ชัยชนะของพรรคภารติยะ ชนตะ (บีเจพี) และพันธมิตร ซึ่งได้รับเลือกตั้ง 240 จาก 543 ที่นั่งในโลกสภา หรือสภาผู้แทนราษฎร ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก การขอความสนับสนุนจากผู้ศรัทธาชาวฮินดู และชุมชนมุสลิมมากกว่า 200 ล้านคนของประเทศ

แม้โมดีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สร้างภาพลักษณ์ของเขาในฐานะผู้นำที่มีความมั่นใจและทำงานเชิงรุก แต่การสูญเสีย 63 ที่นั่ง แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายค้านกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ จนทำให้พรรคบีเจพี ไม่สามารถครองเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จด้วยตนเอง และต้องพึ่งพาพันธมิตร เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี

“สำหรับพรรคบีเจพี ความชะล่าใจเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจ และในตอนนี้ เราจะได้เห็นโมดีคนใหม่โดยสิ้นเชิง เพราะพวกเราไม่เคยเห็นเขาบริหารรัฐบาลที่ไม่เป็นเสียงข้างมาก” นายนิสตุลา เฮบบาร์ บรรณาธิการด้านการเมืองของหนังสือพิมพ์ เดอะ ฮินดู กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งทำให้โมดีต้องมีความรอบคอบมากขึ้น เพื่อรับประกันการสนับสนุนนโยบาย ที่ก่อให้เกิดการถกเถียง แต่ถ้าโมดีสามารถรักษาพันธมิตรของเขาไว้ได้ การเป็นผู้นำอินเดียสมัยที่สาม จะช่วยให้พรรคบีเจพีเข็นนโยบายที่น่าจะทำให้เส้นแบ่งระหว่างรัฐกับศาสนา “เลือนรางมากกว่าเดิม”

“พวกเขาดำเนินการตามวาระ เพื่อทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศฮินดูอยู่แล้ว เพราะนั่นคือเป้าหมายสูงสุด และพวกเขาไม่คิดที่จะปกปิดมันเลย” นายรามู มานีวันนัน นักวิเคราะห์การเมือง ระบุ

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายที่พรรคบีเจพีวางแผนไว้ คือ การนำประมวลกฎหมายแพ่งร่วมระดับชาติฉบับใหม่มาใช้ เพื่อทำให้กฎหมายเป็นมาตรฐานสำหรับชุมชนศาสนาทั้งหมดในอินเดีย

อนึ่ง ประชากรราว 1,400 ล้านคนของอินเดีย อยู่ภายใต้กฎหมายอาญาร่วม แต่กฎระเบียบเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เช่น การสมรส, การหย่าร้าง และการรับมรดก แตกต่างกันไปตามธรรมเนียมประเพณี ซึ่งนักการเมือง นักกฎหมาย และนักปฏิรูปฝ่ายขวาจำนวนมาก กล่าวว่า ประมวลกฎหมายที่ยึดตามประเพณีถือเป็น “ความเสื่อมถอย” และเรียกร้องให้มีกรอบกฎหมายซึ่งมีผลบังคับใช้กับชาวอินเดียทุกคนอย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม ชุมชนหลายแห่ง โดยเฉพาะชาวมุสลิม กังวลว่ากฎหมายฉบับใหม่ จะละเมิดกฎหมายศาสนาของพวกเขา ตลอดจนมองว่ามันเป็นการโจมตีอัตลักษณ์ของพวกเขา และขัดต่อรัฐธรรมนูญอินเดีย

“ข้อเสนอดังกล่าวค่อนข้างสร้างความแตกแยก ซึ่งมันจะเป็นบททดสอบความสามัคคีปรองดองของชาวอินเดีย และระบบการปกครองของรัฐบาลกลาง” มานีวันนัน กล่าวทิ้งท้าย.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP