โกยความจิ้นและความฟินในใจของแฟน ๆ ได้อย่างมากมายสำหรับซีรีส์สุดฮอตเรื่อง“วันดีวิทยา Wandee Goodday” ที่ได้คู่จิ้นสุดฮอต เกรท-สพล อัศวมั่นคง และหนุ่มหน้าใส อิน-สาริน รณเกียรติ โคจรมาประกบคู่กัน งานนี้บอกเลยว่าเคมีดีเว่อร์จน “บันเทิงเดลินิวส์” ทนไม่ไหวต้องติดต่อไปขอคิวสัมภาษณ์ความปังของซีรีส์เรื่องนี้สักหน่อย ซึ่งเราก็จัดมาหมดเลยทั้งการทำงานในซีรีส์เรื่องนี้ และมุมมองทัศนคติของพวกเขาทั้งสองคนมาอ่านกันจ้า

สองคนเป็นนักแสดงมากฝีมือด้วยกันทั้งคู่ กดดันพอมาแสดงด้วยกันบ้างไหม?

อิน : “สำหรับอินไม่ครับ ส่วนตัวอินไม่ได้กดดัน คืออินสนุกครับ มันไม่ได้คิดอะไรเยอะ สิ่งที่สนุกคือการที่เราเข้าตัวละครอย่างเต็มที่ แล้วก็ให้ผู้กำกับและเพื่อนร่วมงานแสดง เป็นคนพาเราไป มันก็จะเข้าถึงบทได้ค่อนข้างง่าย ก็ปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดเรามันไปเป็นตัวละคร มันก็เลยไม่ได้กดดัน มันจอย”

เกรท : “โดยส่วนตัวผมแล้ว บทที่ผมรับก็คือ เป็นบทที่ผมชอบผมจะเป็นตัวละครที่มันจะค่อนข้างดีฟมันจะมีความดราม่าหลายชั้นหน่อย มันจะมีแบบลงลึกลงไปอีกถึงข้างในของตัวละคร พอเราเล่นพอเราอ่านเราก็เลยรู้สึกว่าผมคนละขั้วกับน้องอินเลย น้องอินสนุกมาก เอาจริงส่วนตัวผมก็สนุก แต่ผมจะมีความค่อนข้างกดดัน แล้วก็รู้สึกว่าเราอยากให้ตัวละครเรา ที่เราสร้างมันออกมา ที่เรารักเขามันแบบมันได้อยู่ในทุกอย่าง ที่สมบูรณ์ครบถ้วนทั้งหมด เราก็จะบอกกับพี่เขาตั้งแต่วันแรกว่า พี่ผมอ่ะรักมันมากเลยนะผมรักการแสดงมากเลย วันที่ผมกับน้องอินไปคุยกัน กับพี่โยคนเขียนบทครั้งแรก ว่าผมตั้งใจมากผมรู้สึกว่าผมอยากให้เรื่องนี้มันมีครบมันมีทุกอย่างจริง ๆ ก็ไปนั่งคุยกัน โอเคเบาได้แต่ก็ไม่อยากให้เบาจนเกินไป อยากจะให้มันมีอื่น ๆ มีมิติมากยิ่งขึ้น ก็นั่งคุยกันว่า ผมแบบคือผมจะคนละแบบกับเขาเลย แต่ว่าพอเล่น ๆ ไปก็สนุกดี เพราะว่าเราได้เจอกับทุกคนที่เป็นตัวละครนั้นแล้ว ทุกอย่างภาพมันชัด มันสามารถลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่อง เส้นเรื่องต่าง ๆ ที่ถูกวางไว้ได้แล้ว”

พอฟีดแบ็กมันดี หลาย ๆ คนก็ชอบ EP.ที่ผ่านมาแฟน ๆ ก็รอลุ้นไปเรื่อย มันทำให้เราหายเหนื่อยไหม สิ่งที่เราทุ่มเทขนาดนี้?

อิน : “ก็หายเหนื่อยนะ รู้สึกว่าขอแค่ชอบก็แฮปปี้แล้วครับ ตรงตามชื่อเรื่อง วันดีวิทยา ก็คือถ้าคนดู ดูแล้วมีความสุขแฮปปี้ไปกับมัน ก็คือเป็นกำไรของพวกเราแล้ว”

เกรท : “จริง ๆ เรื่องนี้เราถูกเขียนหรือถูกตั้งขึ้นมา เขาเรียกว่ามีนิยามอยู่คำนึงที่พี่โยคนเขียนบทหรือว่าโปรดิวเซอร์ของเรานะครับเขาได้บอกเราว่า เขาแค่อยากให้คนที่ได้ดูวันดีวิทยา วันดีกู๊ดเดย์ของเราทุกวันเสาร์ อยากให้ทุกวันเสาร์เป็นวันดี ๆ ของทุกคน เราอยากให้ทุกคนมีวันดี ๆ เหมือนพวกเราอยากให้เดินทางไปกับตัวละคร ได้แบบแฮปปี้ ได้ยิ้มได้ แม้ว่าจะเจอเรื่องหนักหนามาแค่ไหน ไม่ว่าจะมีเรื่องปวดหัวจากข้างนอกมากแค่ไหนแต่สุดท้ายพอนั่งลงดูวันดีวิทยาของเราแล้วมีความสุขแค่นั้นก็พอแล้ว สำหรับพวกเรา”

EP.ต่าง ๆ ที่ผ่านมา มีซีนไหน ฉากไหน ที่ชอบเหมือนกันไหม?

เกรท : “ผมชอบตอนสาม เพราะว่าตอนสามเป็นตอนที่ หมอวันดีกับยอยักตกลงเป็นแฟนปลอม ๆ กันและผมรู้สึกว่าซีนที่มันคุยกันแล้วมันมีพลุขึ้นมาแล้วมันรู้สึกเป็นแบบฟลูฟีลดีครับ มันเป็นสองตัวละครที่ยอมลดอีโก้อะไรหลาย ๆ อย่างลง เพื่อมาทำความต้องการของแต่ละคน มันรู้สึกเออมันเต็มดี ดูแล้วมันมีความสุขครับ”

อิน : “ผมชอบทุกซีนเลย จริง ๆ เลือกไม่ได้เพราะเราก็เต็มที่กับมันทุกซีน แล้วก็ในทุกตอนจะมีซับเทคของมันอยู่แล้วในแต่ละตอน มันก็เลยแบบเลือกไม่ได้เพราะรู้สึกว่าทุก EP. มันมีเสน่ห์ในการที่คนมีความสุขคนละแบบ EP. แรก ๆ จะสนุกแบบ สายซิ่งหน่อย สายเซ็กซี่หน่อย แล้วพอมันก็เริ่มมีความโรแมนติกเข้ามา แล้วอยู่ดี ๆ EP.3 ก็เริ่มมีความอบอุ่นของครอบครัวเข้ามา เราว่ามันก็หลากหลายแล้วก็สนุกทุกฉากเลยครับ”

ล่าสุดทั้งสองคนขึ้นแท่นคู่จิ้นที่หลาย ๆ คนรัก เขินที่แฟน ๆจับจิ้นโมเมนต์ต่าง ๆ ด้วยกันไหม?

เกรท : “ไม่เขินคับ จิ้นได้ (ยิ้มหวาน) เพราะเวลาเราดู เรารู้สึกจิ้นตอนที่เราดูตอนแรกกับตอนสองด้วยกัน คือเราไม่ได้ดูแบบเป็นเรา
เราดูแบบคนที่มองเป็นยอยักกับวันดี มันเลยรู้สึกว่าทำไมมันเขิน มันแบบหน้าร้อนหน้าแดงไปหมด”

อิน : “น่ารักดี (ยิ้ม) คือตัวละครมันน่ารักจริง ๆ และเราเองก็คุยฟีดแบ็กกันตลอดและที่มันน่ารัก ๆ จริง ๆ คือตัวละครมันดีไซน์มาด้วยกัน แล้วเราก็ร่วมดีไซน์มาด้วยกัน”

ตอนนี้งานเยอะมาก ๆ แล้วแฟนมีตติ้งหลายคนเรียกร้องกันเข้ามา พอจะมีให้เห็นไหม?

อิน : “ตอนนี้ EP.6 แล้วก็ยังกลาง ๆ เรื่องนะครับ ทางผู้ใหญ่ก็บอกว่าต้องดูกระแสอยู่ครับคือค่อนข้างดีแล้วแหละ เราเห็นแล้ว ขอบคุณทุกคนผลตอบรับดีมาก แต่ว่าตามหลักเลยเขาก็จะดูว่า แฟนคลับเยอะหรือว่าแบบมีประชากรที่อยากจะเจอพวกเราบ้าง เขาก็จะทำ ฝากติดแฮชแท็ก ฝากบอกไปถึงเขาหน่อย ผ่านตัวแฮชแท็กวันดีกู๊ดเดย์ หรือ วันดีวิทยาก็ได้ครับ”

เกรท : “จริง ๆ เราดูฟีดแบ็กกันอยู่ว่า ถ้า EP. หลังจากนี้ มันดีขึ้นเรื่อย ๆ EP. สุดท้ายเราอาจจะมีให้ดูไฟนอล EP. ด้วยกันก็ได้ ก็ต้องดูว่าเป็นยังไง ก็ต้องดูฟีดแบ็กทั้งหมดทั้งมวลเลย แฟนคลับทั้งหมด”

มาถึงโหมดมุมมองกันบ้าง จริง ๆ ทั้งสองท่านอยู่ในวงการบันเทิงมากี่ปีแล้ว?

อิน : “ก็ประมาณ 10 ปีพอดีในวงการบันเทิง ของผมจะรู้สึกว่า ถ้าให้แฟลชแบ็กตลอด10 ปี ผมจะเห็นภาพของการอยู่วงการบันเทิงนี้ คือภาพของความสุข โทนในหัวผมความรู้สึกหรือในความทรงจำที่ผมจะเก็บมันไว้ ผมจะคอลเลคความสุข ความสุขในการทำงาน ความสุขในการเจอคนเยอะ ๆ เพราะว่าโอโห้กองถ่ายทีนึงนี่ 40-50 คน แล้วเรามีโอกาสทำงานมาแบบ จะ10 กองถ่ายแล้วครับ ก็จะเจอคนหลากหลายแบบ ก็สนุกสนานดี ผมว่าแล้วก็ความสุขในการเป็นมีเดียมในการที่เป็นตัวละครต่าง ๆ นี่ก็สนุกมากเลย คือเราเกิดมาเป็นมนุษย์ 1 คน แต่เราสามารถมีโอกาสที่จะได้ไปเป็นตัวละครอื่น ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่เราเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เราก็เลยแบบสนุก แล้วพอเราเล่นออกไปแล้วมีคนชื่นชอบ ยกตัวอย่าง ตอนที่ผมเล่นเรื่องแรกของผมเลย ซีรีส์ลูกผู้ชายภูผา ตอนนั้นก็จะเล่นเกี่ยวกับเป็นการหยิบยกเอาเรื่องราวสมัยชีวิตอากงอาม่าพวกเรามาเล่น คือผมเล่นเป็นย้อนยุคตอนนั้น ผมได้แฟนคลับที่เป็นอากงอาม่าทั่วเมืองเลย อาม่าแบบว่าชอบผมมาก อาม่าของทุก ๆ บ้านเลย ขนาดเพื่อนผมที่มีอาม่าที่บ้านยังต้องให้ FaceTime คุยกับอาม่าเลย เขาก็แบบว่านี่มันชีวิตอั๊วเลย ชีวิตที่เขาแบบว่าเสื่อผืนหมอนใบ ก็เลยแบบมันคือความสุขของการที่แบบเป็นตัวละครต่าง ๆ แล้วก็มีคนรักเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยรู้สึกว่าเห็นเป็นภาพความรักแล้วก็ภาพแห่งความสุข แบบนั้น ก็ว่าเป็นคนมองอะไรกว้างมากครับ”

เกรท : “ของผมก็ประมาณ 10 กว่าปีครับ ที่ผ่านมาสำหรับตัวผม มองว่ามันทำให้ผมโตขึ้นหลาย ๆ ด้าน โชคดีด้วยที่ผมเป็นคนที่เหมือนตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็เป็นลีดฯ มันก็จะได้เรื่องวินัยการตรงต่อเวลา มันเลยทำให้การทำงานของเรามันยิ่งโตขึ้น ยิ่งทำให้เราไม่อยากทำให้คนอื่นต้องมานั่งรอเราหรืออะไรด้วย การตรงต่อเวลา การเคารพ การให้เกียรติทีมงานทุกฝ่าย แล้วก็การอยู่ให้ได้กับความเห็นแย่ ๆ ฟีดแบ็กที่ไม่ดี หรือความผิดหวัง แม้ว่าเราจะเคยได้รับหรือว่าเคยเสียใจจากงานหรือเส้นทางที่เราเดินผ่านมา มันทำให้เราโต แข็งแรงขึ้น เข้มแข็งขึ้น ทำให้อยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น เพราะจริง ๆ ผมเป็นพวกคิดมาก คิดเล็กคิดน้อย คิดเยอะ ช่วงหลัง ๆ มันก็ดีขึ้น แม้ว่าจะยังมีอยู่แต่ว่าช่วงเวลา 10 ปี มันทำให้ผมได้เห็นอะไรเยอะมาก ๆ แบบที่รู้สึกว่า เพื่อนผมหลาย ๆ คนยังไม่เคยแบบได้รับประสบการณ์แบบนี้เลยครับ ผมรู้สึกว่า เราเจอแต่ความสำเร็จความผิดหวังมาเยอะมาก จนแบบว่าดีจัง ที่ได้เจอได้เรียนรู้”

แล้วยังมีบทบาทไหนในวงการบันเทิงที่อยากจะทำกันไหม แต่ว่ายังไม่ลองทำ?

อิน : “ผมอยากเล่นหนังมาก แล้วก็อยากเล่นหนังในโทนโรแมนติก อารมณ์แบบแฟนเดย์ที่ผมเคยพูดไป แฟนเดย์ กวนมึนโฮ แฟนฉัน ผมชอบหนังแบบนี้ มันจะอยู่ในใจผมตลอดเวลา หรือผมเป็นคนที่จำแต่อะไรที่มันแบบฟีลกู๊ด อยู่ในหัว คือดูออกมาแล้วอมยิ้ม ผมชอบ ก็เลยอยากเล่นบทแบบนั้น แต่ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้เล่นหนังครับ”

เกรท : “ผมเล่นมาหมดน่าจะหลาย ๆ แบบแล้วแต่ยังไม่ได้เล่นแบบที่บู๊แบบแอ็กชันจริงจังครับ อย่างที่เคยผ่านมามันก็จะเฉลี่ย ๆ ไม่ได้บู๊จ๋าขนาดนั้น ก็เลยรู้สึกว่า เราอยากเล่นแอ็กชั่น จริง ๆ ผมอ่ะคนละขั้วกับอินเลย อินแบบอยากให้คนดูออกมายิ้มใช่ไหม แต่ว่าผมอยากให้คนดูออกมาร้องไห้เดินออกมา ดูแล้ว มันต้องมีความแบบดราม่า มีความทัชใจเขา ดูแล้วรู้สึกอินไปกับตัวละคร อาจจะเป็นเพราะผมชอบดูหนังที่เป็นแบบดราม่ามั้ง ผมชอบดูหนังดราม่า หนังที่แบบมันรู้สึกที่มันกินใจ อย่างผมอ่ะ ผมเป็นคนฟังเพลงเศร้า แม้ว่าไม่ได้อกหักก็ฟังเพลงเศร้าทั้งของไทยและต่างประเทศ เสพหนังเสพภาพยนตร์ผมก็ดูแบบเน้นดราม่าซะมากกว่า”

ไปอีกหนึ่งโหมดของพวกคุณ จริง ๆ เรื่องแฟนคลับของพวกคุณเยอะมาก คุณมีวิธีดูแลพวกเขาอย่างไร?

อิน : “ของหลายท่านครับ วิธีการดูแลของอินก็คือต้องคอยสร้างความสุข คอยสร้างแรงบันดาลใจ เป็นบุคคลสาธารณะ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา ทำงานของเราให้เต็มที่ ถ้าเราสร้างความสุขได้ เขาดูเราเขามีความสุข เขาชอบตัวจริงเรา เขาเอาเราไปเป็นแรงบันดาลใจได้สักเรื่องนึงในชีวิตของเขา แค่นี้ก็ถือว่าแฮปปี้แล้ว”

เกรท : “ผมก็รู้สึกดีที่มีพวกเขา มันก็เหมือนกับเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานในวงการบันเทิงต่อไปเหมือนกัน มันเหมือนกับว่าเราตั้งใจทำผลงานชิ้นนึงออกมาและมีคนเห็นคุณค่า ให้ค่ารักกันมันแค่นี้มันก็รู้สึกว่าเราอยากทำอีกแล้ว เราอยากทำต่อเรื่อย ๆ เราอยากอยู่ตรงนี้ต่อเราอยากทำงานต่อ ๆไปแล้ว ยิ่งมีเขาคอยซัพพอร์ตมันก็ยิ่งสร้างความสุขให้เราในทุก ๆ วัน เขาอาจจะบอกว่าเราคือความสุขของเขา แต่จริง ๆ แล้วเขาก็คือความสุขและพลังงานในการทำงานของตัวผมเหมือนกัน ก็รู้สึกขอบคุณมาก ๆ ที่มีทุกคนอยู่ที่ด้วยกัน”

สุดท้ายถ้าเกิดให้เปรียบเทียบแฟน ๆ เป็นสิ่งอะไรในโลกนี้สักหนึ่งอย่างจะเปรียบเป็นอะไรดี?

อิน : “พอมาถามคำถามนี้ก็จะรู้ว่าตัวเองเลยว่าตัวเองเป็นคนมองทุกอย่างแบบบวก อืม (ยิ้ม) เพิ่งรู้ตัวนะเนี่ย คิดว่าเป็นคนมองทุกอย่างแบบว่าตามจริงตลอด หมายถึงว่าพอค้นความรู้สึกในหัวจะเป็นพลังงานแบบกู๊ดอ่ะ จะเป็นฟีลกู๊ดกับแฟนคลับ เรียกว่าอะไรดี ขอเป็นพลังแห่งความรักละกันครับ มันมีแต่เรื่องราวดี ๆ บางคนเจอตั้งแต่ผมอยู่มหาวิทยาลัยเขาอยู่ประถม มัธยม จริง ๆ ก็โตขึ้นมา เราก็เรียนจบ เราก็ไปอยู่ออฟฟิศยังได้มีโอกาสเจอกันอยู่เลย ยังมีแฟนคลับที่มากขึ้น แต่ว่าทุก ๆ คนส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ความรู้สึกดี ๆ เขาให้เรา เราให้เขา เราให้ความรักซึ่งกันและกัน ก็เลยบอกว่าเป็นพลังแห่งความรักฟีลกู๊ด”

เกรท : “ถ้าสำหรับแฟนคลับก็ (อมยิ้ม) ไม่ได้พูดคำนี้นานมากแล้ว ผมเคยพูดในสมัยแบบแรก ๆ ที่อยู่ที่มีแฟนคลับยุคแรก ๆ คล้าย ๆ น้องอินเลย ที่แบบเติบโตมาตั้งแต่อยู่ประถม อยู่มัธยมจนตอนนี้เรียนจบทำงาน บางคนจากโสด ๆ มีแฟนกันหมดแล้ว ผมเลยบอกว่า แฟนคลับเหมือนสายน้ำ เขาคอยพยุงให้เราแบบขึ้นมาหรือว่าจะแบบคอยพัดพาความเหนื่อยล้าของเราออกไป ในสิ่งที่ผมพูดไปแล้วเขาก็เป็นน้ำ อยู่ด้วยแล้วเย็นใจดี มีความสุข”

ฝากซีรีส์วันดีวิทยากันนิดนึงว่าเราจะชมได้ที่ไหนบ้าง?

อิน : “อย่างที่พวกเราคอยบอกตลอดว่ามันจะเป็นซีรีส์ที่สนุกมากแล้วก็จะเห็นพัฒนาการของตัวละครความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดด ถ้าคิดว่าอีพีแรก ๆ มันจะเป็นความเร็วร้อนแรง ดังนั้น EP. ที่เหลือก็จะมีความโรแมนติกมากขึ้น น่าจะเริ่มได้เห็นกันบ้างแล้วนะครับ อบอุ่นจิ้นแล้วก็ฟิน อาจจะรู้สึกว่าทำไมเรื่องมันมาโทนนี้เลยนี่คือเสน่ห์ของวันดีวิทยาที่ต้องบอกว่า แบบผู้กำกับเก่งมาก สามารถชิปความรู้สึกของคนดูให้ตามแต่ละอีพีได้เลย”

เกรท : “ก่อนจะไปมีความสุขกันก็เตรียมตัวขึ้นรถไฟเหาะกันได้เลยเพราะมันจะทำให้ความรู้สึกของคนดูขึ้นลง ๆ ใจมันตุ้บ ๆ ตั้บ ๆ แต่สุดท้ายจะมาจบที่ทำให้ทุกคนมีความสุข สนุกแน่นอนครับ ฝากด้วยนะครับ”

เต็มอิ่มสุด ๆ กับเรื่องราวการทำงานและมุมมองทัศนคติของทั้งสองคน ซึ่งพอได้คุยแล้วก็ยิ่งทำให้หลงรักในความเป็นธรรมชาติและตั้งใจของทั้งคู่มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รอแล้วจ๊ะ เราขอไปดูอีพีต่อไปและย้อนกลับไปฟินใหม่ดีกว่า.

เรื่อง : สมคิด แซ่คู ภาพ : สันติ มฤธนนท์