ทีมชาติอิตาลี ยังตายยากเหมือนเดิม หลังสวมหัวใจสิงห์เดินหน้าไล่บดขยี้จนตามตีเสมอ โครเอเชีย ได้อย่างเหลือเชื่อในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+8 ของศึกยูโร 2024 นัดส่งท้าย รอบแรก กลุ่ม B ที่ลงเอยด้วยการเสมอกัน 1-1

            จากผลการแข่งขันนัดนี้ทำให้ อิตาลี พลิกจากที่จะต้องไปลุ้นเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด กลับมาเป็นฝ่ายที่ได้ตามก้น สเปน ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่มทันที หลังเก็บไป 4 คะแนนจากการชนะ แอลเบเนีย 2-1, แพ้ สเปน 0-3 และเสมอ โครเอเชีย 1-1

            ส่วน ขุนพลโครแอต ก็ต้องน้ำตาแตกไปตามระเบียบ หลังเข้าป้ายเป็นอันดับ 3 โดยมีเพียง 2 คะแนน ชวดโอกาสผ่านเข้ารอบอย่างน่าเจ็บใจ

            อิตาลี เป็นทีมที่เครื่องร้อนช้าเสมอในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ และมักจะไปทำผลงานได้ดีในรอบน็อกเอาท์ ดังนั้นการที่ โครเอเชีย ไม่สามารถสกัดพวกเขาเอาไว้ได้จึงไม่ต่างกับการ “ปล่อยเสือเข้าป่า” ดี ๆ นี่เอง

            ย้อนหลังกลับไปในศึกฟุตบอลโลก 1994 อิตาลี ก็เคยออกสตาร์ตอย่างกระท่อนกระแท่นแบบนี้มาแล้ว โดยเริ่มต้นรอบแรกกลุ่ม E ด้วยการปราชัยต่อ ไอร์แลนด์ 0-1 ก่อนจะไปเฉือน นอร์เวย์ 1-0 และเสมอ เม็กซิโก 1-1 เก็บได้ 4 คะแนน แต่สุดท้ายก็ยังผ่านเข้ารอบได้ในฐานะ 1 ในทีมอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด

            ทว่าหลังจากนั้น อัซซูรี ก็โชว์ฟอร์มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไปคว่ำ ไนจีเรีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะสอย สเปน 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และชนะ บัลแกเรีย 2-1 ในรอบตัดเชือก จนกระทั่งผ่านเข้าไปชิงดำกับ บราซิล ได้สำเร็จ

            ทว่าน่าเสียดายที่ อิตาลี ซึ่งมี “เทพบุตรเปียทองคำ” โรแบร์โต บาจโจ เป็นตัวแบกในตอนนั้น ไปไม่ถึงฝั่งฝัน หลังดวลจุดโทษพ่าย ทีมแซมบ้า 2-3  หลังเสมอกันใน 120 นาที 0-0 โดย บาจโจ ซึ่งรับหน้าที่สังการเป็นคนที่ 5 ซัดบอลข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น

            ส่วนในยูโร 2024 ต้องตามลุ้นต่อไปว่า เสือตัวที่โครเอเชียปล่อยเข้าป่าไปนั้น จะไปได้ไกลแค่ไหนเพราะหากจะว่ากันตามตรงแล้ว ตัวผู้เล่นของ อิตาลี ภายใต้การนำทัพของ ลูชาโน สปัลเลตติ ดูขี้เหร่เอามาก ๆ หากเทียบกับทีมชุดรองแชมป์โลกปี 1994 หรือ ทีมชุดแชมป์ยูโร 2020 โดยด่านแรกที่รอพวกเขาอยู่ก็คือ สวิตเซอร์แลนด์ คู่แข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั่นเอง.

แท ยอน