ชีวิตสุดรันทดของสองตายายคู่ทุกข์คู่ยาก “ตาเปลื้อง” กับ “ยายไร” นามสกุลสืบศรี ทั้งสองอายุ 79 ปีเท่ากัน ตาเปลื้องพิการตาบอดสนิทมานานหลายปี มียายไรคอยดูแลไม่ทิ้งไปไหน ทั้งคู่อยู่กินกันมาร่วม 60 ปี อาศัยอยู่กันในบ้านเลขที่ 55 หมู่ 13 บ้านลันแต้ ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์
สภาพบ้านเป็นไม้ยกสูงจากพื้นทรุดโทรม จะพังแหล่มิพังแหล่ หลังคาสังกะสีผุพังเป็นรูโหว่ ข้างฝาเป็นแผ่นไม้หลุดเปิดออก พื้นไม้กระดานแตกหักเป็นช่องโหว่ ถ้าวันไหนตายายเดินพลาดก็ตกลงไปเจ็บตัว ส่วนห้องน้ำจะอยู่ห่างจากตัวบ้านไปเล็กน้อย มีลำไม้ไผ่และเชือกตามทางเดินเพื่อให้ตาเปลื้องได้เกาะเดินไป
ในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร จะมีก็แต่ที่นอน มุ้งเก่าๆ ขาดๆ และหม้อกับเตาถ่านที่ไว้หุงหาอาหารตามมีตามเกิด สองตายายที่เปรียบเหมือนไม้ใกล้ฝั่งยังต้องเลี้ยงเหลนอีก 1 คน เป็นเด็กชายวัย 13 ปี ลูกชายของหลานสาวที่เอามาทิ้งไว้ให้ดูแลและไม่เคยกลับมาเหลียวแลส่งเสีย
ทั้งสามชีวิตดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเบี้ยผู้สูงอายุของตายายคนละ 800 บาท และเบี้ยคนพิการของตาเปลื้องอีก 800 บาท บางวันยายไรต้องออกไปตามทุ่งนาเก็บผักหาหอยปูปลามาประทังชีวิต ความเป็นอยู่แร้นแค้น บางวันอดมื้อกินมื้อ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเห็นสภาพความเป็นอยู่ก็อดสงสารไม่ได้ จึงแบ่งปันของกินมาให้เสมอตามอัตภาพ
“ยายไร” เล่าว่า ตนเองอยู่กินกับตาเปลื้องมานมนาน มีลูกด้วยกันหลายคน แต่ละคนก็ต่างไปมีครอบครัว บางคนก็ไปทำงานที่ต่างจังหวัด แต่ละคนก็ไม่ได้มีความรู้อะไรแค่ทำงานรับจ้างไปวันๆ ลำพังเอาตัวเองให้รอดก็หนักเต็มที จะมีเหลือมาจุนเจือพ่อแม่ก็แสนจะยากเย็น เพราะทุกคนก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัว
“ชีวิตที่เป็นอยู่แสนลำเค็ญแต่ไม่อยากให้เป็นภาระลูกหลาน เราสองตายายดูแลกันเท่าที่ยังมีแรง ตาเปลื้องตาบอดอยู่ในโลกมืด ยายก็จะคอยเป็นดวงตาให้ สภาพบ้านที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้หลายครั้งตาเปลื้องต้องมีรอยเชียวช้ำตามตัวเพราะตกบ้านตกบันได ยายเห็นก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ ชีวิตที่เหลืออยู่ก็เคยหวังว่าจะมีบ้านดีๆ ได้อยู่ก่อนจะสิ้นลม แต่ไม่รู้ว่าฝันนี้จะเป็นไปได้หรือไม่”
ส่วน “ตาเปลื้อง” กล่าวว่า อยู่มาจนอายุป่านนี้ แก่มากแล้วร่างกายไม่สู้ดี แถมตายังบอด โชคดีที่มียายไร “คู่ชีวิต” ที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ตนอยู่บ้านหลังนี้มาหลายสิบปี ก็หวังจะอยู่เป็นเรือนตาย ชีวิตก็เท่านี้ หวังเพียงให้ลูกหลานนำพาครอบครัวไปได้ตลอดลอดฝั่งก็พอ
หลังเรื่องทราบถึงสื่อมวลชนในพื้นที่และได้มีการนำเสนอข่าวชีวิตแร้นแค้นของสองตายาย มีผู้ใจบุญที่ทราบถึงความเดือดร้อนและสภาพบ้านที่อยู่อาศัยและชีวิตแร้นแค้น จึงได้ร่วมกันโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีตายายมาประมาณ 1.2 แสนบาท
สำหรับเงินบริจาคที่ได้มานั้น จะมีผู้ดูแลบัญชี 3 คน คือ น.ส.สุภาพ สารวย ประธาน อสม. นายลำไย สมยิ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 และนางไร สืบศรี คุณยายเจ้าของบัญชี หากจะมีการเบิกไปใช้สอยจะต้องมีผู้ร่วมลงนามทั้งหมด เพื่อให้ใช้เงินบริจาคได้อย่างคุ้มค่าและมีประโยชน์มากที่สุด
ต่อมา น.ส.สุภาพ สารวย ประธาน อสม. และนายลำไย สมยิ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ได้หารือร่วมกันว่าจะมีการสร้างบ้านใหม่ให้ตาเปลื้องกับยายไรเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยจะใช้เงินบริจาคในการซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน และได้มีหน่วยงานทหาร อาสาสมัคร พร้อมชาวบ้านอาสามาช่วยเหลือลงแรงกันทำโดยที่ไม่คิดค่าจ้างแต่อย่างใด
จากนั้นสองตายายและเหลน จึงได้ไปอาศัยบ้านของลูกชายตาเปลื้องที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันระหว่างที่กำลังสร้างบ้านใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน จึงจะแล้วเสร็จ
ระหว่างที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจทำบ้านให้สองตายายนั้น แต่ละวันยายไรกับตาเปลื้องก็จะมานั่งอยู่บริเวณใกล้ๆ ซึ่งตาเปลื้องเพียงขอให้ได้เสียงยินคนงาน เสียงค้อนตอกลงบนไม้ก็ดีใจแล้ว ส่วนยายไรก็ไม่รอช้า หยิบเสียมไปขุดหน่อกล้วยที่ปลูกไว้ที่บ้านหลังเก่ามาปลูกใหม่ข้างบ้าน พร้อมกับมานั่งดูจิตอาสารื้อบ้านหลังเก่าและสร้างใหม่ด้วยความดีใจ
“ตาเปลื้องต่อไปแกก็ไม่ต้องเดินตกบ้านให้เจ็บตัวอีกแล้วนะ” ยายไรกล่าวกระเซ้าเย้าแหย่สามีด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุขที่จะได้อยู่บ้านหลังใหม่เร็วๆ นี้
น.ส.สุภาพ สารวย ประธาน อสม. กล่าวว่า เงินบริจาคของผู้ใจบุญได้นำมาซื้ออุปกรณ์ในการสร้างบ้านให้สองตายายไม่ต้องอยู่อย่างลำบาก เพราะตาเปลื้องเองก็ตาบอด ซึ่งคาดว่ายอดเงินน่าจะเพียงพอแล้วจึงขอปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อให้ผู้ใจบุญได้ไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนคนอื่นๆ
น.ส.สุภาพ กล่าวอีกว่า ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน ผู้ใจบุญที่บริจาค เจ้าหน้าที่ทหาร อาสาสมัคร และชาวบ้านที่มาช่วยกันลงแรงสร้างบ้านให้ตายายในครั้งนี้ ขอกราบขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือคนยากไร้เพื่อให้ตาเปลื้องและยายไร ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบั้นปลายชีวิตต่อไป
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วิจิตร-เขมชาติ ชุณหกิจขจร จ.สุรินทร์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]