“คนอาจมองว่าอาชีพขับรถบรรทุกทำได้เฉพาะแค่ผู้ชาย แต่เราคิดว่าไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ขับได้เหมือนกัน เพราะมันไม่มีอะไรยาก มันแค่อยู่ที่ใจเราเอง” เจ้าของชื่อ “ซ้อแดน” หรือ “แดน-ปุระรัตน์ โสพะบุญ” ที่คนในวงการอาชีพขับรถบรรทุกต่างยกนิ้วให้ในความเป็น “ผู้หญิงแกร่งและเก่ง” บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ช่วงเริ่มต้นบทสนทนา ที่วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักตัวตนของเธอ รวมไปถึงค้นหาแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอก้าวสู่การเป็น “สิงห์รถบรรทุกหญิง”

“เรามองว่า…อาชีพขับรถบรรทุกนี้ แม้จะเหนื่อย ต้องอดหลับอดนอน หรือต้องเสี่ยง แต่เป็นงานอิสระ และยิ่งขยันรายได้ก็ยิ่งเยอะตามมา เราจึงสนใจทำอาชีพนี้” เป็นการระบุของ “สิงห์รถบรรทุกหญิง” ที่คนในวงการเรียกเธอติดปากว่า “ซ้อแดน” โดยเธอได้เล่าให้ “ทีมวิถีชีวิต” ฟังว่า…อาชีพนี้ทำให้เธอมีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว ลูก ๆ ทั้ง 4 คนได้ พร้อมกับเล่าเส้นทางชีวิตที่ก้าวมาสู่วงการรถบรรทุกให้ฟังว่า… เริ่มจากพ่อทำอาชีพขับรถบรรทุกอยู่แล้ว และตัวเธอก็เหมือนเข้ามาสานต่อธุรกิจของพ่อ ซึ่งเธอ เริ่มต้นทำอาชีพนี้ตั้งแต่ช่วงที่เพิ่งจบปริญญาตรี คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยจริง ๆ ช่วงจบใหม่ ๆ ก็มีรุ่นพี่ชวนไปทำงานเป็นนักวิชาการเกษตร แต่เธอปฏิเสธไป เพราะอยากพักอยู่บ้านรอเข้ารับปริญญาก่อน ซึ่งช่วงที่รอรับปริญญา พ่อก็มาชวนให้เธอลองขับรถบรรทุก เพื่อหารายได้ในช่วงที่ยังไม่ได้ทำงานอะไร โดยเริ่มจากชวนเธอให้ติดรถไปกับพ่อ ให้ได้ไปสัมผัสอาชีพนี้เสียก่อน และหลังจากติดรถบรรทุกไปกับพ่อได้ระยะหนึ่ง พ่อก็ให้เธอลองขับ เพราะรู้ว่าเธอมีพื้นฐานขับรถกระบะอยู่แล้ว เพราะพ่อสอนให้ขับรถเป็นมาตั้งแต่อยู่ชั้น ม.2-ม.3

สวยใช่ย่อยนะ “สิงห์รถบรรทุก”

“พ่อบอกว่าขับรถบรรทุกก็เหมือนขับรถกระบะนั่นแหละ แต่ต้องยอมรับเลยว่าตอนที่ลองขับรถบรรทุกครั้งแรก อารมณ์เหมือนขี่หลังช้าง ยิ่งตอนขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยครั้งแรก ตอนนั้นเป็นอะไรที่ตื่นเต้นและกลัวมาก ๆ แต่หลังจากได้ลองขับไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มติดใจ รู้สึกชอบ จนกลายเป็นความหลงรัก โดยเราพยายามฝึกหัดปรับตัวเก็บชั่วโมงไปเรื่อย ๆ จนที่สุดก็สามารถขับได้ชำนาญ จึงไปสอบใบขับขี่และเริ่มรับงานเองมาจนถึงวันนี้” ซ้อแดน กล่าว

หลังจากเธอเลือกยึดเส้นทางอาชีพขับรถบรรทุกจริงจัง เธอก็ทำงานนี้แบบเต็มที่ แม้จะไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาอยู่กับลูก ๆ มากนัก เธอทุ่มเทกับงาน “สิงห์รถบรรทุก” อย่างจริงจังโดยเธอให้ “แง่คิดคนทำอาชีพสิงห์รถบรรทุก” ไว้น่าสนใจว่า… งานขับรถบรรทุกเป็นงานบริการ คนขับรถจะต้องบริการให้ดี ต้องมีคุณภาพ ต้องรักษามาตรฐาน ซึ่งถ้าบริการดี ลูกค้าก็จะชอบ จะเรียกใช้อยู่เรื่อย ๆ ทำให้ได้งานต่อเนื่อง ก็มีบ้างที่ลูกค้านอกใจไปหาเจ้าอื่นที่ราคาถูกกว่า แต่พอได้เจอคนที่ไม่รับผิดชอบ ทำสินค้าเสียหาย ทำสินค้าหายบ้าง สุดท้ายก็กลับมาใช้บริการกับเธอตามเดิม …เธอบอกด้วยความภาคภูมิใจ

“เป็นอาชีพที่ต้องเตรียมตัวเตรียมร่างกายให้พร้อม ห้ามเจ็บป่วยบ่อย เพราะถ้าไปไม่ได้ ลูกค้าเขาก็จะไปหาเจ้าอื่นแทน ทำให้เสียโอกาส ดังนั้นบางทีไม่สบายก็ต้องไป ถ้าไม่มีใครแทน อย่างเราตอนท้องใกล้คลอด เราก็ยังขับรถบรรทุกส่งของให้ลูกค้าอยู่เลย เรียกว่า…วิ่งงานจนเกือบจะคลอดลูกในรถบรรทุก!!!” ซ้อแดน เล่าไว้

มาด “นักขับหญิงดีกรีซ้อ”

พร้อมกับเล่าให้ฟังต่อถึง “เหตการณ์เกือบคลอดลูกบนรถบรรทุก” ด้วยว่า ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้คลอดลูกคนที่ 2 ด้วยความที่ไม่อยากเสียรายได้ จึงยังขับรถวิ่งงานแม้จะท้องแก่แล้วก็ตาม จำได้ว่า… ตอนที่ทำงานแล้วจู่ ๆ เจ็บท้อง ตอนนั้นคิดว่า…จะต้องคลอดบนรถแล้ว โดยตอนนั้นวิ่งงานตั้งแต่ช่วงเช้า พอช่วงกลางคืนก็เจ็บท้องใกล้คลอดหนักมาก จนเกือบไปไม่ถึงโรงพยาบาล… “พอคลอดลูกเสร็จ ก็ไม่พักนาน เราก็กลับมาวิ่งรถรับงานต่อ”

ซ้อแดน ยังได้สะท้อนมุมมองของเธอที่มีต่อ “อาชีพสิงห์รถบรรทุก” ต่อไปว่า… คนชอบพูดบ่อย ๆ ว่า…เรียนจบปริญญาตรีทำไมมาทำอาชีพนี้? ซึ่งเธอก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะตัวเธอเองพอได้สัมผัสอาชีพนี้ เธอพบว่า…ผลตอบรับเรื่องรายได้เยอะตามความรับผิดชอบและชั่วโมงการทำงาน อีกทั้งเธอยังมองว่า…อาชีพขับรถบรรทุกมีรายได้เยอะกว่าเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนเสียอีก นอกจากนี้ อาชีพนี้ก็เป็นงานอิสระด้วย ซึ่งถ้าหากยิ่งขยันก็จะยิ่งมีรายได้มากขึ้น

ส่วนมุมมองที่มีต่อสิ่งที่คนชอบพูดอีกเรื่องคือ… “การเป็นสิงห์รถบรรทุกหญิง” เนื่องจากคนมองว่าคนจะทำอาชีพนี้ได้ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น แต่เธอมองว่า… โลกตอนนี้จะหญิงหรือชายก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน และเธอยังมองอาชีพนี้ว่า…ไม่ได้เป็นเรื่องที่ลำบาก ซึ่งก็อาจเป็นเพราะเธอคลุกคลีกับอาชีพนี้มาตั้งแต่เด็ก กับชอบอาชีพนี้อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าลำบาก ยิ่งได้งานไปที่ไกล ๆ เธอยิ่งชอบ เพราะถือโอกาสได้แวะเที่ยวตามเส้นทางที่ไปทำงานด้วย

“บางทีถ้ามีโอกาสเราก็จะเอาลูก ๆ ติดรถไปด้วย เพื่อพาเขาไปเปิดหูเปิดตา อย่างไปจังหวัดที่มีทะเล ก็จะพาลูก ๆ ไปแวะเที่ยว” ซ้อแดน บอกเรื่องนี้ พร้อมย้ำอีกว่า… ส่วนตัวมองอาชีพขับรถบรรทุกว่าไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ขับได้เหมือนกัน เพราะอยู่ที่ความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งอาชีพขับรถบรรทุกไม่มีอะไรยาก แค่อยู่ที่ใจ ว่าชอบหรือเปล่า แต่ก็มี “กฎสำคัญ” ของคนขับรถบรรทุก นั้นคือ ต้อง “มีสติ-มีน้ำใจ-ใจเย็น-เคารพกฎจราจร”

“แน่นอน พอเห็นผู้หญิงขับรถบรรทุก หลายคนอาจมองเป็นงานที่เสี่ยง เพราะต้องเดินทางไกล เดินทางคนเดียว แต่เชื่อเถอะว่า…ผู้หญิงทำได้ไม่แพ้ผู้ชาย อย่างเราไปทั่วหมด ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล หรือแม้แต่ขับข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านไทย ทั้งลาว กัมพูชา เมียนมา เราก็ขับข้ามไปมาหมดแล้ว และส่วนใหญ่ก็จะเดินทางคนเดียวด้วย ซึ่งถ้าจะถามว่า…กลัวไหม? ก็มีกลัวบ้าง ไม่ว่าจะคน มิจฉาชีพ รวมถึงสิ่งที่มองไม่เห็น หรือผี (หัวเราะ) แต่เราก็ระมัดระวังตัวเอง และมีสติตลอด ถ้าขับไม่ไหวและต้องหยุดพักระหว่างทาง ก็จะต้องพิจารณาจุดพักรถโดยยึดหลักความปลอดภัย เช่น เวลาจะจอดรถก็จะดูปั๊มน้ำมันที่ปลอดภัย มีไฟฟ้าส่องสว่าง หรือที่มีคนเยอะ ๆ เพื่อจอดนอนพัก และเมื่อจอดรถนอนที่ไหนก็ตาม ต้องล็อกประตูทุกครั้ง หรือบางครั้งถ้าเกิดงานด่วนจริง ๆ พักไม่ได้ ก็พยายามค่อย ๆ ไป และระหว่างขับรถก็ใช้การเปิดเพลงฟัง หรือคุยกับเพื่อน ๆ ไปบ้าง” สิงห์รถบรรทุกหญิงระบุ

