ต้องยอมรับว่าแต่ละคนมีทางเดินชีวิตเป็นของตัวเองตามที่มุ่งมั่นไว้ แต่ก็อาจมีโอกาสและจังหวะให้ได้พลิกผันบ้างไม่มาก็น้อย เหมือนกับเส้นชีวิตของ 2 เพื่อนซี้ “ป๊อป-วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์” และ “บอน-ก้องกิดากร ขันมณี” จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนมาวันนี้กลายเป็นเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนธุรกิจ “พรีเมี่ยม ป๊อปส์” หนึ่งในผู้นำธุรกิจการพิมพ์ด้วยระบบดิจิทัล ที่ทำร่วมกันมากว่า 10 ปี ซึ่งทั้งคู่นั่งบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเมี่ยม ป๊อปส์ จำกัด
คุณบอนและคุณป๊อปรู้จักกันครั้งแรกเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา โดยมีเพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันผ่านไฮไฟว์ ซึ่งตอนนั้นเพื่อนๆ แนะนำว่าคนนี้นิสัยดี ธุรกิจน่าจะไปด้วยกันได้ จึงเริ่มคุยกัน โดยในช่วงนั้คุณบอนทำงานเป็นพนักงานบริษัทเกี่ยวกับศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ที่อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ก็ต้องเดินทางไปดูแลเด็กๆ เป็นประจำโดยเฉพาะที่อเมริกา ขณะที่คุณป๊อปในช่วงนั้นก็คิดอยากไปเที่ยวอเมริกา ติดที่ว่ายังไม่เคยไปเลย และไม่มีเพื่อนหรือญาติอยู่ที่นั่นเลย ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งคู่จึงคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไปรวมทั้งเรื่องการไปอเมริกาด้วย
“ป๊อปไม่เคยไปอเมริกา เคยไปแต่เที่ยวทางยุโรป ทางเอเชีย พอเห็นว่าเขาไปอเมริกาก็คิดว่าดีนะมีคนพาเที่ยว และเขาจะมีช่วงว่างประมาณ 2 อาทิตย์ก็เลยอยากไป ซึ่งการเดินทางก็ไม่ได้ง่ายนะ สำหรับเราที่ไม่เคยไป ต้องเดินทางคนเดียว เพราะตอนนั้นบอนอยู่ที่อเมริกา ส่งนักศึกษาเสร็จก็จะเดินทางกลับมาเมืองไทย บินไปเจอบอนที่แอลเอ จากนั้นก็เปลี่ยนเครื่องไปเที่ยวฟลอริด้า ต่อด้วยนิวยอร์ก และกลับมาแอลเอ ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ “คุณป๊อปเล่าด้วยรอยยิ้ม
คุณบอนเล่าว่า ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศกัน เรารู้จักกันมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ระหว่างเที่ยวกัน ทำให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก็ได้คุยกันมากขึ้นถึงเรื่องราวต่างๆ การวางแผนชีวิตอย่างไรฝ่ายคุณป๊อปเสริมว่า ตอนนั้นป๊อปทำธุรกิจดิจิตอลปริ้น แต่อาจไม่ได้บูมมากเหมือนในปัจจุบัน ก็ต้องการคนที่จะมาติดต่อประสานงานกับต่างประเทศ และมองว่าบอนทำเกี่ยวกับเรื่องการติดต่อประสานงาน สามารถคุยกับฝรั่งได้ ภาษาอังกฤษดีเยี่ยม ก็น่าจะเป็นจุดที่นำมาเสริมให้บริษัทเราได้ ซึ่งคุยกันมากขึ้นก็คลิกกันในเรื่องการทำงาน
การไปทำงานในฐานะพนักงานบริษัทในทริปนั้น คุณบอนมีความตั้งใจว่าจะไปทำงานครั้งสุดท้าย คิดไม่กลับมาเป็นพนักงานบริษัทอีกแล้ว เพราะตั้งใจจะไปเรียนต่อที่อเมริกา อยากไปลองใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาปริญญาโท ดูว่าชีวิตที่อเมริกามีอะไรให้ทำบ้าง และเชื่อว่าการไปอเมริกาหลายรอบที่อยู่ในเนื้องาน คิดว่าตัวเองน่าจะรอด เพราะคอนเนคชั่นที่โน่นก็มี คิดว่าไปแล้วรอดแน่ๆ พอกลับมาสักพักใหญ่ตัดสินใจบอกกับป๊อปว่า “จะไปเรียนต่อที่อเมริกานะ” ทันทีที่คุณบอนเล่าจบคุณป๊อปเสริมว่า ตอนที่มาบอก ก็บอกไปว่าไม่ต้องไปเรียนหรอก มาทำงานบริษัทด้วยกัน เดี๋ยวจะเปิดบริษัทกับน้อง ก็มาหุ้นกัน เป็น 3 หุ้น ป๊อปดูการตลาด น้องดูเรื่องบัญชี บอนก็ดูแลลูกค้าไป และนับตั้งแต่วันนั้นก็มาเป็นหุ้นส่วนกัน
จากคนที่มีเป้าหมายอยากไปเรียนรู้ชีวิตที่อเมริกา แต่พอมีทางเดินใหม่ๆ เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจลังเลคุณบอนบอกว่า ตัดสินใจยากมาก เพราะเราเป็นคนมีทางของตัวเอง สมมุติว่ารู้จักกับป๊อปแล้ว แต่ยังไม่มีธุรกิจร่วมกัน แล้วยังไงละ แต่หลังตอบตกลงเสร็จ ก็บอกป๊อปว่าถ้าไม่ให้ไป ต้องมีการจดทะเบียนในรูปบริษัทให้เรียบร้อย ในวันที่เซตอัพชื่อบริษัท บอนมีมาให้เยอะมาก แต่ต้องการให้มีชื่อป๊อปอยู่ในนั้น เพราะบอนต้องการแบรนด์ดิ้ง ป๊อปเป็นคนที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน อย่างคนเจอบอน 10 คนในครั้งแรกแต่จำบอนไม่ได้เลย แต่จำป๊อปได้เลย เลยกลายเป็น “พรีเมี่ยม ป๊อปส์” และคนก็จำได้ง่าย พูดติดปาก พิมพ์ผ้าดี ผ้าสวยต้องพรีเมี่ยม ป๊อปส์ ไม่เชื่อเข้าไปส่องได้ที่ IG: premiumpops.bkk และ poplvpoplv โดยใช้พื้นฐานกับประสบการณ์การทำงานภายในโรงงาน ชิ้นงาน มาเป็นเราอีกทีหนึ่ง เป็นการทำงานการผลิต การบริการที่พรีเมี่ยม และพิมพ์งานที่พรีเมี่ยมมากกว่า
ทั้งคู่ถือเป็นหุ้นส่วนกันทั้งเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต ยอมต้องมีความคิดเห็นหรือปากเสียงกันบ้าง คุณบอนเล่าพร้อมกันว่า มีทะเลาะกันบ่อยมากแต่เราต้องชัดเจน เราทั้งคู่แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน อย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นไปต่อไม่ได้ทะเลาะกันด้วยเนื้องานก็ว่ากันไปและจบด้วยการแก้ไขที่ถูกต้อง หากเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอื่นๆ ก็ไปเคลียร์กันหลังบ้าน เวลาเราทำงานก็เจอกันตลอด พอปัญหามาก็เจอพร้อมกันความเครียดจะค่อนข้างเยอะ แต่จบลงด้วยการพูดคุย พยายามไก่ลเกลี่ยให้ได้มากที่สุด และหาวิธีบำบัดของกันเองหรืออีกอย่างถ้าคนไหนขึ้น อีกคนต้องลง เป็นคนวันพุธกลางคืนเหมือนกัน อย่ามาขึ้นพร้อมกันไม่ได้นะ
ด้านนิสัยของกันและกัน ต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าเหมือนกันมากจนเหมือนกับกระจกส่องตัวเอง ทั้งคู่เพร้อมกันว่า เหมือนกันเยอะมาก นิสัยที่เหมือนกันคือเรื่องความไว ระเบียบ ย้ำคิดย้ำทำ ละเอียด จูจี้จุกจิก พูดมาก เหมือนกันมากจนบางทีหันมามาเจอกันแล้วคิดว่านี่คือกระจก แทบจะแยกกันไม่ออก แต่ว่าลักษณะนิสัยแบบนี้ทำให้เนื้องานออกมาดีแล้ว ถ้าพี่ป๊อปกับพี่บอนดูแลให้ ไปเที่ยวเลยแล้วกลับมาจะได้งานที่อยากได้ และลูกค้าก็จะมีความสุข
คบเป็นเพื่อนสนิทกันมาเข้าปีที่ 14 ทั้งคู่ยังมีอะไรที่ยังเป็นห่วงกันและกันบ้างหรือไม่นั้น คุณบอนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า มีความเป็นห่วงเยอะมาก เรื่องอารมณ์ ความเครียด เพราะวันหนึ่งแก่ๆ มาความเครียดจะมีเพิ่มมากขึ้น พนักงานเป็นอย่างไร ลูกค้าเข้าไหม บอนกลัวเรื่องความเครียดของป๊อป และเรื่องสุขภาพเพราะเขาเป็นภูมิแพ้ เรื่องชอบกินขนมหวานมาก ก็จะบ่นเข้าตลอดเวลา บอกให้เบาๆ หน่อย
หลังฟังเพื่อนสนิทบอกถึงความห่วงใยคุณป๊อปที่นั่งส่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ รีบบอกเลยว่าเรื่องขนมหวานลดลงแล้ว หากถามว่าเป็นห่วงอะไรบอน ก็ไม่นะเพราะบอนเก่งในระดับหนึ่ง บอนโอเคดีเลย ดูแลลูกน้องแทนเราได้ ดูแลนู้นนี่นั่นแทนเราได้ ส่วนใหญ่มีความรู้สึกกลัวเขาเหนื่อย ก็ขับรถให้ ส่วนเขาก็ตอบไลน์คุยกับลูกค้าไป เรื่องสุขภาพไม่ห่วงเพราะบอนเป็นคนค่อนข้างเพอร์เฟคทุกอย่าง ทั้งที่เป็นคนกิน เที่ยว ดื่ม แต่ตอนนี้ก็น้อยลงแล้ว
ประทับใจอะไรในกันและกัน คุณป๊อบบอกว่า ประทับใจที่เขาดูแลเราดีมาก ดูแลคนที่บ้าน พ่อแม่พี่น้อง ญาติทั้งหลาย เพื่อนฝูงของเรา คนที่ออฟฟิค ปวดหัวก็เตรียมยาให้ และเตรียมทุกอย่างให้หมดทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนคิดแทนเราได้ เป็นเหมือนกระจกบานหนึ่ง ส่วนบอนบอกว่าสำหรับบอนเรื่องมิตรภาพยาวนานต้องดูแลซึ่งกันและกัน ต้องให้ใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่จะเอาๆ อย่างนั้นอยู่ด้วยกันไม่ได้ การที่เราจะอยู่ด้วยกันได้นาน ต้องให้การดูแล ให้ใจซึ่งกันและกัน ให้สิ่งของที่จำเป็นแก่กันและกันในบ้างครั้งบ้างคราว ป๊อบเหมือนเป็นครู เป็นพี่ เป็นนาย บางทีก็เป็นเพื่อนที่ด่ากันได้ในทุกอย่าง โต้แย้งในเรื่องของตัวงานหรือการใช้ชีวิตต่างๆ แบบเป็นเงาสะท้อน ถ้าเขาด่าเรามาแบบนี้เป็นจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นจริงไม่ดีก็แก้สิ ถือเป็นเงาของกันและกัน เป็นกระจกสะท้อนของกันและกันถึงอยู่ด้วยกันได้.
“ต้นรัก”