“เสี่ยนิด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ จะถูกปลดพ้นจากตำแหน่งข้อหาแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติหรือไม่ นายทักษิณ ชินวัตร จะเคลื่อนไหวอะไรอีกในแง่การช่วงชิงฐานเสียงคืน ผ่านการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ( อปท.) ชิมลางก่อนหรือไม่ จะได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ แก้แล้ว สว.ต้องเลือกใหม่หรือไม่ ฯลฯ

คือปัจจัยทางการเมืองที่มีความไม่มั่นคงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ไอ้เรื่องที่จะไปเชิญเขามาลงทุนอะไรต่างๆ นี่ เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนโยบาย เขาก็ต้องดูว่าการส่งเสริมการลงทุนในสาขาเขามีเพียงพอหรือไม่ หรือดังเพิ่มภาษีขึ้นมา ..สถานการณ์การเศรษฐกิจไทยตอนนี้คือพึ่งแต่ขาการท่องเที่ยวเสียเป็นหลัก มากกว่าการส่งออกและการลงทุน ขณะเดียวกัน ในสายการท่องเที่ยวหรือบันเทิง ก็มีกิจกรรมสนุกสนานหนึ่งที่คนไทยชอบมาก คือเรื่องการประกวดความงามอะไรต่าง ๆ บ้านเราจะกวดนับเวทีกันไม่ถ้วนตั้งแต่ท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ

ยุคก่อน..ใครประกวดนางงามเขามองค่อนข้างเชิงลบ ว่า เป็นเวทีมา“อัพราคา” ให้พี่เลี้ยงส่งต่อให้“ผู้ใหญ่” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร แต่มีข่าวลือว่า“จอมพลผ้าขะม้าแดง”ก็อยู่ในกลุ่มนั้น  สมัยก่อนไม่มีหรอกที่จะมาเดินฉับๆ สะบัดผ้าแทบจะฟาดหน้ากรรมการ เขาเดินกันออกจะเอี่ยมเฟี้ยมแบบว่า ..นี่คืองามอย่างไร จริตกิริยาละมุนละไม.. การสวมทูพีซนี่ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็น สามสิบปีก่อน..เหมือนจะไม่มีนางงามไทยใส่เดินบนเวทีด้วยซ้ำ ก็มีชุดว่ายน้ำ ชุดประจำชาติที่ก็มาชุดไทยสไบเฉียง ตีโป่งฟาราห์กันมาเยอะ

แล้วนางงามก็ไม่ต้องตอบคำถามเป็นหญิงสามารถเสียเหมือนปัจจุบันนี้ คำถามเมื่อก่อนง่ายจะตาย เช่น “จะส่งเสริมผลไม้ไทยอะไรไปขายเมืองนอก” เมื่อก่อนอยากตอบเงาะ มังคุด ทุเรียนอะไรก็ตอบ แต่ปัจจุบันนางงามต้องคิดเชิงวิพากษ์ได้ ไม่งั้นจะโดนคอนางงามรุมสับว่าไม่มีสมอง อาจต้องตอบว่า “ในประเทศไทยถือเป็นเขตร้อน มีความหลากหลายทางชีวภาพเยอะมาก ดิฉันจะเลือกกล้วยค่ะ เพราะเท่าที่เห็นดู ฝรั่งรู้จักแต่กล้วยหอม แต่ไม่รู้ว่าบ้านเรามีกล้วยดีอีกมาก ทั้งกล้วยไข่ กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหักมุก กล้วยน้ำว่า กล้วยตีนเต่า ความหลากหลายทางพันธุศาสตร์เหล่านี้เป็นเรื่องน่าภูมิใจที่จะทำให้เราต้องหันมาสนใจรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อคงความหลากหลายงดงาม สร้างเสน่ห์ทางด้านการท่องเที่ยว ความภูมิใจในความเป็นเมืองร้อนของไทย ส่งต่ออนาคตที่ดีให้ลูกหลาน ขอบคุณค่ะ”

คือนางงามสมัยนี้ ต้องตอบให้ได้ประมาณนี้เลย ไม่ให้กองเชียร์ว่าสวยแต่โง่… นอกจากการต้องเป็นหญิงสามารถ ในแวดวงเศรษฐกิจความงาม เรื่องการประกวดนางงามนี่ก็เรียกได้ว่าเป็นเม็ดเงินหลายอยู่ ..อย่าการทำศัลยกรรม ไม่มีใครอยากดั้งแหม่บมาประกวด ทั้งที่มันก็เป็นลักษณะแบบไทยๆ เราไม่ใช่ฝรั่งที่ดั้งมันจะได้โด่ง ..แต่จะขึ้นเวทีก็ต้องไปงัดให้มันสูงขึ้น ถ้าได้หมอกระเป๋า หรือหมอจบแค่ GP ที่ไม่ได้มีความสามารถมาก ก็ระวังทำไปทำมาซิลิโคนมันเลื่อนกลายเป็นดั้งแหลมเปี้ยว แถมจะทะลุเอาซะด้วย ..อ่ะ ทำดั้งแล้วก็ต้องกรีดปากปีกนก  กรีดตาให้คมอีก

เมื่อก่อนเราแซวๆ พวกผู้เข้าประกวดนางงามเกาหลีว่า “เคาะกันมาจากเบ้าเดียวกัน” ตอนนี้เวลาเห็นรูปนางงามไทยก็ชักจะมึนๆ เหมือนกันว่า ออกจะเหมือนกันไปหมด แต่คิดว่า “เขาก็คงให้ได้ตามแบบสากลล่ะเนาะ” ..ในวันนี้จะเล่าถึงบุคคลรายหนึ่งซึ่งส่งเด็กของนางเข้าประกวดเวทีความงาม เจ้าตัวไม่ขอเอ่ยนาม จึงขอเอามาเรียบเรียงเป็นเรื่องสั้น

……………………

“พี่ๆ ว่างป่ะ หนูจะขอปรึกษา” น้องสาวรายหนึ่งโทรหาฉัน ซึ่งก็พอจะทราบอยู่ว่า นางอยากลงเวที Miss.. ซึ่งจัดเป็นเวทีแกรนด์สแลมของประเทศไทย ไอ้คำว่าปรึกษาก็ไม่พ้นให้เป็นพี่เลี้ยงนางงามให้หรอก

“อ่ะ ตกลงตัดสินใจลงนะ เอาอะไรว่ามา” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ รู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง จริงๆ ควรจะเป็นปีก่อนด้วยซ้ำที่นางลงประกวด ก็เตรียมตัวกันไปแล้ว แต่ไปๆ มาๆ นางไปยิงเลเซอร์หน้าขาวอะไรสักอย่าง แล้วปรากฏว่า คลินิกความงามเปิดรังสีเข้มไป ทำให้เกิดเป็นแผลแถวๆ คาง ..ซึ่งถ้านางเป็นผู้ชายก็คงไว้หนวดเคราปิดได้ แต่กับผู้หญิง แผลบนหน้านี่กลายเป็นเรื่องใหญ่ให้นางกรี๊ดๆๆๆๆ ไป ร้องไห้ไปใส่ฉัน ก็โดนด่ากลับไปตามระเบียบ

“ก็หล่อนไปรับสปอนเซอร์มั่วไม่ถามพี่เอง เขาขอเป็นเคสทดลองก็แบบนี้แหละ คลินิกความงามเดี๋ยวนี้หัดเชคเครดิตหมอหน่อยนะ โว้ย !! ขี้เดียตแด้ เป็นภาระกูอีก” ฉันบ่น แล้วก็ต้องพานางไปเจรจากับคลินิก ว่านางมี “ค่าเสียโอกาส”ที่จะต้องลงประกวดความงาม แต่ต้องใช้เวลารักษาแผลอีก ตอนแรกนางจะเรียกหลักแสน แต่คลินิกต่อรองเหลือสองหมื่น คุยกันจนไม่ฉันก็หมอเหม็นหน้ากันเองไปข้าง สรุปจบที่สามหมื่นแล้วเรื่องนี้จะต้องเงียบ

“ต่อไปหนูจะเชื่อฟังพี่ค่ะให้ทำหน้าร้านไหน เข็ดแล้วกับไอ้เคสทดลอง ฟรีก็เถอะแต่มันเสี่ยง” นางว่า โชคดีที่แผลไหม้นั้นไม่ใหญ่นัก ประโคมยาทาเข้าไป และไปเลเซอร์รักษาแผลก็เรียบร้อย หรือถ้ายังไม่มั่นใจก็เอาเครื่องสำอางน่ะโบกหน้าเข้าไป แต่เดี๋ยวนี้ค่าที่เขาใช่ชุดเปิดไหล่เปิดหลังกัน ก็เปลืองเครื่องสำอางมากขึ้นไปอีก เพราะจะ “หน้าพอ คอไม่ต้อง” เวลาขึ้นเวทีมันเห็นชัดในไฟว่าหน้าลอย..แล้ว “กูรูนางงาม” ที่เต็มอินเทอร์เนตไปหมดเอาไปล้อสนุกสนานอีก..จะไปโต้ว่า bully ก็ไม่ได้ เพราะพวกก็สวนกลับมาว่า “ในเมื่อมาในพื้นที่ที่ให้คนวิจารณ์ ก็ต้องหัดฟังกัน” ทั้งที่บางเรื่องมันเลยเถิดไปกว่าคำแนะนำไปถึงการด้อยค่ากันเลยทีเดียวแหละ ..ฉันรู้สึกสะใจมาก ที่มีนางงามคนหนึ่งประกาศ ใครด่า จะรับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น … เพราะเวลาฟังเหตุผลที่เกรียนคีย์บอร์ดขอโทษ  ดูตอนไหว้สวยแล้วสนุกๆ เหตุผลก็แนวๆ ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดสติยั้งคิด..ฉันว่าประสาท เวลาด่าคนนี่คุณต้องมีสตินะ ไม่ใช่อัพยาอยู่

อ่ะ ทีนี้เราก็ต้องมาเตรียมตัวนังหนูสู้ขึ้นเวทีกัน ฉันเอากำหนดการของเวทีมาดูคร่าวๆ มีงานไหนที่เขาจะเปิดให้พวกเพจนางงาม กูรูนางงามเข้าไปถ่ายทำบ้าง เช่น รอบออดิชั่น หรือรอบเก็บตัวบางรอบ ดังนั้น เราต้องสวยตั้งแต่รอบออดิชั่น เดินเข้ามากรรมการตะลึง..ฉันสั่งให้นังหนูของฉันหยิบส้นสูงแปดนิ้วมาเดิน ..เมื่อเห็นก็นิ่วหน้านิดนึง

“ไหล่ให้ผายกว่านี้หน่อยน้อง ตามองตรง ยิ้ม” ก็นั่งสอนกันไปตามมีตามเกิด ดีแต่ว่านางรักดี พอที่จะหัดเดินส้นเข็มได้ตั้งแต่อายุยังไม่เท่าไร แต่ฉันก็ยังไม่พอใจการเดินอยู่ดี..เชคพวกคอร์สส่งเสริมบุคลิกภาพ เดี๋ยวนี้มีคอร์สสอนเดินแบบ เดินประกวดกันด้วย ราคาแพงแบบเหงื่อตกอยู่

สำหรับเรื่องการส่งนางงามสักคน ..กรณีที่พวกนางไม่ใช่หญิงรวยพอจะส่งตัวเอง  พี่เลี้ยง ( และตัวผู้เข้าประกวดเอง ) ก็ต้องหาสปอนเซอร์กันให้ควั่ก เอาแค่ชุดปรากฏตัวต่อสื่อวันออดิชั่นก็ต้องดูไม่แย่ ต้องมานั่งเชควันไหนออกสื่อควรมีชุดดีๆ ไม่ใช่แบบ มาลุคปอนๆ อยู่คนเดียวทั้งเวที นอกจากมั่นว่าตัวเองเป็นสาวเซอร์ สาวโบฮีเมียน ซึ่งแบบนั้นคนไทยไม่ชอบก็ตกรอบไปซะ …ชุดปรากฏตัวต้องหาสปอน ชุดราตรีต้องหาสปอน เครื่องสำอางก็ต้องหาสปอน เรียนเดินก็ต้องหาสปอน แล้วขอโทษนะ… ประกวดกันเยอะตายชัก จนฉันไม่อยากบากหน้าไปบางคลินิกแล้ว เพราะเจอปุ๊บ นังพยาบาลตัวแสบที่เคาท์เตอร์ถามประโยคแรกทันที “พี่..มาขอสปอนใช่ไหมคะ” แล้วก็มักจะจบด้วยการที่รายอื่นปาดไปแล้ว

สปอนจากคลินิกความงามนั้นมีหลายวิธีมากที่คุณจะต้องทำกับหน้าคุณ ผิวคุณ ให้มันผุดผ่องเป็นยองใย ไขมันส่วนเกินก็ต้องจดการ ริ้วรอยอะไรก็เติมฟิลเลอร์เข้าไป นมไม่สวยใส่บิกินี่ไม่ชิด ก็ใช้วิธีเสริมหรือไม่ก็เพิ่มดันทรง ให้มันขึ้นเบียดๆ แต่อย่าให้ดูแข็งโก๊กเป็นกะลาครอบ

หาชุดก็ต้องเอาเด็กไปให้ห้องเสื้อดู ถ้าเด็กเรากองเชียร์ไม่แรงพอ ห้องเสื้อดังๆ ก็มักจะส่ายหน้า แล้วจะให้ไปเช่ามาใส่เองก็สิ้นเปลืองอีกล่ะ แต่ถึงจุดหนึ่งถ้าหาไม่ได้ก็ต้องเช่า ใช้งานเดียวจะซื้อทำไม ..แล้วก็มีชุดประจำชาติ ที่มักจะต้องจ้างออกแบบ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเล่นใหญ่วิลิศมาหราไปถึงไหน เห็นนางงามเมียนมานำเสนอชุดประจำชาติบางเวทีแล้วอยากถาม..หนักไหม สิ่งที่เธอทำอยู่ …ยังกะขนบูทโอทอปมาเล่น ..แล้วพอมีให้เสนอของดีประจำจังหวัด คราวนี้เห็นสนุกกันใหญ่แบบ …หลังเวทีน่าจะกว้างมากไม่งั้นชุดเกี่ยวกันเดินชนกันอาจลุกเองไม่ได้

นอกจากนี้มีอะไรอีกนะ อ๋อ โซเชี่ยลมีเดีย ต้องเข้าถึงง่าย ลงรูปตัวเองสวยๆ ปังๆ บ่อยๆ แบบรูปทีเผลอก็ต้องสวย เอาไงล่ะ ฉันหยิบมือถือมาดู …มีพี่ช่างภาพรายหนึ่งที่รู้จักกัน…แต่ก่อนหน้านี้เคยขอถ่ายงานฟรี อยู่ๆ เขาก็ไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวลอยๆ ว่า งานฟรีอย่าเยอะ ถ่ายให้ รีทัชให้ก็บุญแล้ว ไม่รู้ด่าฉันหรือเปล่าแต่ก็เกรงใจนะถ้าจะขอพี่เขาถ่ายฟรีๆ ฉันเลื่อนๆ ดูเฟซบุ๊กของยัยเด็กที่ฉันต้องเป็นพี่เลี้ยง… พวกนักขุดมีเยอะ ต้องมานั่งเชคว่า นางนี่เคยโพสต์อะไรบ้าๆ บอๆให้นักแคปเอาไปด่าได้หรือเปล่า

ทีนี้ มารวบรวมรายการ มีค่าทำสวย ค่าคอร์สสอนเดิน ค่าชุด ค่าเครื่องแต่งหน้า ค่าช่างแต่งหน้า ค่าช่างภาพ ..โอะ.. แต่ฉันกับนางตกลงกันว่าจะช่วยกันหา บางทีนางก็บอกฉันขำๆ ว่า “นางงามนี่ยังกะนักกล้ามนะคะพี่ ค่าเวย์โปรตีน ค่าปักฮอร์โมน เย้อ..เยอะ บางเวที ประกวดได้รางวัลไม่คุ้ม” ฉันเลยถามว่าไปรู้ได้ไง นางบอกเคยมีผัวเป็นนักกล้าม ..ก็เลยต้องห้ามอีกว่า อย่าคะนองปากพูดว่าผัว ให้ใช้คำว่าแฟนเก่า แล้วก็ต้องถามอีกว่า เคยถ่ายคลิปอะไรบ้าๆ บอๆ กับผัวไหม ..โอเค ไม่เคย ทีนี้ ฉันกับนางก็มากางคอนเนคชั่นกันดูว่า เราจะขอสปอนเซอร์ใครได้บ้าง ให้ควักเงินเองมันไม่ได้รวยขนาดนั้น และอีกอย่างหนึ่ง เวลามีงานประกวดอะไรๆ เนี่ย คู่แข่งเขาก็วิ่งหาสปอนเซอร์ของตัวเอง

ขณะที่กองก็ต้องวิ่งหาสปอนเซอร์สำหรับจัดงาน ต้องเอาให้แบบ “ฉิบหายไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้” ขายบัตรหมดก็ยังไม่รู้จะลุ้นไปเป็นหนี้เอาดาบหน้าหรือเปล่า บางเจ้าให้สองสามพันยังต้องขึ้นโลโก้ให้ไม่ให้แบคดรอปมันว่าง ธุรกิจเกี่ยวกับการประกวดมันโยงใยหลายอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับความงาม การพัฒนาบุคลิกภาพ ..แล้วยังต้องจับนางงามสอนตอบคำถามเป็นหญิงสามารถให้ได้อีก เราก็ต้องมาดูประเด็นโลกกันว่า นางงามควรจะนำเสนอเรื่องอะไร อ่ะ เอาเรื่องโลกร้อน กับสงคราม การพัฒนาศักยภาพผู้หญิง  และบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ ฮิตที่สุด ฉันคิดคำถามให้นางเด็กของฉันตอบให้ฟัง แต่ตอบอย่างไรก็ไม่โดนใจฉันเสียที

“โอ๊ย พี่จะให้มันยากไปถึงไหน ประกวดเสร็จก็ไปมีผัว” นางประท้วงหลังฉันไม่พอใจคำตอบเสียที

“ถ้าอยากได้ผัวรวยหล่อนต้องดูมีระดับ เชิดหน้าชูตาผัวได้ด้วย เขาไม่เอาหรอกถึงผ่านเวทีประกวดมาแต่โง่ แสดงความเห็นอะไรทีมีแต่คนเบะปาก เอ้า ตอบใหม่” ฉันพยายามบอกอย่างใจเย็น

“หนูว่าทำไมมันต้องยุ่งยากขนาดนี้ ไม่เคยเห็นเลยที่โชว์ความเป็นหญิงสามารถ โชว์ทัศนคติสวยๆ แล้วจะออกมาทำอะไรเยอะแยะเป็นแรงบันดาลใจ อย่างมากก็ไปเดินพรมแดงงานโน้นงานนี้หรือไปเป็นดารา หนูอยากประกวดเพราะหนูอยากเป็นดารานี่แหละไม่มีอารมณ์จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหรอก !! ตัวต้นเรื่องสร้างแรงบันดาลใจในสังคมมีเยอะแยะ มาเอาอะไรกับนางงามตอบคำถามสามข้อ ฮ่วย เยอะ”

ฉันกล่อมต่อ “แต่หล่อนได้มีนาทีที่ยิ่งใหญ่ ได้มีแฟนคลับนะ แบบ‘นิ้ง แดงไหน’น่ะคนก็ยังจำได้ ต่อไปก็ไปเป็นดาราได้ เอาน่า อยากประกวดแต่ไม่อยากทำตัวฉลาดนี่ไม่ดีนะหนูนะ พี่สอนให้ก็ฟังๆ หน่อย ดีต่ออนาคตของหนู”

นางก็นั่งทำใจเย็นพักหนึ่งแล้วก็คุยต่อได้..ขณะที่ในใจฉันตั้งคำถามว่า “นั่นสิ ประกวดไปแล้ว ได้อะไร ?”.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่