และ ซ้อแดน ก็ยังเล่าให้ฟังอีกว่า… เวลาที่ต้องขับไปในเส้นทางเปลี่ยว ๆ เธอจะพยายามมองหาเพื่อนร่วมทาง ซึ่ง “ข้อดีของวงการรถบรรทุก” นั้น ทุกคนจะช่วยเหลือกันและกันตลอด เช่น เวลาแบตเตอรี่หมด รถเสีย ยางแตก หากอยู่ใกล้ ๆ กันก็จะตามมาช่วยเหลือกัน หรือจะแจ้งเตือนกันว่าปั๊มไหนอย่าจอดพัก เพราะมีมิจฉาชีพแฝงคอยจ้องขโมยน้ำมันหรือแบตเตอรี่ นอกจากนี้ เธอยังได้เผยอีกว่า อาชีพนี้เวลาขับรถจะต้องมีสติ จนบางครั้งก็เป็นเหมือนการกดดันตัวเอง ทำให้เครียดบ้างในบางครั้ง โดยซ้อแดนบอกว่า…ความเครียดมีอยู่แล้วกับคนที่ทำอาชีพนี้ แต่ก็ต้องจัดการอารมณ์ตัวเองให้ได้ จะต้องดึงสติของเรากลับมา ซึ่ง “เทคนิคส่วนตัว” ของเธอนั้น จะใช้วิธีเปิดเพลงฟังให้ผ่อนคลาย และอีกวิธีที่ใช้ได้ผลดีก็คือ “คิดถึงหน้าลูกไว้” ก็จะดึงสติให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“สิงห์รถบรรทุกหญิง” ที่ชื่อ “ซ้อแดน-ปุระรัตน์ โสพะบุญ” บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ในช่วงท้ายด้วยว่า… จะยังคงยึดอาชีพขับรถบรรทุกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าลูก ๆ จะมาสานงานต่อ ซึ่งตอนนี้ที่วางแผนและคิดไว้ก็คือ…หวังว่าลูก ๆ ของเธอ 4 คนนั้น น่าจะมีสักคนที่มาสานต่ออาชีพนี้ต่อจากเธอได้ เพราะเอาจริง ๆ แล้ว…ตอนนี้ตัวเองก็เตรียมแผน วางแนวทางไว้ให้ลูกแล้ว โดยพยายามสร้างไว้ให้พวกเขา พอเขาเติบโตขึ้น และถ้าคิดจะมาสานต่ออาชีพนี้ ก็สามารถต่อยอดได้เลย… “แต่ระยะอันใกล้นี้ ตอนนี้เราคงยังวางมือจากพวงมาลัยรถบรรทุกไม่ได้ ตอนนี้ที่คิดไว้ก็คือ ขอขับรถบรรทุกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะขับไม่ไหว เพราะว่าตัวเรานั้น..หลงรักอาชีพสิงห์รถบรรทุกไปแล้ว”.

อาชีพนี้คนขาด-ตลาดต้องการ

ด้วยความที่มิใช่ใครก็จะขับรถบรรทุกได้ จึงทำให้ “อาชีพสิงห์รถบรรทุกเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก” ถึงขนาดที่เมื่อปี 2566 กระทรวงแรงงานประกาศ “นโยบายเร่งผลิตคนขับรถบรรทุก” ป้อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และระบบขนส่ง โดยตั้งเป้าจะผลิต “สิงห์รถบรรทุกคนไทย” ให้ได้ 3,500 คนในปี 2567 เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต ภาคบริการ ภาคการส่งสินค้า เพื่อไปถึงมือผู้บริโภค ทั้งนี้ นับตั้งแต่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และระบบการขนส่งในไทยก็มีความต้องการแรงงานในสาขานี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ “พนักงานขับรถบรรทุก” ที่มีความต้องการเพิ่มสูงมากเป็นพิเศษ จึงจำเป็นต้องเร่งผลิตกำลังแรงงานในสาขานี้ให้มีทักษะฝีมือแรงงานตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงเพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของประเทศไทย โดยมีการจัดฝึกหลักสูตรต่าง ๆ อาทิ พนักงานขับรถบรรทุก พนักงานขับรถหัวลาก พนักงานขับรถโดยสารไฟฟ้า และช่างเทคนิคซ่อมบำรุง ซึ่งที่ผ่านมาปี 2565-2566 มีผู้เข้าอบรม 175 คน และยังจัดฝึกอบรมเพิ่มเติม อาทิ สาขาเทคนิคการขับรถลากจูง เพื่อพัฒนาพนักงานขับรถบรรทุกให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อยกระดับความเป็นมืออาชีพ ซึ่ง “อาชีพสิงห์รถบรรทุก” โดยทั่ว ๆ ไปก็จะมี รายได้เฉลี่ยต่อเดือนเริ่มต้นตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป ก็นับว่าน่าสใจทีเดียว.

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน