ต้องยอมรับว่า เวลาหมุนวนผ่านไปอย่างรวดเร็วจริง สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งจะ ครบรอบ 10 ปีรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ผลงานการยึดอำนาจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา(ขณะนั้นเป็น ผบ.ทบ.) นำกองทัพออกมารัฐประหาร รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย พร้อมฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ใช้เวลานานกว่า 5 ปีถึงจะจัดการเลือกตั้งในปี 2562 ภายใต้ รัฐธรรมนูญ 2560 และกลไก สว. 250 คน มาจากการสรรหาของ คสช.
’การตัดสินใจยึดอำนาจเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต ใช้เวลามากกว่า 6 เดือนเพื่อตัดสินใจ ไม่ได้ตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าจะทำการรัฐประหาร เพียงแต่ไม่สามารถปล่อยให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้“ เป็นถ้อยคำของ พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในนิตยสารไทม์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2561
คสช.รัฐประหาร เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ให้สัญญาจะใช้เวลาไม่นาน แต่โลกความเป็นจริงผ่านพ้นมา 10 ปีเต็ม ผลงานการปฏิรูปหรือบริหารประเทศ ปัญหาเกือบทุก ๆ ด้าน ยังวนเวียนอยู่เหมือนเดิม รัฐบาลใหม่ มาจากพลเรือน ชนะการเลือกตั้งเข้ามา แทนที่จะรับไม้สานต่อเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ
กลายเป็นว่า ยังต้องมาสะสางปัญหาเก่า ๆ ที่ค้างคาอยู่ ไล่ตั้งแต่เศรษฐกิจปากท้อง การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน หรือหากเจาะไปเพียงแค่ หน่วยงานสีกากี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปนั่งเป็น ประธาน ก.ตร. กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง แม้จะได้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ไม่น่าเชื่อสารพัดปัญหาขององค์กรสีกากี กลายเป็นเละตุ้มเป๊ะ
ทั้ง ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน ยังครบเครื่อง ระดับ “ผบ.ตร.” ผู้นำองค์กรก็ไม่รอด แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาทั้งชีวิต แทนที่จะได้พักผ่อนสบาย ๆ ยังต้องแวะเวียนไปขึ้นโรงขึ้นศาล จากฝีมือลูกน้องเก่าเล่นงาน
ปฏิรูปกันแบบไหน ? จนทำให้หน่วยงานบอบช้ำ แบบไม่เคยมีมาก่อน ปัจจุบันระดับ “บิ๊กสีกากี” ยังต้องติดพันปัญหาฟ้องร้องกันนัวเนีย จนต้องตั้ง “รักษาการ ผบ.ตร.” มาทำหน้าที่บริหารองค์กร
ไม่ใช่เรื่องแปลก ผลสะท้อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 พรรคการเมืองที่อิงแอบอยู่กับอำนาจรัฐประหาร ต้องพ่ายแพ้ พรรคการเมืองซีกประชาธิปไตย เพราะแนวทาง รัฐประหาร ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศได้ถูกปฏิเสธจากเสียงประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้าคูหาเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตย
ครบ 10 ปีรัฐประหารฯ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้ง เพื่อไทย และ ก้าวไกล จึงได้แสดงออกทางความคิดตามแนวทางนโยบายของพรรคตัวเอง โดย เพื่อไทย ยังคงยืนยัน เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อรื้อผลพวงจากรัฐประหาร และ แนวคิดแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม เพราะเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกแนวทางช่วยสกัดกั้นป้องกันรัฐประหาร-ฉีกรัฐธรรมนูญ
ก้าวไกล ยืนกรานหนักแน่น ต้อง ไล่รื้อมรดก คสช. อย่างน้อย 3 วาระ คือ1.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100% เพื่อนำพาสังคมไทยออกจากรัฐธรรมนูญ 2560 พร้อมปิดช่องไม่ให้ศาลรับรองการทำรัฐประหาร ที่สำคัญไม่ให้มีการนิรโทษกรรมผู้ก่อรัฐประหาร2.ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบราชการกลาโหม ปรับโครงสร้างอำนาจ กระบวนการแต่งตั้งนายพล เตรียมร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปศาลทหาร และ 3.ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ทลายทุนผูกขาดปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เพื่อปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ให้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันการผูกขาดทางเศรษฐกิจ
เพื่อไทย–ก้าวไกล แสดงออกถึงแนวทางต่าง ๆ ออกมา เชื่อมั่นอย่างน้อยเป็นแนวทางสกัดกั้นอำนาจรัฐประหาร !! ปัจจุบัน “รัฐบาลพลเรือน” มีโอกาสเข้ามานำรัฐนาวาบริหารประเทศ คงไม่มีใครอยากให้กงล้อประวัติศาสตร์หมุนวนมาซ้ำรอยเดิม ในยุคสมัยของตัวเองอย่างแน่นอน
แต่อนาคตคงเป็นเรื่องคาดเดาได้ยากยิ่ง จะยังมี ขุนศึก หรือ บิ๊กทหาร นำกำลังลากรถถังและอาวุธ ออกมายึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนอีกหรือไม่? ที่สำคัญจะงัดเหตุผล สารพัดปัญหาอะไร มาใช้เป็นข้ออ้าง!!.
…………………………..
เชิงผา
