เมืองไทย ’สถานการณ์ยังย่ำแย่“ สำหรับ ’ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก“ ที่ยังมีกรณีผุดขึ้นแทบจะรายวัน อีกทั้ง “สถานที่ก่อเหตุ” นั้นก็ยัง “น่าตกใจ!!” โดยที่มี “แม้แต่ในโรงเรียนในวัด” สังคมก็ตั้งคำถาม “สวัสดิภาพความปลอดภัยของเด็กไทย??” ยุคนี้ เพราะแม้จะตีเกราะเคาะไม้กันอยู่เรื่อย ๆ เกี่ยวกับการป้องกันเหตุ แต่ทว่า ’ภัยล่วงละเมิดเด็ก“นั้น…

ยังคง ’แรง“ ไม่มีแผ่วลงแม้แต่น้อย…
ซ้ำยัง ’มีแนวโน้มเกิดปัญหาเยอะขึ้น“
จนเกิด ’ปุจฉา“ ว่า…’ป้องกันไม่ได้??“

ทั้งนี้ สถานการณ์ “ปัญหาล่วงละเมิดเด็ก” ที่ในไทยยุคนี้มีเหตุเกิดขึ้นไม่หยุดนั้น คนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองจะหวังพึ่ง “ระบบช่วยเหลือป้องกัน” จากทางรัฐหรือสถานศึกษาอย่างเดียว อาจจะไม่ทันการ หรือถึงจะมีระบบก็คงไว้ใจไม่ได้ 100% ดังนั้น ทางที่ดีคือ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ด้วย ซึ่งนอกจาก ’ต้องเพิ่มความใส่ใจ“ แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองยังควร ’รู้จักสัญญาณเตือน“ ที่ใช้เป็น “ลางบอกเหตุ” หรืออาจ “สกัดเหตุก่อนเกิด” ได้ ดังที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูล ซึ่งมีคำแนะนำไว้โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นคู่มือ ’การสังเกต“ กรณี ’บุตรหลานอาจเสี่ยงถูกล่วงละเมิดทางเพศ“

หลักในการสังเกตภัยเด็กภัยนี้ ข้อมูลโดยกรมอนามัยได้มีการระบุไว้ดังนี้คือ… ให้ ’มองหาสัญญาณการถูกล่วงละเมิด“ ทั้งจากสัญญาณที่มองเห็นได้ เช่น… รอยฟกช้ำบนร่างกาย ของส่วนตัวถูกทำลาย และจากสัญญาณที่มองไม่เห็น อย่างเช่น… แสดงความหวาดกลัวบ่อยครั้ง ตกใจง่าย วิตกกังวลมากผิดสังเกต หรือมีพฤติกรรมไม่ไว้วางใจบุคคลที่เข้าใกล้ และอีกสิ่งที่ก็อาจจะพอใช้เป็นข้อสังเกตได้คือ…เด็ก มีการคบเพื่อนใหม่ ๆ ไม่คบเพื่อนกลุ่มเก่าอีกต่อไป

นี่คือ ’สัญญาณที่ควรจะต้องสังเกต“

นอกจากนี้ สัญญาณที่มักพบจาก “เด็กกลุ่มเสี่ยง” นั้น ก็ยังมี… สัญญาณเตือนผ่านพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป“ ซึ่งถ้าพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ในครอบครัว หมั่นสังเกตบุตรหลานอย่างใกล้ชิด แล้วพบว่า… เด็กมีอาการ นอนไม่หลับติดต่อกันต่อเนื่อง หรือบางคนอาจแสดงออกมาผ่านทาง พฤติกรรมก้าวร้าวผิดปกติ รวมถึงอาจจะเกิด โรคกลัวไปโรงเรียน และ โรคกลัวการกลับบ้าน จากการที่เด็กรู้สึกทุกข์ทรมานในสถานที่ดังกล่าว …สัญญาณเช่นนี้ก็ต้องรีบตรวจสอบสาเหตุให้ชัดเจน

และนอกจากที่ระบุมาข้างต้นก็ยังมี ’สัญญาณเตือน“อื่น ๆ ที่ใช้เป็นหลักสังเกตได้ เช่น… มีพฤติกรรมหมกหมุ่นเรื่องเซ็กซ์มากผิดปกติ โดยถ้าเด็กถูกทารุณทางเพศอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในบางรายนั้นเด็กจะแสดงออกมาผ่านนิสัยที่ชอบแสดงความรู้เรื่องเพศที่โตกว่าวัยของตัวเอง หรือพูดถึงเรื่องเพศมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น อาทิ มีการใช้ภาษาเรื่องเพศที่ชัดเจนมากขึ้นโดยไม่รู้สึกเขินอาย เป็นต้น, ร่างกายและจิตใจมีความเปลี่ยนแปลงผิดปกติอย่างรวดเร็ว เช่น น้ำหนักตัวลดลงเป็นโรคเบื่ออาหาร เก็บตัวอยู่คนเดียวบ่อยขึ้นและนานขึ้น หรือไม่กล้าพบปะคนอื่น ซึ่งถ้าพ่อแม่ผู้ปกครอง คนใกล้ชิด ครู พบเห็นสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้ พบว่า เด็กผิดปกติไปจากเดิม ก็ต้องพยายามสอบถามเด็ก หรือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

ควร ’ต้องใส่ใจในการค้นหาสาเหตุ“…
โดย ’อย่าคิดหรือมองว่าเป็นเรื่องเล็ก“

ทั้งนี้ นอกจากการสังเกต “สัญญาณเตือน” ว่าเด็กอาจเข้าข่ายหรือเสี่ยงถูกล่วงละเมิดทางเพศข้างต้นแล้ว กับ ’การสกัดเหตุก่อนจะเกิด“ ก็เป็น ’ข้อมูลที่ยิ่งควรรู้“ โดย โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ มีการให้ข้อมูลไว้ว่า… ก่อนที่ “ผู้จะก่อเหตุ” จะลงมือนั้น ส่วนใหญ่มัก ’เตรียมเด็กไว้สำหรับการล่วงละเมิดทางเพศ“ซึ่งลักษณะพฤติกรรมนี้มีคำเรียกว่า Child Grooming“โดยการเตรียมเด็กไว้ล่วงละเมิดนั้น ผู้จะก่อเหตุมักแฝงตัวอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด อาทิ มีความพยายามจะเป็นเพื่อนกับเด็ก หรือพยายามสร้างสัมพันธภาพมากเกิน-ผิดปกติ เพื่อจะให้เด็กรู้สึกไว้วางใจ

แหล่งข้อมูลเดิมยังขยายความให้เห็นขั้นตอน ’เตรียมเด็กไว้ล่วงละเมิด“ ว่า… มักจะเริ่มจากการ ใช้อุบายล่อลวงหลอกล่อเพื่อให้เด็กรู้สึกปลอดภัย โดยเด็กจะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะนำไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าบางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นสัญญาณได้ชัดเจนว่าเด็กกำลังถูกเตรียมไว้สำหรับการล่วงละเมิด อย่างไรก็ตาม แต่ก็มี ’วิธีสังเกตเบื้องต้น“ อาทิ… ให้ขนมหรือของขวัญบ่อยจนผิดสังเกต โดยมีทั้งการให้กับเด็ก หรือบางทีก็มีการมอบให้กับครอบครัวของเด็กด้วย เพราะผู้จะก่อเหตุต้องการ ทำให้ครอบครัวเด็กรู้สึกว่าปลอดภัยรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ

จนเกรงใจยอมปล่อยให้เด็กไปด้วย

และข้อมูลของโรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ ยังมีส่วนที่ระบุว่า… สิ่งผิดปกติที่อาจจะพอสันนิษฐานได้ว่าเด็กกำลังตกเป็นเป้าหมาย Child Grooming“นั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ครู อาจจะสังเกตเห็นได้จาก พฤติกรรมผิดปกติบางอย่าง เช่น เด็กมีเงินใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อกว่าปกติ หรือจู่ ๆ ก็มีของใช้ราคาแพง ซึ่งถ้าพบสัญญาณแบบนี้ก็ควรจะ ’ต้องเพิ่มการใส่ใจเด็กเป็นพิเศษ“เพราะเด็กอาจจะกำลังเป็น ’เป้าหมาย“ โดยที่ ’ผู้จะก่อเหตุกำลังเตรียมเหยื่อ“ ไว้ก่อเหตุ…

’ล่วงละเมิดเด็ก’ ภัยเด็ก ’อย่าวางใจ“
’สังเกตได้“ ดังนั้น ’ก็ควรต้องสังเกต“
’กันเหตุก่อนเกิด“ ทำได้ ’ดีกว่าแก้“.