“คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงมาสนทนากับ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตรัฐมนตรี อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตสส.พัทลุงหลายสมัย ถึงสถานการณ์ความเป็นไปของการเมืองไทยนับจากนี้

โดย“นิพิฏฐ์”  เปิดประเด็นว่า คดีของ“นายกฯเศรษฐา” เมื่อนายกฯได้คนฝีมือระดับ“วิษณุ เครืองาม” มาช่วย จะทำให้สถานการณ์ของนายกฯดีขึ้น ส่วนคดียุบ“พรรคก้าวไกล” ผมคิดว่าคงใช้เวลา 2-3 เดือน กว่าศาลศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน เพราะตุลาการฯ จะต้องกำหนดประเด็นในการพิจารณาคดี และให้การบ้านแก่ตุลาการแต่ละคนทำคำวินิจฉัย แล้วจึงมาประชุมร่วมกัน ถ้าผลคำตัดสินออกมาในทางร้ายต่อพรรคก้าวไกล ก็คงไม่มีผลกระทบกับสถานการณ์การเมือง เพราะพรรคก้าวไกลคงเตรียมการรองรับไว้ทุกทางแล้ว และคนที่ยังเลือก“ก้าวไกล” ก็ยังเลือกต่อไป

แต่คดีของคุณทักษิณน่าสนใจมากกว่า เพราะสีหน้า อารมณ์ และคำพูดของคุณทักษิณ ขณะนี้มีความร้อนแรงมาก พูดกระทบกับทุกฝ่าย แม้แต่อัยการสูงสุด (อสส.) ถูกกล่าวหาว่ายัดคดี แกล้งสั่งฟ้อง และยังพูดลามไปถึงคนในบ้านป่าและฝ่ายอำนาจเก่า ซึ่งแสดงว่า คุณทักษิณกังวลมากเรื่องคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จนถึงส่งทนายความไปยื่นร้องขอความเป็นธรรม และขอให้อสส.ทบทวนอีกรอบ ถ้าผมเป็นทนายความให้คุณทักษิณ ผมจะบอกให้เขาโยนผ้าเลย เพราะคดีนี้เป็นเรื่องที่อสส. 2 คน คือ ท่านอสส.คนก่อนหน้านี้ และคนปัจจุบัน ได้พิจารณาแล้วว่าถูกต้องและมีเหตุผล จึงยืนยันคำสั่งฟ้อง และก่อนที่สำนวนคดีจะมาถึงอสส. ต้องผ่านการกลั่นกรองของอัยการนับสิบคน มีคณะกรรมการมาตรวจดูแล้ว และสิ่งที่คุณทักษิณ พูดกับสื่อต่างชาติจนนำมาซึ่งคดีนี้ก็ชัดอยู่แล้ว สีหน้าของคุณทักษิณจึงบ่งบอกว่าไม่ได้สบายใจ

นอกจากนี้ คุณทักษิณกังวลเรื่องภาพพจน์ตัวเองจากคดีนี้ เพราะต้องดูกันว่าหลังจากศาลรับฟ้องแล้ว และคุณทักษิณจะถูกส่งตัวไปคุมขังที่ใต้ถุนศาลระหว่างรอประกันตัวเหมือนกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆหรือไม่ ผมเชื่อว่าศาลคงไม่กล้าให้คุณทักษิณไปนั่งรออยู่ที่อื่น และเราต้องรอดูกันว่าคุณทักษิณจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ เพราะเคยหลบหนีมาแล้ว ถ้าได้ประกันตัว จะถูกติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าต้องติดจริง จะเป็นภาพข่าวออกไปทั่วโลกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยถูกศาลสั่งให้ติดกำไลอีเอ็ม และถูกห้ามออกนอกประเทศ เจ้าตัวจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมาก

@ บางคนมองว่าขณะนี้อดีตนายกฯทักษิณกำลังแสดงอำนาจต่อฝ่ายตรงข้าม และจะฟื้นระบอบทักษิณอีกครั้ง

ท่าทางและคำพูดต่างๆที่ออกมาเป็นบุคลิกของคุณทักษิณ และเขาประเมินขาดว่าต่อให้พูดพาดพิงถึงคนในบ้านป่า คนของฝ่ายอำนาจเก่าอย่างไร ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐยังอยากเป็นรัฐมนตรี ไม่มีใครอยากไปเป็นฝ่ายค้าน ผมจึงเชื่อว่าคุณทักษิณจะทำแบบนี้เรื่อยๆ เพราะรู้ว่าคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้  

แต่จะไม่สามารถฟื้นระบอบทักษิณให้ยิ่งใหญ่ได้อีก เนื่องจากคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยลดลง และคดีต่างๆของคุณทักษิณจะยังถูกคนนำมาพูดถึงเรื่อยๆ อีกทั้งคดีคุณทักษิณตามมาตรา 112 จะส่งผลอย่างมากต่อการเดินหน้าเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้นิรโทษกรรมคดีตามมาตรา 112 ด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึง ความชอบธรรมของพรรคเพื่อไทยจะหมดไป เพราะสังคมจะมองว่าทำเพื่อช่วยคุณทักษิณคนเดียว ที่จริงตั้งแต่พรรคเพื่อไทยผลักดันเรื่องนิรโทษกรรม ก็ทำเพื่อคุณทักษิณ ไม่ใช่เพื่อคนเสื้อแดง

ดังนั้น ตอนนี้เมื่อมีการพูดว่าจะให้นิรโทษกรรมแก่คดีตามมาตรา 112 ด้วย จึงเป็นจังหวะดีที่สุดของคุณทักษิณ เพราะเขาต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองหลุดจากคดีนี้ ต้องปลดล็อกคดีด้วยนิรโทษกรรม แต่ถ้าปล่อยไว้แล้วต้องเดินเข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาล มีโอกาสเสี่ยงมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ที่จะถูกพิพากษา

และถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถจับมือกับพรรคก้าวไกลที่ต้องการให้นิรโทษกรรมแก่คดีตามมาตรา 112 อยู่แล้ว จะทำให้มีเสียงสส.เกินครึ่ง และสามารถโหวตให้กฎหมายนิรโทษกรรมผ่านได้สบาย สำหรับพรรคก้าวไกลถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ทำเพื่อช่วยคนที่มีคดีตามมาตรา 112 ได้ ก็จะเสียผู้สนับสนุนจำนวนมาก

 @ คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถกินรวบทางการเมือง เหมือนยุครุ่งเรืองของพรรคไทยรักไทยได้หรือไม่

พรรคเพื่อไทยคงไม่พีคจนทำให้ “ระบอบทักษิณ”กลับมายิ่งใหญ่อย่างนั้นได้อีก โดยจะเป็นพรรคอันดับ 2 ตามหลังพรรคก้าวไกลที่เป็นอันดับ 1 ส่วนคนอีกฝ่ายที่เคยออกมาคัดค้านคุณทักษิณก็จะไม่มีแล้ว ชราภาพกันหมด ส่วนคนรุ่นใหม่ก็มีประสบการณ์ทางการเมืองก็ตามไม่ทันคุณทักษิณ และไม่รู้ว่าแก่นแท้จริงๆของปรัชญาหลักการประชาธิปไตย คิดแค่ว่าคนเท่ากัน

ส่วนสิ่งที่จะช่วยให้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเพิ่มได้ คือ ต้องเดินหน้าเรื่องแจกเงิน 10,000 บาทผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนได้ และถ้านิรโทษกรรมให้คนมีคดีได้ด้วย จะทำให้เขามีคะแนนมากขึ้น และถ้าเป็นไปอย่างนี้ได้ยาวๆสัก  3 ปี เขาก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอครบเทอม และในการเลือกตั้งครั้งหน้าเขาจะประกาศได้ว่าเปลี่ยนมาแจกเงินสดดีกว่า ประชาชนก็เชื่อและจะลงคะแนนให้ เพราะเห็นแล้วว่าเคยทำได้ตามที่หาเสียง

เหตุที่คิดว่ารัฐบาลอาจไม่รออยู่ครบเทอม เพราะเชื่อว่าคุณเศรษฐาไม่สนใจเรื่องนี้ เขาเป็นนักธุรกิจ แค่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีชื่อติดบนผนังตึกไทยคู่ฟ้าก็พอแล้ว ทั้งนี้ ตัวนายกรัฐมนตรีมีดาบประกาศิตคืออำนาจยุบสภา หากคุณทักษิณไปกดคุณเศรษฐามากๆ ระวังนายกฯเศรษฐาจะหน้ามืดแล้วใช้อำนาจประกาศยุบสภาก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่คุณทักษิณต้องคิดให้ดี ดังนั้น เรื่องที่พูดกันว่ามีนายกฯ 2 คนไม่มีผลอะไร

@ ขั้วการเมืองฝ่ายคนรุ่นใหม่อย่าง“ก้าวไกล” คิดว่าจะยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่หรือไม่

เติบโตแน่นอน และจะยิ่งใหญ่มากขึ้น ตอนนี้ใครๆก็พูดถึงพรรคก้าวไกล เราอย่าลืมว่าการเมืองเป็นเรื่องของความหวัง ขณะที่ประชาชนยังมองว่า “ก้าวไกล”เป็นของใหม่แกะกล่อง ไม่เคยมีบาดแผลเหมือนกับพรรคการเมืองอื่นๆ จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชาวบ้านหวังว่าจะมาสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำให้อนาคตของประชาชนดีขึ้น ใครๆจึงอยากให้โอกาส“ก้าวไกล”มาบริหารประเทศ ลืมสนใจเรื่องคดีต่างๆ ขณะที่ฝ่ายคนในพรรคก้าวไกลก็ไม่กลัวคดียุบพรรค และใช้โอกาสนี้ขอเสียงสนับสนุนตัวเอง

สถานการณ์การเมืองไทยเวลานี้เป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันของพรรคการเมืองและของนักการเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชนเลย.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่