@ภาพของการเมืองใหญ่ ที่เป็นเรื่อง”ชี้เป็นชี้ตาย” ของ ประเทศไทย ยังเป็นเรื่องของ”เศรษฐกิจ”ของประเทศ ที่มองไปทั่ง 180 องศา ก็ยังคงเป็นบรรยากาศแบบ” มืดแปดด้าน” การท่องเที่ยวที่ว่าดี ก็ยังไม่ดีจริง นักท่องเที่ยวเข้ามายัง”ไม่ตามเป้า” ที่สำคัญ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้จ่าย”แบบฟุ่มเฟือย” เหมือนในอดีต…อสังหาริมทรัพย์ที่”ติดลบ” บ้าน,คอนโด” ที่ยัง”ขายไม่ออก” ต้องรอแรงซื้อจาก”ต่างชาติ” ตลาดหุ้น หรือ”ตลาดหลักทรัพย์” ที่ตั้งแต่”เศรษฐา ทวีสิน” เข้ามาบริหารประเทศ ยังไม่เห็น”วี่แวว” ความหวังว่า”ตลาดหุ้นไทย” จะ”โงหัว”ขึ้น มีแต่ลงสู่”จุดต่ำ” แม้จะไม่ถึงจุด”ต่ำสุด” แต่ก็”ติดลบ”เป็น”เป็นประวัติการณ์”……ก็เห็นนะว่า “เศรษฐา ทวีสิน” มีการ”ดิ้นรน” อย่าง”สุดกำลัง” ในการที่จะทำให้”เศรษฐกิจ” ของประเทศดีขึ้น แต่เมื่อ”ไม่ดีขึ้น” ก็ต้อง”ยอมรับความจริง” ว่า วิธีการแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ” ของ”รัฐบาลเพื่อไทย” ยังไม่ใช่ “แนวทาง” ที่ถูกต้อง ดังนั้น ครม .เศรษฐกิจ ของ”เพื่อไทย” ต้อง”คิดใหม่ทำใหม่” หรือต้อง”ขบโจทย์ให้แตก” ว่าทำไม่ นโยบาย ในการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่”เพื่อไทยใช้” จึงไม่สามารถนำ”ประเทศไทย” ในการ”ฟันฝ่าอุปสรรค” ให้ ดีขึ้นอย่างที่ต้องการ…..เชื่อ เถอะ แม้ว่า “รัฐบาล” จะมีการ”ผ่านงบประมาณ” ไปได้ เพราะ”มือของฝ่ายค้าน” สู้มือของฝ่าย”รัฐบาล” ที่ยังอยู่ในช่วงการ”สะสมเสบียงกรัง” และยังไม่มี”พรรคการเมืองไหน” ที่มีความพร้อมในการ”เลือกตั้ง” ดังนั้น”พรรคร่วม” จึงยัง”เหนียวแน่น” ในการ”จับขั้ว” เพื่อ”ขับเคลื่อน” ประเทศไปข้างหน้าแบบ”ถูลู่ถูกัง” โดยไม่เกรงใจประชาชน ที่เป็น”เจ้าของประเทศ”แต่เพียง”ในนาม” เท่านั้น…..
@วันที่ 3 กรกฎาคม “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีการ”ชี้ขาด” ว่า” เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี มีความผิด ตามการ”กล่าวหา” ของ” สมาชิกวุฒิสภา” ในการ”แต่งตั้ง” พิชิต ชื่นบาน เป็น”รัฐมนตรีสำนักนายก” ซึ่งก่อนหน้านี้ “กูรู”ทาง”กฎหมาย” ต่างมั่นใจว่า “เสี่ยนิด” อาจจะไปไม่รอด แม้ว่า”พิชิต ชื่นบาน” จะ”ลาออก” ไปแล้วก็จริง เพราะ”ความผิด” อยู่ที่คน”เซ็นแต่งตั้ง” ที่ยังทำหน้าที่เป็น”นายกรัฐมนตรี” อยู่ …..แต่หลังจากที่”เศรษฐา ทวีสิน “ ได้”วิษณุ เครืองาม” อดีต” รองนายกฝ่ายกฎหมาย”ในสมัยของ”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี” มาทำหน้าที่”ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย” เพราะทุกคนต่างรู้”กิตติศัพท์” ของ”วิษณุ เครืองาม” เป็นอย่างดี ในการ”พลิกฤาษีลงล่าง” แสดง”อภินิหาร” ในเรื่องของ”กฎหมาย” ของ”ประเทศไทย” มาแล้วหลายครั้ง ครั้งนี้จึงเชื่อว่า”เศรษฐา ทวีสิน” ต้องมี”รูรั่ว” ของ”กฎหมาย” ให้”รอดพ้น”จากการ”พิพากษา” ของ”ศาลรัฐธรรมนูญ” เพื่อให้”เสี่ยนิด” สามารถ”ไปต่อ” ในตำแหน่ง” นายกรัฐมนตรี” ของ”ประเทศไทย” ต่อไปจนกว่า เจ้าของ”พรรค” ที่เป็น”ตัวจริง” จะต้องการ”ปรับเปลี่ยน” ผู้นำประเทศ…..
@ส่วนเรื่องการ”ลงดาบ” เพื่อ”ประหารชีวิต” ของ”พรรคก้าวไกล ที่โดย”ข้อเท็จจริง” นักกฎหมาย”ส่วนหนึ่ง” เห็นว่า”พฤติการณ์” ของ”พรรคก้าวไกล” ยังไม่ควรที่จะถึงการ”ยุบพรรค” แต่ “คนส่วนใหญ่” กลับเชื่อว่า”พรรคก้าวไกล” ต้องถูก”ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งยุบทั้งหมดเป็น”ความเชื่อ” ของคน”ส่วนใหญ่” ของประเทศนี้ ซึ่งก็จะทราบกันในวันที่ 10 กรกฎาคม ว่า ยังจะมีพรรคการเมืองที่ชื่อ”ก้าวไกล” อยู่บนถนน”การเมือง”ของประเทศนี้หรือไม่ และจะมี”พรรคการเมืองใหม่” ที่”อุบัติใหม่” มาแทนที่”พรรคก้าวไกล” เพื่อทำการ”ขับเคลื่อน” นโยบาย ทางการเมืองของ”พรรคก้าวไกล”ต่อไป ซึ่งเป็น”อุบัติการณ์” ของการ”ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” ของ”พรรคก้าวไกล” ที่”ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้แต่”ยุบพรรค” แต่ไม่สามารถ”ประหัตประหาร” อุดมการณ์ ของคนในพรรคให้”ม้วยมอด”…..ส่วนหลังจากที่มีการ”ยุบพรรคก้าวไกล”แล้ว จะมี “สส.ของพรรคย้ายไป”สังกัดพรรคใหม่” จำนวนเท่าไหร่นั้น ในวงการของการเมืองเชื่อว่า”มีแน่” แต่ก็ถือเป็นเรื่อง”ปกติ”ของ”การเมือง” และในพรรคก้าวไกลก็เช่นกัน ที่ในการ”เลือกตั้ง” ที่ผ่านมา มี”นักการเมือง” กลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่”เนื้อแท้” ของพรรคก้าวไกล แต่”โหนกระแส” ของพรรคก้าวไกล จนได้เป็น “ผู้แทน” และเมื่อ”พรรคถูกยุบ” ก็จะย้ายไปอยู่”พรรคการเมืองอื่น”ที่”อ้าแขนรอ” เพราะต้องการเพิ่ม”ตัวเลข” ของ สส.ของพรรค เพราะ “จำนวน สส.” ที่เพิ่มขึ้น สามารถ”ต่อรอง” ทางการเมือง ในการ แสวงหา”ผลประโยชน์” ที่ต้องการได้ นั่นคือ”ฉากทัศน์” ทาง”การเมือง”ของ”ประเทศไทย” ในเดือน กรกฎาคม …..
@ถามมาจากประชาชน โดยเฉพาะ”ชาวรากหญ้า” ถึงเรื่องการ”แจกเงินหมื่น” จากโครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ที่”เพื่อไทย” ยัง”เชื่อมั่น”ว่าจะเป็น”ยาวิเศษ” ในการ”ฟื้นคืนชีวิต” เศรษฐกิจของประเทศได้ ก็ตอบให้”สบายใจ” กันได้ว่า”เงินดิจิตัลวอลเล็ต” จะมีการ”แจกถึงมือ” ของ”ประชาชน”อย่างแน่นอน และต้องเป็นภายในปี 2567 นี้ แต่ที่ไม่”มั่นใจ” คือ”เงินดิจิตัลวอลเล็ต” จะเป็น”ยาวิเศษ” อย่างที่ “รัฐบาล” โดยเฉพาะ”ฝ่ายเศรษฐกิจ”ของ”เพื่อไทย” คาดหวัง น่าจะ”ไม่ง่าย” เผลอๆ เสียเงิน 500,000 ล้านบาท เสีย”ดอกเบี้ยเงินกู้” และ “สร้างหนี้” ให้กับ”ประเทศชาติ” และ”ประชาชน” โดยที่ได้ผล”ตอบแทน” ที่ไม่”คุ้มค่า” อย่างที่เรียกว่า”ไปทั้งโซ่ทั้งลิง” นั่นเอง……
@เรื่องความ”อื้อฉาว” ในวงการ”สีกากี” ยังไม่จบง่ายๆ ครั้งแรก ที่เข้าใจว่าหลังการที่ “พล.ต.อ.กิตต์รัฐ เพ็ชรพันธุ์” รักษาการ ผบ.ตร. “จรดปากกา” เซ็นคำสั่งให้”บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการ แล้ว เรื่องคงจะจบ แต่เมื่อ”บิ๊กโจ๊ก” ดิ้นรนสู้”เต็มเหนี่ยว” ทุกประตูที่มี”รู”หรือ”ช่อง” ให้”เล็ดลอด” ยิ่งทำให้การ”ต่อสู้” ระหว่าง”บิ๊กโจ๊ก” และ”คณะ” กับ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” หรือ”บิ๊กต่อ” ผบ.ตร. และ”ลูกทีม” ยิ่งทำให้เรื่องความ”ขัดแย้ง” ในวงการ”สีกากี” ทั้ง”รุนแรง” และ”ร้าวลึก” ……และยิ่งได้”มือกฎหมาย” ที่มี”อภินิหาร” อย่าง”วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษากฎหมายของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีเข้ามา”ข้องเกี่ยว” ยิ่งทำให้”บิ๊กโจ๊ก” มี”พลัง” ในการ”ดิ้นรน” กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่” เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เซ็นคำสั่งให้” บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับเข้ามารับตำแหน่ง ผบ.ตร. อีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้” พล.ต.อ.กิตต์รัฐ เพ็ชรพันธุ์” รักษาการ ผบ.ตร. อยู่หลายเดือน โดยที่”บิ๊กโจ๊ก” ยังไม่ได้กลับมาเป็น”เบอร์ 2 ของ” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “ยิ่งทำให้”บิ๊กโจ๊ก” ออกอาการ”ทั่งเหวี่ยงทั้งวีน” ถึงกับ”ลั่นปาก” จะฟ้อง”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ “ใครต่อใคร” ในวงการ”สีกากี” โดยเฉพาะ”พล.ต.อ. กิตต์รัฐ เพ็ชรพันธ์” รองผบ.ตร. ผู้ที่ เซ็นคำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจาก”ราชการ” ซึ่ง”บิ๊กโจ๊ก” และ”ลูกทีม” เห็นว่าเป็น”คำสั่ง”ที่”ไม่ชอบ” ด้วย”กฎหมาย” ซึ่ง เรื่อง”ชอบ”ไม่ชอบ” ด้วย”ข้อกฎหมาย” ใน”คำสั่ง” ดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายต่าง”ตีความ” เข้าข้างตนเอง ที่สุดท้ายแล้วคงต้องรอการ”ชี้ขาด” จาก”กูรู” ด้าน”กฎหมาย” อีกครั้ง เรื่องของวงการ”สีกากี”ของประเทศไทย จึงยังคง”อื้อฉาว” ต่อไป จนกว่าจะผ่านการ”แต่งตั้ง” ผบ.ตร. คนใหม่ แทน”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ที่แม้จะได้กลับมา นั่งในตำแหน่ง “ผบ.ตร. แต่อีก 3 เดือน ก็ต้องพ้นตำแหน่งจากการ”เกษียณอายุราชการ” …..
@สำหรับ ผบ.ตร. คนใหม่จะเป็นใคร ก็ต้องติดตามดูว่า” การเมือง” ต้องการให้ใครมาเป็น”เบอร์ 1 “ ของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เพราะ”หน่วยงานนี้” ไม่ต้องการคน”มีฝีมือ” ในการ” ดูแลความ”สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” และ”ทุกข์-สุข” ของ”ประชาชน” แต่ต้องการเพียงให้”หน่วยงาน” รับใช้”การเมือง” เป็น”ด้านหลัก” ดังนั้นใน”วงการสีกากี”ของ”ประเทศไทย” จึงตกยู่ใน”วังวนน้ำเน่า” แบบไม่มีวัน”ถอนตัวขึ้น” หาก”การเมือง” ยังต้องการ”ตำรวจ” เป็น”เครื่องมือ” ทางการเมือง อย่างที่เป็นอยู่…..แต่จากการติดตามดู ในห้วงที่” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เพ็ชรพันธุ์” หรือ”บิ๊กต่าย” รักษาการ ผบ.ตร. มีการ”สั่งการ” ให้”ตำรวจ” หยุดการ”รับส่วย” จนทำให้”ขบวนการจ่ายส่วย” ทั้ง”บ่อนการพนัน” ทั้ง”บ่อนออนไลน์” ทั่ง”วงการค้าของเถื่อน” ต่าง”ระสำระสาย”ไปทั่ว โดยเฉพาะ”บ่อนการพนัน”ที่มี”ที่ตั้ง” ในการ”เปิดบ่อนถาวร” กลายเป็น”บ่อนวิ่ง” เพื่อมิให้”ตำรวจท้องที่”เดือดร้อน หากมีการ”จับกุม” จาก”หน่วยอื่นๆ” ที่เข้ามา”ตีเมืองขึ้น” ก็ทำให้”ภาพลักษณ์” ของ”ตำรวจ”ดีขึ้นในสายตาของประชาชน……
@โดยข้อเท็จจริง “ตำรวจไทย” มี”ฝีไม้ลายมือ” ไม่แพ้”ตำรวจ”ในประเทศอื่นๆ ที่มี”ชื่อเสียง” จะเห็นว่าถ้า”ตำรวจ” ตั้งใจทำหน้าที่ มี”ผู้บังคับบัญชาที่ดี” มี”ขวัญกำลังใจ” มี”สวัสดิการ” ที่ทำให้”ครอบครัว” มีความสุข งานทุกเรื่องที่อยู่ในความ”รับผิดชอบ”ของ”ตำรวจ”ไปได้ดี และมี”ประสิทธิภาพ” เช่นเรื่องการ”ปราบปรามจับกุมยาเสพติด” เรื่องการ”ปราบปรามจับกุมผู้ร้าย” ไม่ว่า “เล็ก-ใหญ่” ตำรวจไทย ทำได้สำเร็จทุกเรื่อง……ยกเว้นที่จะไม่ทำอย่าง กรณีของ” แป้ง นาโหนด” หรือ”เชาวลิต ทองด้วง” ที่มี”เจตนา” จะปล่อยให้”หลบหนี” โดยการ”ช่วยเหลือ” ให้หลบหนี ออกจาก”ประเทศไทย” เพราะ เกรงว่าถ้า”แป้ง นาโหนด” ถูก”จับกุม” โดย”ตำรวจ”จาก”ส่วนกลาง” ความลับมากมาย ที่อยู่กับ”แป้ง นาโหนด” อาจจะถูก”คายออกมา” ทำให้”ตำรวจน้อยใหญ่” ใน ผบช.อาจจะติด”ร่างแห”ซวยไปด้วย แต่สุดท้าย ด้วยความที่ไม่เห็น”กฎหมาย” อยู่ใน”สายตา” ทำให้”แป้ง นาโหนด” ต้องพบกับ”จุดจบ”เร็วกว่าที่คิด และ”จนมุม” ให้กับทีมงานของ” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรม จบเรื่องของ”แป้ง นาโหนด” ที่เป็น”เด็กสร้าง” ของ”ตำรวจบางนาย” แห่งเมือง”พัทลุง”……
@อีกเรื่องที่”โด่งดัง” ในขณะนี้คือเรื่องของ”เสี่ยโจ้” หรือ”สหชัย เจียรเสริมสิน” ที่เป็น”พ่อค้าน้ำมันเถื่อน” ที่ว่ากันว่าเป็น”เด็กสร้าง” ของ”ตำรวจน้ำ” ที่รู้กันดีในวงการว่าที่มีหน้าที่”เก็บส่วยน้ำมันเถื่อน”ทั่วประเทศ ซึ่งครั้งนี้”บังอาจ” วางแผนในการ”โจรกรรมเรือที่เป็นของกลาง” พร้อมทั้ง”น้ำมัน” จาก สถานีตำรวจน้ำ สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่ถูก”จับกุมโดยตำรวจน้ำ” จนมีเหตุให้ต้องมีการ”ตามล่าตามล้าง”กลาง”ทะเลอ่าวไทย” แม้ว่าสุดท้าย “ตำรวจน้ำ” จะสามารถติดตาม”เรือของกลางทั้งสามลำ” กลับมาได้ แต่”น้ำมันของกลาง” และ”ผู้ต้องหา”อีก 8 คน ก็”หายจ้อย”……วันนี้ “สังคมไทย” กำลัง”จับตามอง” ว่า คดีนี้จะจบอย่างไร “ตำรวจสอบสวนกลาง” ที่เป็นผู้กำกับหน่วยงานของ”ตำรวจน้ำ” จะสามารถ”ล้วงลึก” ในการ”เอาผิด” กับ”ตำรวจใหญ่” ที่ร่วมมือกับ”เสี่ยโจ้” ในการ “โจรกรรมเรือของกลาง”ได้หรือไม่ และ สามารถ”สืบสวนสอบสวน” เพื่อหา”พยานหลักฐาน” ในการ ออกหมายจับ” เสี่ยโจ้” และ”ลูกน้อง ที่อยู่ใน ภาค”ตะวันออก” ที่เป็น “เครือข่าย” ของ”เสี่ยโจ้” ได้หรือไม่ และที่สำคัญข่าว”วงใน” ให้”เบาะแส” ว่า เรื่องทั้ง 3 ลำ ของ”เสี่ยโจ้” และ”น้องชาย” ก่อนที่จะ”ถูกจับ” ต่าง”ลอยลำ” ใน”น่านน้ำสากล” ไม่ได้อยู่ใน”น่านน้ำไทย” แต่ถูก”ลากเข้ามา” เพื่อ”แจ้งข้อหา” และ”จับกุม” โดยมีสาเหตุจากความ”ไม่พอใจ” ที่เรือทั้ง 3 ลำไม่มีการ”จ่ายส่วย” โดยอ้างว่าอยู่”นอกน่านน้ำ” เรื่องนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดในวงการ”เจ้าหน้าที่รัฐ” กับ”ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน” เพียงแต่หลังถูกจับมามี”นายทุน” คนไหน”เหิมเกริม” ขนาดวางแผน”โจรกรรมเรือที่เป็นของกลาง”…..เรื่องนี้ถ้า”เสี่ยโจ้” พร้อมที่จะ”แตกหัก”ก็ต้อง”แสดงหลักฐาน” ให้”ศาลเห็นว่า” ในวันที่ถูก”จับกุม” เรือทั้งหมดอยู่”นอกน่านน้ำไทย” แต่เชื่อเถอะ เรื่องของ”เสี่ยโจ้” เดี่ยวก็หายไปหลังจาก”สื่อ” เลิกให้ความสนใจ สุดท้ายก็มีการ”ฟ้องลูกเรือ” ในข้อหา”ร่วมกัน” ในการ “โจรกรรมเรือและน้ำมันของกลาง” ส่วนตัวของ”เสี่ยโจ้” และ”พวก ก็ไม่มี”พยานหลักฐาน” ในการ”เอาผิด” คือ”สาวไม่ถึง”ว่างั้น ……
@ก็ผ่านไปแล้ว สำหรับการเลือกตั้ง”สมาชิกวุฒิสภา” แบบ”พิสดารบันลือโลก” ที่มีอยู่แห่งเดียวในโลกที่”ประเทศไทย” ที่ใช้เวลาในการ”เลือกตั้ง” แบบ”ข้ามวันข้ามคืน” จนได้ สว. จำนวน 200 คน และขึ้น “ทะเบียนสำรอง” อีก 100 คน แทนคนที่”ถูกสอย” คนที่”ลาออก” และ”ตาย” โดยไม่มีการ “เลือกตั้งใหม่” โดยรวมก็ถือว่า” คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ( กกต. ) สอบผ่าน แม้ว่าจะมี”บางเรื่อง” ที่”ขลุกขลัก” เช่นปัญหาเรื่อง”นับคะแนน” เรื่องของ”เครื่องเสียง” แต่ก็ให้อภัยกันเถอะ เพราะการ”เลือกตั้ง” แบบที่” ปรมาจารย์” ทาง”กฎหมาย “มีชัย ฤชุพันธ์” เขียนขึ้น เพื่อใช้ในการ”เลือกตั้ง สว. ครั้งนี้ เป็น”ของใหม่” ทั้งผู้ที่จัดให้มีการเลือกตั้ง” และ”ประชาชน” ที่เข้าไปลง”สนาม” ในการ “เลือกตั้ง” จึงค่อนข้าง”อลเวง” ในบางจุด บาง จังหวะ และ บางเรื่องบางราว แต่ไม่ต้องไป”แก้ไขอะไร” เพราะเชื่อว่า” กฎกติกา” การเลือกตั้ง” แบบนี้จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะต้องมีการ”แก้ไข” หรือมีการ”ปรับเปลี่ยน” ใน”อนาคต” อย่างแน่นอน……
@ปัญหาของ” กกต.คือเรื่องการมีการ”ร้องเรียน” เพื่อให้มีการ”ตรวจสอบ” และ”เอาผิด” กับผู้ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกว่า 600 กว่าเรื่อง ทั่วประเทศ ที่มี”ผู้ร้อง” ให้มีการ”ตรวจสอบ” ที่มากที่สุดน่าจะเป็นปัญหาของ”ผู้สมัคร” ที่”ไม่ตรงปก” กับ”วิชาชีพ” ที่มีการระบุไว้กว้างๆ และการ”ตั้งข้อสังเกต” จากผู้สมัคร( บางคน) ที่ “สอบไม่ผ่าน” และ”คะแนนไม่สวย” ทั้งที่เข้าใจว่าตนเอง”โปรไฟล์” ดี แต่ทำไม”คะแนนน้อย” จึงออกมา”ตั้งข้อสังเกต” เพื่อให้” กกต. ทำการ”ตรวจสอบ” ในทาง”กลับกัน” ถ้า”ผู้ร้อง” ได้”คะแนนมาก” คงจะไม่”ตั้งข้อสังเกต” และอาจจะ”ชื่นชม” ว่าเป็นการ”เลือกตั้ง” ที่ดี แต่เชื่อเถอะ สุดท้าย กกต. ก็ต้องทำตาม”กรอบของกฎหมาย” คือทำการ”รับรอง” ผู้ที่ได้รับการ”เลือกตั้ง” ไว้ก่อน แล้วค่อย”สอย” ผู้ที่”ทำผิด” ภายหลัง” ( ถ้ามีหลักฐานเพียงพอ) ส่วน สว. ชุดนี้ ซึ่งถูก”ปรามาส” จากหลายฝ่าย จะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน อย่างไร ก็ต้อง”ติดตาม” อย่าเพิ่ง”ติเรือทั้งโกลน”……ส่วนที่ต้องถือว่า”เซอร์ไพร์” มากที่สุดคือการที่”สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีต”นายกรัฐมนตรี” ที่”สอบตก” ไม่สามารถ”เข้ารอบ” สุดท้ายในการ”เลือกตั้ง” ครั้งนี้ เนื่องจาก” ในกลุ่ม” ที่” “นายกสมชาย” อยู่นั้นไม่มี”พรรคพวก” ที่”สนับสนุน” จึงทำให้ได้”คะแนน” น้อย ถือเป็นเรื่อง “ปกติ” ของการ”เลือกตั้ง” ทุกระดับของ”ประเทศไทย” ก็ไม่ต่างกับ”คนดัง” คืออื่นๆ ของ”ประเทศไทย” ที่ต่าง”สอบตก” กับ”กติกา” ของการ “เลือกตั้ง” ครั้งนี้ ที่การสร้าง”เครือข่าย” มีความสำคัญกว่าการสร้าง “ภาพลักษณ์” และการนำเสนอ”ผลงานประวัติ” ของผู้สมัคร และต้อง แสดงความยินดีกับ” บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีต แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งลงสมัครใน กลุ่ม 1 และได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุด 75 คะแนน สูงกว่า ทุกคน ใน ทุกกลุ่ม……
@เรื่องของ”ไฟใต้” ที่เป็นปัญหา”ทศนิยมไม่รู้จบ” สถานการณ์”สงบ”ได้ไม่กี่วัน ในห้วงของ”รายอฮัจยี” ที่หลังจากผ่านห้วงของ”รายอฮัจยี”แล้ว สถานการณ์ความรุนแรง ก็ติดตามมาเหมือน”ปกติ” ล่าสุด”ปฏิบัติการ” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ยังคงเป็น”เป้าหมาย” ของการ”ปฏิบัติการ” ที่”กองกำลังอาสารักษาดินแดน” ในพื้นที่ อ.ศรีบรรพต จ.นราธิวาส และก็คงจะเกิดขึ้นกับทุกพื้นที่ของ สามจังหวัดและสี่อำเภอของ จ.สงขลาตามแต่”โอกาส” ที่เกิด”ช่องว่าง” ของ “กองกำลัง” ในพื้นที่ “เป้าหมายชัด “โอกาสมี ทางหนีพร้อม” เมื่อไหร่ ความ”สูญเสีย” ก็เกิดในทันที เรื่อง”ความสูญเสีย” ของ” เจ้าหน้าที่รัฐ” และ”กองกำลังท้องถิ่น” กลายเป็นเรื่องที่” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ป้องกันไม่ได้ เรื่องนี้ ตลอดระยะที่ผ่านมา “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทำได้แค่”เตือน” ให้”กำลังพล” ระมัดระวัง เท่านั้น ส่วนเรื่องการป้องกันกลายเป็นเรื่อง”ชีวิตใครชีวิตมัน” เพราะ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ห่วงใยในเรื่องของ”อาวุธปืนหลวง” ที่ไม่ต้องการให้ตกใน”มือ”ของ” กองกำลังติดอาวุธ” เท่านั้น ดังนั้น”ปืนหลวง” จึงห้ามนำติดตัวหลังจากการ”ออกเวร” ในขณะที่”ภาคประชาสังคม” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็ไม่ได้”สนใจ” การออกมา”ตักเตือน” ของ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่ “ร้องขอ” ให้หยุดการ”จัดกิจกรรม” ต่างๆ ที่”หมิ่นเหม่” กับ”กฎหมาย” ของ”ความมั่นคง” ล่าสุดในการจัด”กิจกรรมกีฬากำปง” ก็มีการนำ”เด็กๆ”ออกมา”แสดงออก” ที่เหมือนกับการทำผิด”กฎหมาย” ต่อ”เด็กๆ และ เยาวชน เรื่องนี้ฝ่ายที่รับผิดชอบ”ภาคประชาสังคม” ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ต้องไม่”เงียบเฉย” เพราะยิ่ง”เงียบเฉย” ก็จะยิ่งสร้างความ”ฮึกเหิม” ให้กับ”ปีกทางการเมือง” ของ”บีอาร์เอ็น” แต่ในขณะเดียวกับการ”บังคับให้กฎหมาย” ก็ต้องทำความเข้าใจกับ”ประชาชน” และ”สังคม” เพราะ”บีอาร์เอ็น” ก็ต้องการ”ยั่วยุ” ให้มีการ”บังคบใช้กฎหมาย” กับการจัด”กิจกรรมหมู่บ้าน” เพื่อสร้าง”เงื่อนไข” ให้เห็นว่า”ประชาชน”ถูก”รังแก” จาก” “เจ้าหน้าที่รัฐ…..
@ส่วนประเด็น”การพูดคุยสันติสุข” ที่”หลายฝ่าย” มี”แนวคิด” จะเชิญอดีต”รองประธานาธิบดี” ของประเทศอินโดนีเซีย มาเป็น”ผู้อำนวยความสะดวก” ในการ”ขับเคลื่อน” การ”พูดคุยสันติสุข” แทนอดีต “ผบ.ทบ. ของประเทศมาเลเซีย ก็คิดกับให้”รอบคอบ” ว่า” มาเลเซีย” คิดอย่างไร และ”พอใจ” หรือไม่ รวมทั้ง”บีอาร์เอ็น” เอง เห็นอย่างไรกับการให้” ตัวแทนของอินโดนีเซีย” เข้ามาเป็น”ผู้อำนวยการ” จะเป็นการ”แก้ปัญหาหรือการสร้างปัญหา” เพราะรู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าใครจะเป็น”ผู้อำนวยการ” ปัญหาของ”ไฟใต้”ของไม่มีการ”ยุติ” เพราะการ”พูดคุย”หรือการ”เจรจา” เป็นเพียง “ ฉากทัศน์” แห่งความ”หลอกลวง” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่ไม่มีความ”จริงใจ” แต่เป็นการใช้การ”เจรจา” เพื่อการ”ถ่วงเวลา” ในการสร้างความ”เติบโต” ทาง”มวลชน” เพราะการสร้าง”มวลชน” ให้”เติบโต” และ”สนับสนุน” ขบวนการเท่านั้น จึงจะทำให้”บีอาร์เอ็น” ประสบความสำเร็จ ตามที่ต้องการ สำหรับเรื่องที่ต้องการให้”เปลี่ยนตัว” ผู้อำนวยความสะดวกในการ”พูดคุยสันติสุข” ระหว่าง รัฐบาลไทย กับ บีอาร์เอ็น จาก” อดีตผู้บัญชาการกองทัพบก” ของ ประเทศมาเลเซีย เป็น “อดีตรองประธานาธิบดี” ประเทศอินโดนีเซีย มาจาก”แนวคิด”ของ” พล.อ. นิพัทธิ์ ทองเล็ก” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว……
@”รอนิง ดอเลาะ” ผู้ประสานงาน”กลุ่มด้วยใจ” ที่เป็น”ภาคประชาสังคม”ใน จ.ปัตตานี ถูก”คนร้าย” ยิงเสียชีวิต ที่บ้านพัก หลังเกิดเหตุ “แนวร่วม” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็ออกมาทำ”ไอโอ”ว่าเป็น”ฝีมือ”ของ”เจ้าหน้าที่รัฐ” วันนี้ผลพิสูจน์”ปลอกกระสุนปืน” ที่ใช้ในการ”ก่อเหตุ” มีหลักฐานว่าเป็น”ปืน” ที่ เคยใช้ก่อเหตุ ฆ่าเจ้าหน้าที่ และประชาชน มาแล้วหลายคดี นั้นเป็น”ข้อเท็จจริง” ตาม”หลักฐาน” แต่ในความเป็นจริง”ชาวบ้าน”ไม่เชื่อเรื่อง”หลักฐาน” เรื่อง”นิติวิทยาศาสตร์” แต่ชาวบ้านเชื่อตามที่”บีอาร์เอ็น” ทำการ”ไอโอ” นี่คือ”สงครามความรู้สึกที่เป็นปมลึกของไฟใต้”…….เรื่องของคดี”ตากใบ” ที่มี”คนตาย” จากการถูก”ควบคุมตัว” เสียชีวิต 80 กว่าศพ “เหยื่อ” ที่”เสียชีวิต” ได้รับเงิน”เยียวยา”แล้วคนละ 7,500,000 บาท ส่วนเรื่อง”คดีอาญา” ในการ”เสียชีวิต” ของ”ประชาชน”จำนวนมาก” อัยการสั่งไม่ฟ้อง” เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง วันนี้ผ่านมาเกือบ 20 ปี คดีกำลัง”หมดอายุความ” ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ปรากฏว่า”ผู้เสียหาย” จาก”ครอบครัวผู้”สูญเสีย” จำนวน 48 คน มอบหมายให้”ทนาย” ยื่นฟ้องในคดีอาญาต่อ” เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จำนวน 9 คน เพื่อ”เอาผิด”ตาม”ป.วิอาญา” ที่ทำให้มี”คนตาย” และการ”ข่มขืนใจ” ส่วนเรื่อง “ ป.วิอาญา 157 “ ในการ”ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ฟ้องไม่ได้เพราะ”ขาดอายุความ” คดีนี้วันนี้อยู่ระหว่างการ”ไต่สวน” ของ”ศาลจังหวัดนราธิวาส ทั้งหมดเป็นการ”สอดคล้อง”กับการออกกฎ 5 ไม่” ซึ่งหนึ่งใน”กฎ 5 ไม่ “ คือ”ไม่ให้อภัยคนสยาม” ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น อย่าง กรณี”ตากใบ” ที่มีการ”ชดใช้”โดยการ”เยียวยา”และ”ขอโทษ” ก็ไม่ให้อภัย ที่สำคัญ สำหรับ”สถานการณ์ของ”ไฟใต้” เรื่องการ”ขอโทษ” และการให้”อภัย” เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องการให้”อภัย” ถ้าไม่มีการให้”อภัย” สถานการณ์ก็จะไม่”คลี่คลาย” เพราะยังมี”ไฟแค้นในจิตใจ” จะเห็นว่า”ยุทธศาสตร์”ของ”บีอาร์เอ็น” ทั้ง”ลึกซึ้ง” ทั้ง”น่ากลัว”….
