราะ รังนิก สื่อสารถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการให้กับลูกทีมไม่ได้

ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า ลูกทีมระดับแข้งพันล้านหลายคน อาจจะไม่ซื้อไอเดียของเขา

และไม่เห็นเขาเป็นกุนซือที่เก่ง หรือมีบารมีพอจะอยากเล่นให้

ต่างกับที่ ออสเตรีย ซึ่งนักเตะแทบจะโนเนม และทุกคนมุ่งมั่น พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อสร้างชื่อให้ประเทศชาติ

รังนิก จึงไม่ต้องมีปัญหากับเรื่องการโน้มน้าวผู้เล่น บอกเล่นให้ยังไงก็เล่น ทำยังไงก็ทำ

จน ออสเตรีย มีทีมเวิร์คที่แข็งโป้ก เป็นที่เกรงขามของทุกทีม

ออสเตรีย จะลงเล่บรอบ 2 เจอกับ ตุรกี ในคืนวันอังคารที่ 2 ก.ค. นี้

ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาอาจจะเล่นไม่ดี และตกรอบ

แต่อย่างน้อย ก็มั่นใจได้ว่า พวกเขาจะสู้ตาย และพร้อมเล่นตามที่ รังนิก สั่งทุกอย่าง

ซึ่งนั่นแหละคือจุดแข็งที่สุดของ ออสเตรีย ชุดนี้?