จน นันทนา นันทวโรภาส ผู้ได้รับการเลือกเป็น สว. ในกลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน ออกมาแฉหลังได้รับเลือกเป็น สว. ด้วยคะแนนเป็นลำดับที่ 9 ของกลุ่ม โดยตั้งข้อสังเกต ว่า มีการบล็อกโหวต โดยตอนนี้มีผู้สมัครล่ารายชื่อ เพื่อจะดำเนินการยื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบ จำนวนกว่า 100 คน เพราะเห็นว่า ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละกลุ่มอาชีพใน 7 ลำดับแรก จะมาเป็นกลุ่มก้อน และจะได้รับคะแนนสูงทิ้งห่างคนอื่น โดยผู้สมัครกลุ่มจะไม่พูดคุยกับคนอื่น อยู่รวมตัวกันเฉพาะกลุ่ม และมีคะแนนที่ได้มาในลักษณะเหมือนกัน จะมีพรรคการเมืองหนุนหลังอยู่หรือไม่

ขณะที่ เลขาฯกกต. แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ออกมาบอกว่า กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่อง “ฮั้ว” หรือ “บล็อกโหวต” ทั้งนี้ก็มีการยื่นคำร้องมาแล้วทั้งหมด 614 คำร้อง จำแนกเป็นเรื่องคุณสมบัติให้ลบชื่อคิดเป็น 65% ส่วนคำร้องเรื่องไม่สุจริต 14 % เช่น ประเด็นการให้ทรัพย์สิน ส่วนที่เหลือเป็นคำร้องจ้างลงสมัคร เรียกรับให้ลงคะแนน รวมทั้งการนับคะแนนและเรื่องเจ้าหน้าที่ขานคะแนนในวันเลือกในระดับอำเภอร้องมากที่สุด คดีเหล่านี้เราให้ใบส้มไป กำลังดำเนินการขึ้นมา ส่วนคำร้องระดับจังหวัดมี 75 เรื่อง ส่วนระดับประเทศยังไม่มี โดยกกต.ได้ดำเนินการตรวจสอบทุกกรณีที่ร้องเรียนมาอยู่แล้ว ถ้าหากกกต.ประกาศไปแล้วเจอปัญหาก็จะมาสอยที่หลังได้

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตในการลงคะแนนท่ามกลางเสียงวิจารณ์กันขรม โดยเฉพาะการที่ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” น้องเขยนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า ไปได้ไม่สุดทาง ทั้งที่หลายคนมองว่าเป็นเต็งหนึ่งนั่งประธานสว. ออร่าเจิดจ้าแต่วันแรก

และจากการสแกนรายชื่อ200 สว.ในจำนวนนี้มีบุคคลที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองในอดีต และปัจจุบัน เครือข่าย “บ้านใหญ่” ตามจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงนักวิชาการ กลุ่ม NGO และภาคประชาสังคมต่าง ๆ  ที่มีการจำแนกค่ายสี ทั้ง “น้ำเงิน แดง ส้ม บ้านป่า”

 งานนี้เป็นการพิสูจน์ได้ว่า เกมล็อบบี้ของค่ายน้ำเงิน ซึ่งมาเหนือกว่าทุกค่ายวางแผนขยับหมาก เข้าไปคุมเกมในสภาสูง เขย่าขวัญโชว์เหนือ

เพราะเทียบดูสว.หลายจังหวัดแล้วจะเห็นว่าผู้ได้รับเลือกสว.ในจังหวัดบุรีรัมย์ได้มาถึง 14 คน ใน 11 กลุ่ม จากทั้งหมด 20 กลุ่มอาชีพ และยังมีในจังหวัดอื่นๆอีกที่คะแนนมาสูงทิ้งห่างคนสว.คนอื่นๆ

อีกทั้งเมื่อมาพลิกดูตัวเต็งคนเก่าๆ คนเดิมก็หลุดโผพลาดท่าไปหลายคน ถือเป็นโอกาส หากมีจังหวะพลิกกระดานคุมเกมอำนาจ รอจังหวะวัดพลังในเกมต่อรองอำนาจในสิ่งที่ต้องการ

เวทีสว. มีหน้าที่บทบาทสำคัญตามรัฐธรรมนูญ คือ การทำงานด้านนิติบัญญัติ คือ กลั่นกรองการตรากฎหมาย ที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎร การติดตามตรวจสอบฝ่ายบริหาร อย่างที่กลุ่ม 40 สว.ชุดลายพรางยื่นถอดถอน “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

นอกจากนี้ยังมีอำนาจใจการเห็นชอบบุคคลที่เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่รอจอคิวเข้ามาแล้ว เริ่มกันที่การสรรหาประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ การสรรหาอัยการสูงสุด การสรรหาตุลาการรัฐธรรมนูญที่จะครบวาระ 2 คน ได้แก่ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และปัญญา อุดชาชน การสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 3 คน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ สุวณา สุวรรณจูฑะ  วิทยา อาคมพิทักษ์

การสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ (ประธาน คตง.)  ยุพิน ชลานนท์นิวัฒน์  พิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ จินดา มหัทธนวัฒน์  สรรเสริญ พลเจียก อรพิน ผลสุวรณ์ โดยทั้งหมดจะดำรงตำแหน่งครบวาระในเดือน ก.ย. 2567 และการสรรหา ผู้ตรวจการแผ่นดิน 1 คน แทน สมศักดิ์ สุวรรณสุจริต

ต้องไม่ลืมว่าองค์กรอิสระบางองค์กรมีอำนาจให้คุณให้โทษ“นักการเมือง” ถือเป็นแต้มต่อหากใครคุมสว.ในสภาสูงได้ ก็จะมีอำนาจในมือเพื่อไว้ต่อรอง หรือคุมเกมการเมืองในภายหลังได้

สำหรับตัวเต็งชิงประธานสภาสูงมีชื่อออกมาแล้ว 2 คนที่มาแรง ได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ.และอดีตแม่ทัพภาค 4 มีคอนเนกชันที่ดีกับพรรคภูมิใจไทย ก่อนมาลงสมัคร สว. เคยเป็นประธานคณะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

ขณะที่นายมงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และอดีต ผวจ.บุรีรัมย์ ถือเป็นสายตรงนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีของภูมิใจไทย

ก่อนหน้าหน้าก็มีการตราหน้าให้ฉายาสว. ชุดใหม่ว่า เป็นสว.สภาฮั้ว  สว.เซาะกราวหรือสว.ค่ายน้ำเงิน  สว.บ้านใหญ่ ทั้งหมดจะเป็นสิ่งที่ท้าทายสว. ใหม่ ให้พิสูจน์ได้ ว่า ค่าของคนอยู่ที่การทำงานเพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร

ขณะที่ยังมีความกังวลกับรัฐบาล หลังสภาผ่านร่างงบรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาชำแหละ เจอเกมก้าวไกล ออกแรงดึง คือ การไม่รับตำแหน่งในกรรมาธิการงบฯ และซัดก๊อก 2 ตามมาติดติดด้วยการรุมสับงบดิจิตัลวอลเล็ต 1.52 แสนล้าน ที่อยู่ในงบกลาง ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดมีเอกสารเพียงแค่หน้า เดียว  แถมยังไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพ สูตรคำนวณสัดส่วนงบลงทุนก็ไม่ชัดเจน  ย้ำต้องส่งเอกสารแจงรายละเอียดเพิ่ม ก่อนจะเริ่มพิจารณาต่อได้

ทำเอาที่ประชุมต้องแขวนงบไว้ก่อน เพื่อรอเอกสารแสวงหารายละเอียดให้ครบถ้วนรอบหน้าแล้วจึงนำเข้ามาพิจารณากันใหม่ถือว่าเกมก้าวไกลไม่ธรรมดาเพราะประตูสุดท้ายที่เดินต่อไป คือ การนำร่างนี้ส่งให้ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาระงับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อร่างงบประมาณฯปี 68 ผ่าน

ขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมช.พาณิชย์ ออกมาสวนทันควันว่าในช่องทางกฏหมายทำไม่ได้ และไม่ควรทำ

ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะหาทางออกในการแก้เกมนี้อย่างไร ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจแล้วยังต้องมาเจอเกมการเมืองแบบไม่ปล่อยผ่าน เพราะการทำงบประมาณฯของรัฐบาลไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เรื่องจึงต้องไปถึงที่ศาลซึ่งอาจทำให้ช้าออกไปอีกแล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร

ส่วน นายกฯเศรษฐา ยังคงปักหมุดลุยลงพื้นที่ แม้จะยังมีคดีร้อนรุมเร้า ล่าสุด รัฐบาลมีแนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์ โดยการแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินเพิ่มเป็น 99 ปี และการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด เพิ่มสัดส่วนเป็น 75%  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ต่างชาติมาลงทุน ไม่ได้เป็นการขายชาติ

เจอ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งจดหมายถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ กรณีออกนโยบายอสังหาฯออกมา เพราะเกรงว่าจะไปเอื้อประโยชน์บริษัทแสนสิริ ซึ่งเป็นบริษัทครอบครัวนายกฯเศรษฐาที่มีความสัมพันธ์กัน นี่ยังไม่รวมคดีเก่าที่พันคออยู่ ทั้งคดี 40 สว.ยื่นเรื่องให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งพิชิตชื่นบาน ตามมาด้วยคดีร้อนในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล และคำสั่งไล่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.อ.ต.สุรเชษร์ หักพลาน ออกจากรอง.ผบ.ตร.  ที่ยังแก้ปัญหาศึกปทุมวันไม่ได

แค่นี้ยังร้อนไม่พอล่าสุด “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดคึกเข้าพรรคเพื่อไทย เปิดตัวเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรคเพื่อไทยโชว์ความเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง แต่เจอแรงกระแทกโดนกระแสโจมตี จน “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องออกชี้แจงว่า เป็นการพูดเล่นๆ

แต่ถ้าดูบริบทหัวขบวนบ้านจันทร์สองหล้า ยังคงต้องการฉายแสง ล่าสุดยังต้องออกหน้าลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเลือกนายกอบจ. ปทุมธานี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ถือเป็นการปักหมุดทวงคืนบัลลังก์ เรียกเสื้อแดงกลับบ้าน ซึ่งต้องพิสูจน์ว่าคาถานายใหญ่บ้านสองหล้ายังขลังหรือไม่คนเสื้อแดงยังบูชาหลวงพ่อทักษิณเหมือนเมื่อ 17 ปีก่อนได้หรือไม่

อีกไม่นานจะได้รู้แล้วว่าความนิยมของนายใหญ่ยังเป็นตัวช่วยให้ หรือตัวฉุดคะแนน ให้กับพรรคเพื่อไทย รวมถึง “รัฐบาลนายกฯเศรษฐา”.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่