@เรื่องของ”น้ำมันเถื่อน” ที่ไม่เกี่ยวกับ”เรือน้ำมันที่ถูกโจรกรรม”ของ”เสี่ยโจ้” คือเรื่องการ”ลักลอบค้ามันเถื่อน” ที่ ชายแดนอำเภอสะเดา ที่หลังจาก “รัฐบาลมาเลเซีย” มีการ “ขึ้นราคาน้ำมัน” จากลิตรละ 16 บาท เป็นลิตร ละ 26 บาท ทำให้การ ลักลอบ นำเข้าน้ำมันดีเซล จากประเทศมาเลเซีย เข้าประเทศไทย ลดจำนวนลง เพราะ กำไร ที่ น้อยลง ทำให้”ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน” ใน จ.สงขลา หันไป “ลักลอบ” นำเข้า”น้ำมันเบนซิน” แทน และ จำนวนมากขึ้น เพราะได้ กำไร มหาศาล เนื่องจาก”เบนซิน” ใน “มาเลเซีย” ราคาเพียงลิตรละ 16 บาท แต่ “เบนซิน” ในประเทศไทย ลิตรละ 40 บาท ทำ กำไรลิตรละ 20 กว่าบาท”จ่ายส่วย” ให้ “ทุกหน่วยตกลิตรละ 10 บาท ขบวนการน้ำมันเถื่อน” ยังมีกำไร”บานแบอะ” ถ้าจะ”หยุด” ไม่ให้”ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน” นำเข้า”น้ำมันเถื่อน”เข้ามา “ ศุลกากร” ที่รับผิดชอบ “แนวชายแดน”ทุกด่านของ จ.สงขลา ต้องทำหน้าที่ให้”เข้มแข็ง”กว่าที่เป็นอยู่ “ผู้ค้ามันเถื่อน” และ”ผู้ที่”ขนน้ำมันเถื่อน” ไม่ได้”วิเศษวิโส”มาจากไหน ถ้าจะ”จับกุม” หรือจะ”เข้มงวด” ทุกแนวชายแดน “น้ำมันเถื่อน” ก็จะหมดไป ที่สำคัญ” เจ้าหน้าที่บางหน่วย” ไม่เคยให้ความสนใจกับปัญหา”น้ำมันเถื่อน” ที่ชายแดนและมองว่าปัญหา”น้ำมันเถื่อน” เป็นเรื่องของ”กองทัพมด” ที่เป็น”วิถีชีวิต”ของคนในแนวชายแดน แต่โดย”ข้อเท็จจริง” ขบวนการ”ค้าน้ำมันเถื่อน” ไม่ใช่คนใน”ท้องถิ่น” แต่เป็นผู้คนจาก”พื้นที่อื่น” ที่เข้ามาทำการค้าน้ำมันเถื่อน โดยมี”นายทุน” ตั้ง”แท็งค์” ตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อ”รับซื้อ” และ”ลำเลียงโดย”รถบรรทุกน้ำมัน” เพื่อ”ส่งขาย” ให้กับ”ผู้ต้องการ” ใน จังหวัดภาคกลางเป็นหลัก……
@มีคดีแปลกๆ ที่มีการ”เรียกรับเงิน” จาก”ตำรวจ”เกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่ของ จ.พัทลุง ล่าสุด มีการ”เรียกรับเงิน” และมีการ”คืนเงิน” จนกลายเป็น”ข่าวฉาว” เกิดขึ้นอีกแล้ว เรื่องนี้ “พล.ต.ต. ณฐกรณ์ กาญจนาภรณ์” ผบก. พัทลุง อย่ามองว่าเป็น”เรื่องเล็กน้อย” เพราะเป็นความ”เสื่อมเสีย” ที่”ร้ายแรง” ของวงการ”สีกากี” ที่สำคัญทำไมเรื่อง ทำนองนี้เกิดขึ้นเป็นประจำใน”ท้องที่” ของ จ.พัทลุง ประเด็นนี้ต้องหา”สาเหตุ” เพื่อที่จะแก้ปัญหาได้ถูกจุด …..
@ประชาชนจาก 13 อำเภอ 73 ตำบล 588 หมู่บ้าน จาก จ.นราธิวาส ที่ไม่ได้รับเงิน”ช่วยเหลือ” จาก” น้ำท่วมใหญ่” ในเดือน ธันวาคม 2566 ผ่านมาแล้ว 7 เดือน ประชาชน ยังไม่ได้รับความ”ช่วยเหลือ” ทั้งที่ “ร้องเรียน”ไปยัง”ผู้ว่าราชการจังหวัด” ร้องเรียนกับ”กมลศักดิ์ วาลีเมาะ” สส.พรรคประชาชาติ แต่ทุกอย่าง”เงียบเชียบ” วันที่ 27 ที่ผ่านมา ชาวบ้านกว่า 5.000 คน จึง”ยกขบวนบุกศาลากลาง” อีกครั้ง คำตอบจาก “วสันต์ ไชนทวีวงศ์” ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส ก็คือ อยู่ระหว่างการสำรวจเพื่อหา”ผู้ตกหล่น” ทุกอำเภอ เพื่อใช้เป็น”หลักฐาน” ในการ”ของบประมาณ” นี่คือระบบ”ราชการไทย” ที่ยัง”อืดอาดยืดยาด” ไม่มีการ”พัฒนา” ให้มีความ”รวดเร็ว” กับความต้องการและความ”เดือดร้อน”ของประชาชน” คือคือ”จุดบอด”ของระบบ”ราชการ” ที่มีแต่”ยาหอม” ที่ให้ความหวังชาวบ้านไปแบบวันๆ ซึ่งยังไม่เห็นว่า”รัฐบาลเพื่อไทย” จะทำการ”อนุรักษ์” ระบบราชการที่”โหลยโถ้ย” อย่างนี้โดยไม่ยอม”ปฏิรูป” ให้”หน่วยงานรัฐเป็น”ที่พึ่ง” ของ”ประชาชน”ได้อย่าง” รวดเร็ว หรือ”นักการเมือง” ของประเทศนี้ ถนัดแต่เรื่องการ”ให้ความหวัง”และการ”โปรยยาหอม” ให้”ประชาชน” หลงเชื่อ แต่ไม่มี”น้ำยา” ที่จะ”แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น …..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
————————————————————–
ไชยยงค์ มณีพิลึก
เปิดงาน. นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เป็นประธานเปิดอาคารบ้านหลังสุดท้าย โดยมี อำนาจ นวลทอง ประธานสภาเทศบาลตำบลระโนด ให้การต้อนรับ ณ วัดมะขามเฒ่า อ.ระโนด จ.สงขลา
ยื่นหนังสือ. สมโภชน์ โชติชูช่วง อดีตรอง ผวจ.กระบี่ ยื่นหนังสือถึง นราเดช คำทัปน์ นายยกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเขารูปช้างเพื่อจัดระเบียบทางเท้าที่กีดขวางทางเดินทำให้ประชาชนเดือดร้อน ณ สนง.เทศบาลเมืองเขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา
ประชุมผลักดัน. ณ ห้องพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง เป็นประธานการประชุมคณะผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบจังหวัดตรัง ครั้งที่ 2/2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ประชุมได้แจ้งผลคดีชี้มูลที่สำคัญในจังหวัดตรัง ประจำปี 2567 ผลการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
เปิดโครงการ. วิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัย เชิงรุกสู่ระดับภูมิภาค อย่างยั่งยืนประจำปี 2567 ณ อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลนครตรัง จัดโดยสำนักงาน คปภ.ภาค 9 (สงขลา)
ติดตามงาน. อิศร เอกพิศาลกิจ รองประธานกรรมการธรรมาภิบาล จ.ตรัง นำคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตาม โครงการขยายผลการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ตามแนวพระราชดำริ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง พื้นที่ โรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ ต.ย่านซื่อ อ. กันตัง จ. ตรัง
เปิดสนาม. ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบจ.สงขลา เป็นประธานเปิดสนามกีฬาประจำอำเภอสทิงพระ โดยใช้งบประมาณของ อบจ.เพื่อใช้สำหรับการแข่งขันกีฬาต่างๆของอำเภอสทิงพระ โดยมี ปรเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระ ให้การต้อนรับและร่วมงาน
มอบเข็ม. พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานมอบเข็มให้ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร พัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเยี่ยมชมการจัดกิจกรรม
ยกระดับผู้ประกอบการ. วีรพัฒน์ บุญฑริก รอง ผวจ.สงขลา เป็นประธานเปิดงานใมหกรรมยกระดับการแฟอัตลักษณ์พื้นถิ่นชายแเนใต้-มาเลเซีย ส่งเสริมสินค้าฮาลาล โดยมี นอ.จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต.ร่วมในพิธี ณ สวนสาธารณะหน้า รพ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
เยียวยา. รอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)มอบเงินเยียวยา ให้ อส.พท. มะรอนิง แกะซิ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูก แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินซุ่มโจมตี ณ ร.พ สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ซ้อมแผน. นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธาน ในการในการซ้อมแผนเผชิญเหตุภาวะฉุกเฉินพร้อมรับมือสถานการณ์จริง ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า ชั้น 1 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา
เปิดฟาร์มนกเขา. สมาชิกในกลุ่มชวาวงค์ เปิดฟาร์ม แสดงความยินดีกีบ อัมรัน เจ๊ะแต ที่เแดฟาร์นกเขา AR สช.ฟาร์ม ณ บ้านพัก ริมถนนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมือง จ.สงขลา โดยมี วิชัย เรืองเริงกุลฤทธ์ นายกสมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้เป็นประธานในพิธี
รับขวัญจันทร์กระพ้อ” ผศ.ดร.ศิริชัย นามบุรี รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นประธานกิจกรรม “รับขวัญจันทน์กะพ้อช่อใหม่ เทิดไท้องค์ราชัน” ประจำปีการศึกษา 2567 แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยมี ผู้บริหาร บุคลากร และนักศึกษาใหม่ รวมกว่า 2,300 คน ณ สนามฟุตบอล YRU Stadium มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
แถลงข่าว .มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา พร้อมด้วย เสรี เรืองกาญจน์ นายกเทศมนตรีเมืองสะเตงนอก และ มาหะมะ หะนิแร นายกอบต. ยะต๊ะ ร่วมแถลงข่าวการสนับสนุนงบประมาณโครงการปรับสภาพบ้าน กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จังหวัดยะลา ประจำปี 2567 และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการรับเงินจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จังหวัดยะลา โดยมี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม 8 อำเภอ ณ ห้องประชุม อบจ.ยะลา
พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชมน์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา และ ผอ.ส่วนส่งเสริมการศึกษา สำนักการศึกษา เทศบาลนครยะลา ร่วมกับ ผอ.ศูนย์สุขภาพเมืองยะลา (รพ.ยล.) ต้อนรับ คณะกรรมการ Core team โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อพัฒนากลไกภาคีเครือข่ายและนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย นางสาวรุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รอง ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา รักษาราชการแทน ปลัด อบจ.ยะล ร่วมงาน ณ ห้องประชุมอรุณสวัสดิ์ เทศบาลนครยะลา
ปชส.ท่องเที่ยว . อัมรันท์ บากา นายอำเภอกาบัง จ.ยะลา ต้อนรับ อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ กรรมการ บริหาร สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย, ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำจังหวัดยะลา และคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ประเภทป่า ลำธาร – ชมน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ที่ไหลออกจากเชิงเนินป่าและหิน ประชาชนสามารถใช้ดื่มตลอดปี ซึ่งเป็นน้ำแร่ธรรมชาติบ้านแอแล๊ะ และสถาที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เพื่อ ปชส. แหล่งท่องเที่ยวให้ประชาชนรับทราบ
วันต้านยา. สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดและอ่านสานเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2567 ณ ลานกิจกรรมชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลหาดใหญ่ จ.สงขลา
วันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี มอบหมายให้ น.ส.ภัทร์ระพี วารีดี ป.ฝ่ายแผนยุทธศาสตร์ฯ ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ ขับเคลื่อนงาน อววน. สู่การพัฒนาจังหวัดปัตตานี โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวต้อนรับ ผศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว (อว.ส่วนหน้าจังหวัดปัตตานี) รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม กล่าวสรุปการพัฒนาโครงการด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และมี แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวเปิดงาน ณ ห้องประชุมปริญญากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.ปัตตานี