เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ราคาโกโก้พุ่งทะยานเป็นมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ราว 366,600 บาท) ในนครนิวยอร์ก หลังภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่ดี เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและโรค ซึ่งในเวลาต่อมา ราคาโกโก้ก็ลดลงจากระดับสูงสุด แต่มันยังคงสูงกว่าตัวเลขในปีที่แล้วถึง 3 เท่า

ทางการไอวอรีโคสต์ และกานา ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลก กำหนดราคาโกโก้ในช่วงเดือน ต.ค. โดยอ้างอิงจากเดือนก่อนหน้า แต่นายต็องเกรด วอยทูเรียซ จากองค์กรวิจัยและความร่วมมือทางการเกษตรแห่งฝรั่งเศส “ไซราด” (CIRAD) กล่าวว่า ในช่วงเวลากำหนดราคาโกโก้ ผลผลิตส่วนใหญ่ถูกขายล่วงหน้าไปแล้ว

จริงอยู่ที่การกระทำดังกล่าว ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาโกโก้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ส่งผลให้ผู้ผลิตรายเล็ก ซึ่งมีรายได้พอประทังชีวิต ไม่ได้รับประโยชน์จากราคาที่พุ่งสูงในทันที

สำหรับประเทศที่มีระบบควบคุมน้อยกว่า เช่น แคเมอรูน, ไนจีเรีย, เอกวาดอร์ และบราซิล เกษตรกรปลูกโกโก้ สามารถกอบโกยกำไรมากขึ้นจากแนวโน้มดังกล่าว อีกทั้งเกษตรกรยังได้รับอนุญาตให้ขายผลผลิตของพวกเขา กับผู้ที่ยินดีซื้อโกโก้ในราคาเดียวกับที่จ่ายในตลาดการเงิน แต่แนวทางข้างต้นก็มีความเสี่ยงในตัวเองด้วย

นายเดวิด กอนซาเลส ผู้ประสานงานจากสมาคมกาแฟและโกโก้ของเปรู กล่าวว่า ราคาโกโก้ที่พุ่งสูง ทำให้การผลิตน่าดึงดูดมากขึ้น ทว่าสิ่งที่น่ากังวลคือ มันจะมีโกโก้ส่วนเกินในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกษตรกรหวังทำเงินจากการปลูกต้นโกโก้ใหม่ ส่งผลให้ราคาโกโก้ร่วงลงสู่ระดับต่ำ

อนึ่ง บริษัทแปรรูปรายใหญ่ที่เปลี่ยนเมล็ดโกโก้เป็นไขมันโกโก้, โกโก้ลิเคอร์ หรือผงโกโก้ มักเจรจาต่อรองการจัดหาวัตถุดิบส่วนใหญ่ล่วงหน้า แต่สัญญาบางฉบับอาจบังคับให้พวกเขาต้องหาโกโก้ที่ต้องการอย่างเร่งด่วน ซึ่งมีต้นทุนสูง หรือต้องชะลอการผลิตในบางกรณี

ด้านนายสตีฟ เวตริดจ์ จากบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ “ทรอปิคอล รีเสิร์ช เซอร์วิเซส” กล่าวว่า คนกลางรายย่อยประสบความลำบากในการเบิกเงินทุนล่วงหน้า เพื่อปรับตัวให้เข้ากับราคาที่สูงขึ้น กระนั้น คนกลางกลุ่มหนึ่งจะรู้สึกดีใจกับแนวโน้มดังกล่าว ซึ่งพวกเขาคือ “ผู้ลักลอบ” เนื่องจากผู้ค้าในตลาดมืด อาจใช้ประโยชน์จากระบบในไอวอรีโคสต์ และกานา โดยซื้อโกโก้ในราคาที่สูงกว่าราคาคงที่เล็กน้อย และขายต่อในตลาดเปิดหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น โตโก, กินี, ไลบีเรีย หรือเซียร์ราลีโอน

ตามข้อมูลขององค์การโกโก้ระหว่างประเทศ (ไอซีซีโอ) ราคาโกโก้ที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุมาจากอุปทานไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ เป็นปีที่สามติดต่อกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ผลิตหลายรายอาจเปลี่ยนสูตรของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีโกโก้เป็นส่วนประกอบ เช่น การเพิ่มสัดส่วนของวัตถุดิบอื่น ๆ อย่างเฮเซลนัท หรือลดขนาดของผลิตภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการโยนภาระด้านราคาให้กับผู้บริโภค ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงอยู่แล้ว.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES