ถูกสนใจอยู่อย่างมากมายก่อนหน้านี้สำหรับเรื่องราวของนักแสดงมากฝีมือ กลม นพพล ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแชร์คลิปวีดีโอสั้นๆผ่านทางโซเชียลของตนเอง ที่มีภรรยาอยู่ด้วยและบอกกับแฟนๆว่าตนเองพลาสปอร์ตหายและถูกโจรรถไฟขโมยของไปหมดเลย กำลังประสานหาทางกลับบ้านอยู่ งานนี้ทำเอาแฟนๆตกใจและมามอบกำลังใจให้กลมกันอย่างมากมาย
ล่าสุดรายการดังทางยูทูบ Dailynews LIVE-TH อย่างรายการ Daily POP LIVE ได้ออกมาพูดคุยสัมภาษณ์กลมถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งหนุ่มกลมก็แชร์ประสบการณ์นี้ให้ฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนที่ชอบท่องเที่ยวต่างแดนด้วย งานนี้ yimyim เลยไม่พลาดไปเอาเรื่องราวของเขามาให้อ่านกันแล้วจ้า
ทักทายแฟนๆสักหน่อย?
“สวัสดีครับ ผมกลม นพพล พิทักษ์โล่พานิช ก็เคยเป็นนักแสดงของทางช่อง 7สีนะครับ คือว่าตอนนี้ก็มาพักด้วยการไปเที่ยว แล้วก็ทำอะไรเล็กๆน้อยๆไป ก็คิดถึงวงการบันเทิง แต่จริงๆต้นปีพึ่งมีละครไปนะ แต่ว่าผลงานช่วงนี้ก็คือจะลดน้อยลงมากๆ เพราะว่าเราเดินทางทุกเดือนไง แล้วละครก็จะด่าเราถ้าเราได้ว่าเออพี่ผมถ่ายละครได้เดือนละไม่กี่วันเอง คงมีปัญหาแน่(ยิ้ม)”
อาจจะมีละครผลงานบ้างประปราย แต่ว่าอาจจะรอเป็นงานที่มีระยะเวลาสั้นๆใช่ไหม?
“ครับ ก็จะมีรับเชิญด้วย ละครที่เป็นตอนสั้นๆ คือถ้าเป็นละครที่เล่นทั้งเรื่องอาจจะลำบาก เพราะว่าตารางการเดินทางเรามันเยอะครับเลยขอเป็นแบบนี้ก่อนครับ”
ล่าสุดจากอินสตราแกรมหรือโซเชียลของพี่กลม มีการไปต่างประเทศเยอะมากๆเลย จริงๆพี่กลมเป็นคนชอบเที่ยวท่องเที่ยวอยู่แล้วใช่ไหม?
“เอาจริงๆหลักๆนะ คือภรรยาผมเป็นคนชอบเที่ยว ผมก็ชอบเที่ยวด้วยเหมือนกัน แต่ผมเป็นชอบเที่ยวซ้ำๆ ผมก็จะไปแต่ญี่ปุ่นใช่ไหม ผมชอบประเทศญี่ปุ่น ชอบจีน ชอบญี่ปุ่นอะไรอย่างนี้ พยายามไปที่อื่นบ้างแล้วพอผมที่ชอบมากๆเลยก็จะเป็นดำน้ำ ผจญภัยขึ้นเขา เดินขึ้นเขา ด้วยความที่มันก็ต้องหลากหลาย”
แต่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เนเธอร์แลนด์ที่เจอโจรขโมยของไป เป็นอย่างไร?
“ที่ผมลงคลิปในไอจีเป็นสถานีรถไฟครับ สิ่งที่เกิดขึ้นปกติเราไม่ค่อยเดินทางรถไฟกันนะ ส่วนใหญ่จะเช่ารถขับแล้วของทุกอย่างมันอยู่ในรถหมด แต่รอบนี้คือเราต้องการประหยัดเวลาไง เพราะว่ารถไฟเป็นอะไรที่เราต้องข้ามเมืองแล้วเร็วสุด เขาก็เลยงั้นไปรถไฟลองดู เราก็ไม่ได้ไปซื้อรถไฟที่มันคนเยอะๆนะ เราก็ซื้อทีมันกะเลือกแล้วว่าเราเลือกเฟิร์สคลาสแล้วนะ ที่ห้องที่มันไม่ค่อยมีคน ที่นั่งมันจะดีหน่อย คิดว่าจะปลอดภัย แต่ปรากฏว่ายิ่งไม่ใช่เลย ยิ่งเป็นเป้าเข้าไปใหญ่เลย แล้วก็คือตอนที่เราขนของขึ้นไป คือเราเป็นคนเดินทาง ฤดูที่มันเปลี่ยนแปลงน่ะ คือเนเธอร์แลนด์คือมันจะต้องเป็นสปริง หมายความว่าเป็นฤดูกาลที่อากาศมันไม่หนาวมาก แต่ว่าโลกเราโลกมันเดือดใช่มั้ย โลกร้อนเนี่ยมันทำให้อากาศอยู่ดีๆ ณ วันที่เราเดินทางครับ อากาศมันลดลงเป็น10องศาเลย คือเหลือเลขตัวเดียวอะไรอย่างนี้เราก็เลยเพิ่มกระเป๋าเข้าไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจแล้วเราก็รีบๆ เราก็เลยมีกระเป๋าเพิ่มขึ้นมาอีกใบ การเดินทางของเรามันเลยพะรุงพะรังกระเป๋าเยอะไง ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างงั้น คือมันมีเหตุการณ์หลายๆอย่างที่มันบีบๆให้เรามาเจอสถานการณ์โดนฉกทรัพย์เนี่ย”
ส่วนตัวมีกระเป๋าเยอะขึ้น มันทำให้เราต้องไปรถไฟฟ้าเหรอ?
“คือมันเป็นรถไฟข้ามเมืองครับ ก็คือเป็นรถของเยอรมัน แต่ว่าวิ่งเข้าไปรับคนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อที่ข้ามประเทศกลับมาที่ประเทศเยอรมัน แล้วเราก็ลากกระเป๋ามาขึ้นรถ ผมว่าการลากกระเป๋าเนี่ยแหละมันน่าจะเป็น target โจรว่ามันคงเห็นแล้วคงตามเลยแหละ แต่โจรมันไม่ได้บอกหรอกว่ามันเป็นโจร หน้าตามันคือเหมือนโดยสารปกติทั่วไปแล้วเราขึ้นเฟิร์สคลาส อย่างนี้ครับ ผู้โดยสารก็จะแต่งตัวดี มันจะเป็นคนที่ระดับเหมือนๆกัน กระเป๋าแบรนด์เนม เราดูแล้วเราจะไม่รู้สึกแปลกแตกต่าง โจรขึ้นมาวันนี้เราคิดว่าถ้าโดยประสบการณ์ทั่วไปนะ ถ้าเป็นโจรเนี่ยเรารู้ว่าเนี่ยมาแบบมิจฉาชีพ มันแบบไม่โอเค เช่น ยกตัวอย่าง เวลาไปเที่ยวแล้วผมยืนอยู่ มันจะมีพวกมิจฉาชีพที่มายุ่งวุ่นวาย ของรอบๆตัวผม แล้วมันจะมาถามนั่นถามนี่อะไรอย่างงนี้ คนพวกนี้ผมจะรู้ว่าโจร มิจฉาชีพ แต่บนรถไฟเนี่ยมันไม่เป็นอย่างงั้น เดินขึ้นมาแล้วก็เป็นหน้าเหนียมๆ แบบหน้าตาเรียบร้อย จำได้เลย คือถ้าตอนนี้ถ้าตำรวจบอกไปชี้ตัว มายืนเรียงตัวเนี่ยมาชี้เนี่ย 3-4 คน เราชี้ได้หมดเลยใครเดินขึ้นมา”
เขาไม่ได้ปิดบังหน้าตาเลยใช่ไหม?
“ไม่มีไม่ใส่ หน้าเปิด หน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดดี ไอคนมีหนวดก็มีไป ไอคนหน้าเกลี้ยงก็ดูดีเลย คือตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังจัดเตรียมของ แล้วก็มันเป็นช่วงต่อสถานี มันเป็นสถานีที่มันใหญ่ๆเนอะคือข้อเสียของรถไฟมันเป็นอย่างนี้แหละ คือจะเดินขึ้นเดินลงใครจะอะไร มันไม่มีใครมาคอยตรวจตอนขึ้นลงรถไง มันไม่เหมือนเครื่องบินเนาะ มันมีบัตร มาตรวจเข้าพร้อมพลาสปอร์ต แต่รถไฟคือถ้าเข้าตั๋วแล้ว คุณซื้อตั๋วถูกๆ คุณก็สามารถเดินไปโบกี้ที่เป็นตั๋วได้ราคาทุกระดับทุกชั้น ข้อนี้ถ้าเป็นท่องเที่ยวไทยหรือว่านักท่องเที่ยวมือให้คือต้องระวังมากๆ มีของเยอะ แล้ว2.คือเผลอไม่ได้เลย ในที่ที่คนเยอะ คุณต้องเพิ่มความระวังตลอด ผมก็พลาดตรงนี้แหละ แล้วของก็วางบนหัว คืออย่างนี้ที่นั่งของวางบนศีรษะ แล้วมันสูงมาก แล้วผมวางกระเป๋าตรงนี้ผมก็นั่งตรงนี้คนแก่หัวขาวๆเนี่ย แล้วตรงพื้นผมวางกระเป่าไว้หมด3ใบที่เห็น เต็มพื้นที่ตรงนี้เลยนะ แล้วตัวมันยืนตรงไหน ตัวมันยืนห่าง แล้วกระเป๋าผมมันบังกระเป๋ากล้องตรงนี้อยู่ ผมไม่คิดว่ากระเป๋ามันไกลขนาดนี้ มันน่าจะปลอดภัยแหละ คือเพราะว่าพื้นที่มันแบบจองพื้นที่ตรงนั้นหมดเลย”
เอ๊ะใจกับคนที่เป็นโจรอยู่แล้วใช่ไหม?
“ครับ ก็เอ๊ะใจอยู่แล้ว ก็คือขึ้นมาทำไม ขึ้นมาเสือกไม่มีที่นั่ง แล้วมายืนอยู่ข้างหลัง ก็หันไปมองก็หันไปดูว่ายังไง เราก็เหมือนหันไปมองว่าสายตาเรามองว่าอย่าตุกติก มันประจันกันอย่างนี้เลย แต่ช่วงเวลาแปปเดียวเราก้มลงไปหยิบของแล้วภรรยาเรียกอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ขึ้นมาปุ๊บไปเลยกระเป๋าหายเลย แบบเสี่ยววินาทีมันเป็นอย่างงั้นจริงๆ กระเป๋าที่บนหัวเราเราก้มหยิบของมันหายไป ยังสงสัยเลย มันไม่ได้เข้ามาง่ายๆนะ เราก็แบบหันไปมันหายไปแล้ว 2-3 คนที่มันเข้ามา”
มันก็หายไปพร้อมกับของเราที่เราหันไปดูใช่ไหม?
“ใช่ กระเป๋าเราหายไปแล้วเร็วมาก แล้วเราก็แบบจะเอาไง รถไฟจะออกแล้ว กำลังจะวิ่งแล้ว แล้วเราก็พยายามจะไปหาเจ้าหน้าที่แล้วจะบอกว่ายังไง แล้วเราต้องเลือกตอนนั้นระหว่างว่า จะโดดบนรถไฟแล้วทิ้งภรรยาไว้บนรถไฟแล้วลงไปเจอชะตากรรมอะไรไม่รู้คนเดียว กับอยู่บนรถไฟไปก่อนแล้วขอความยุติธรรมขอตำรวจช่วยเอา เพราะว่าผมรู้เลยว่าการโดนเล็ง โดนตามมาเรียบร้อยแล้ว โดนหมายหัวแล้วตามมาเรียบร้อยแล้วครับ”
จริงๆระหว่างตอนที่ก้มลงไปตอนนั้น ถึง 1 นาทีไหมก่อนของจะหายไป?
“ผมว่า 3 วินาทีไม่เกินครับ คือแว๊บเดียวไปเลย ไปแล้วมันหายหมดเลยนะ ซ้าย-ขวาหายเกลี้ยงเลย แต่ข้อจำกัดของมันคือถ้ามันเร็วขนาดนั้นมันไม่สามารถลงรถคันอื่นได้แต่ว่าจะต้องลงหมายเลขที่มันขึ้นมานั่นแหละ ก็คือรถของผมมันหมายเลข 38 เพราะฉะนั้นถ้าตำรวจจะไปตาม ก็คือต้องตามเพราะรถไฟโจรมันโดดตอนรถวิ่งไม่ได้อยู่แล้ว รถมันจอดอยู่แล้วทุกสถานี มันมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว แต่คือจะให้เราไปต่อยสู้มันหรือจะไปวิ่งตามมันเหรอ ถ้าเกิดมันแทงเราแล้วเราสู้ไม่ได้ และถ้ามันรุมเราแล้วมันมาหลายคนจะทำไง”
ณ ตอนนั้นวิธีของพี่กลมคือการเดินไปหาตำรวจในรถไฟโบกี้ที่เราอยู่ใช่ไหม?
“ใช่ แต่ว่าสภาพรถไฟครับ ตอนแรกที่เรารู้สึกอุ่นใจมากๆเลย พอเราขึ้นรถไฟไปปุ๊บ ก็มีตรวจตั๋วเดินมาหาเรา มาขอดูตั๋วหน่อย โดยมันก็รู้สึกว่ามีคนเดินไปเดินมาตลอด มันก็น่าจะปลอดภัยนะ มันไม่น่าจะมีอะไรนะ แต่ที่มันรู้สึกไม่โอเคที่สุดทันก็เป็นตอนที่คนมันขึ้นมายืนเยอะๆตรงข้างหลังเราเนี่ยแหละ ที่มันประหลาดมาก”
คำนวณความเสียหายไหมว่าอะไรที่หายไปบ้าง แล้วเป็นเงินเท่าไหร่?
“ของหายเยอะครับ ก็คือกล้องกับเลนส์ครบชุดแหละครับ ที่ไปออกทริป กล้องก็แพงหลักแสนครับ แค่ตัวกล้องนะ ยังไม่รวมเลนส์นะ รวมๆก็3แสนปลายๆกับมูลค่าความเสียหายที่เราจะต้องซื้อตั๋วรถไฟใหม่ จองโรงแรมใหม่ เพราะว่าก็เข้าใจเนาะคือถ้าเราเปลี่ยนใจ เราซื้อใหม่ทั้งหมดคือ ณ วันที่ซื้อมันแพงมากๆ ราคาพีคสุดแล้ว นี่ยังไม่รวมค่าที่เราจ่ายไปเที่ยว รูปเราอะไรก็หายความทรงจำอะไรไม่เหลือเลย ไม่รวมตรงนั้นนะ”
อย่างพลาสปอร์ตหายด้วยใช่ไหม?
“ใช่ครับ พลาสปอร์ตคือผมเอาสอดไว้ในกระเป๋ากล้องนั่นแหละ เพราะว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนที่กระเป๋ากล้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา คือต่อให้นั่งกินข้าวอย่างนี้มันก็ต้องพันแข้งพันขาอยู่ตลอดเวลา ไม่มีนะเอาไปพาดห้อยไว้กับเกาอี้ ผมไม่เคยทำแบบนั้น แต่มีช็อตนี้แหละอย่างที่ว่าผมวางของไว้สูงมาก ผมยังคิดเลยว่าโจรล้วงอะเอาไม้มาสอยรึเปล่า(ยิ้ม) ผมไม่รู้เลยว่ามันเอาไปยังไง แต่คือโจรที่มายืนข้างหลังก็ดูไม่ได้สูง คือคนที่อยู่ใกล้ผมที่สุดมันไม่สูง”
เคยไปเนเธอร์แลนด์มาก่อนไหม หรือเป็นครั้งแรกที่ไปที่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้?
“จริงๆนี่เป็นครั้งแรกและเนเธอร์แลนด์หรือฮอลล์แลนด์เนี่ยเป็นประเทศในฝันของผมเลยนะ เพราะว่าตั้งแต่เด็กเท่าที่ผมจำความได้ ทีมเวิล์ดคัพทีมแรกที่ผมเชียร์คือทีมฮอลล์แลนด์ เออแล้วแบบตั้งแต่เด็กแล้วที่ผมอยากมาเป็นเมืองแห่งน้ำเป็นดอกทิวลิป สวยมาก เราชอบเราอยากไป แต่มันไม่มีโอกาสมาสักที แล้วปีนี้มันลงตัวที่สุดแล้วอยู่ในช่วงเวลาที่เขาจัด ส่วนดอกไม้อะไรอย่างนี้ประจวบเหมาะต้องมาดู แล้วก็มาเจอแบบนี้คือแบบเซ็งมาก”
เคยเจอโจรหรือของหายที่ทริปไหนอีกไหม?
“เจอบ่อยแต่เราก็ไหวตัวทันตลอด คือผมเป็นคนมีอุปกรณ์กล้องเยอะ ผมเลยเห็นเลยว่าคนมันจะจ้องเรา แล้วมันก็จะมีคนเดินมาประกบแล้วเราจะจำหน้ามันได้ แล้วมาเที่ยวนึงไอนี่มาอีกละ แล้วมันก็จะมามองๆเรา เรารู้แล้วว่ามันมองหาความเผลอของเราพวกนี้มันตามมันแสกนเราคือสมมติว่าเราเปลี่ยนเลนส์ใช่มั้ย เรากำลังเปลี่ยนเลนส์แล้วเผลอเอาเลนส์วางไว้ หรือเข้ามาชาร์จถามนู่นถามนี่ให้เราเผลอ อีกคนก็มาหยิบเอาไปเลย อารมณ์จะเป็นอย่างนี้จากประสบการณ์ที่เราไปเที่ยว คือที่ที่สวยที่ที่คนเยอะๆเราจะโดนแบบนี้ แต่ถ้าเราไปที่ที่เงียบๆสงบๆมันไม่มีไรหรอก แต่จริงๆฝั่งยุโรปประเทศฝั่งยุโรป มันเป็นประเทศที่จรรโลงใจนะครับ มันมีศีลธรรม มันมีความสวยงาม คือมันยังมีความประทับใจของเราอยู่ คือไปเที่ยวกี่ครั้งมันก็ไม่เบื่อ”
หลังจากกลับมาแล้ว เราทำยังไงต่อไป ได้ประสานกับตำรวจไหม?
“ท่อนนี้วุ่นวายมาก หลังจากของหายปุ๊บเราต้องไปหาเจ้าหน้าที่บนรถ train conductor เขาจะเป็นคนออกตั๋วใหม่ให้กับเรา คือเราต้องไปเจรจากับเขาเองนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆเขาจะมาออกให้เรานะ ต้องคิดได้นะเราจะไปลงสถานีปลายทางเหมือนเดิมหรือเราจะเปลี่ยนใจกลับไปตามโจร เพราะว่าถ้าเราเปลี่ยนใจกลับไปตามโจรเราจะออกประตูเก่าไม่ได้แล้วนะ เราก็คุยกับ train conductor คุณช่วยเราหน่อยเถอะ ว่าแบบออกตั๋วที่มันจะเป็นตั๋วพิเศษ ว่าเรากลับย้อนสถานีกลับไปแล้วเราก็สามารถออกได้ แล้วเขาต้องรายงานเจ้าหน้าที่คนอื่นนะ เพราะว่าอยู่ดีๆเราไปโดดขึ้นรถไฟอีกคันที่ไม่ใช่รถไฟที่เราซื้อมาเป็นรถไฟขากลับ เขาก็จะบอกเพื่อนเขาที่เป็น train conductor ของอีกคันนึง ถ้ามีผู้โดยสาร2คนนี้ ถือใบอนุญาตพิเศษ อนุญาตให้เขานั่งกลับไปนะ ตามที่เขาจะไปตามโจร”
“ผมตัดสินใจกันกลับไปตามโจร แล้วก็มีระหว่างทางเขาจะโทรหาตรวจ สถานีปลายทางให้เรา แต่ปรากฏว่าเวลาเรานั่งรถไปข้ามประเทศครับ มันจะมีข้อจำกัดคือสัญญาณโทรศัพท์มันจะหายมันจะแย่แตกมาก เป็นข้อเสียที่ทำให้เราช้ามากๆในการตาม อย่างการตามไป ผมต้องไปลงพรมแดนของเยอรมันนีก่อน เพราะว่ารถไฟเป็นรถไฟเยอรมันนี ผมต้องแจ้งความที่เยอรมันนีก่อน ไปแจ้งความอีกเสียเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ แล้วพอบอกกับตำรวจเยอรมันนีเสร็จช่วยผมดีมากเลยนะ เขาแบบบอกซีเรียลนัมเบอร์ของของที่หายอะไรเขาก็จะเข้าระบบกลางเผื่อมีมาขายอะไร จะได้จับคนร้ายตามคนร้ายได้ด้วย แต่สิ่งที่ทำไม่ได้คือโจรเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วของที่ทั้งหมดมันวิ่งกลับไปที่เนเธอร์แลนด์ เพราะฉะนั้นนั่งรถไฟกลับไป แต่ผมตอนนั้นไม่รู้ว่าจะย้อนกลับไปถึงไหน tracking กลับไปที่กรุงเฮก ที่ตั้งของศาลโลก แล้วผมก็แคปเจอร์ตลอดว่าโจรมันไปยืนอยู่ตรงไหน มันก็เดินทางด้วยรถไฟ รถไฟมันก็มี2ระบบ ข้ามเมืองก็คือเป็นรถไฟหลักเนาะ รถไฟในเมืองมันก็เป็นรถไฟวิ่งอยู่บนรางอยู่บนถนน คือโจรมันขึ้นลงแบบเห็นอ่ะ คิดเองนะ เราไม่ได้รู้มาจากใคร เราคิดเองว่าข้อมูลเยอะ ตำรวจเขาอาจจะจับโจรอาจจะตามได้ นี่คือคิดเอง ก็เลยตัดสินกับภรรยา2คนว่าเรากลับนะ เราต้องเสียเงินเพิ่มนะ โรงแรมทิ้งหมดนะ ต้องจองใหม่จ่ายตังหมดนะ รถไฟจ่ายตังใหม่หมดนะ เอาไหม ก็ตกลงว่าเอาไปไปสู้กัน ไปเจอหน้าโจรอะไรอย่างนี้”
พี่กลมได้กลับก่อนกำหนดไหมหรืออยู่พอดีวันที่จองทริปไว้?
“คือวันนั้นเป็นวันเดินทางกลับ โดนขโมยวันเดินทางกลับ คือมันมีความสุ่มเสี่ยงมากวันนั้นที่จะตกเครื่องบิน คือถ้าทำทุกอย่างไม่ทัน และตามกลับมาไม่ทัน ก็คือโดนเครื่องบินอีกนะ”
ถ้าสมมติให้เลือกอีกครั้งนึง ยังอยากเป็นเนเธอร์แลนด์ไหม?
“(ยิ้ม)อยาก เป็นประเทศที่สวยงามนะ คือมุมอย่างที่อื่น มีนวัตกรรม ก็เป็นเมืองน้ำไง เมืองแห่งน้ำ เราไปเรียนรู้อะไรต่างๆเยอะแยะมากมาย เขาก็ยังมีสิ่งที่พัฒนาควรค่าแก่การเรียนรู้ของเราอยู่ จริงๆผมว่าที่นั่นเป็นเมืองที่สวยมากเลยนะ แต่ผมก็เก็บความทรงจำไว้นิดเดียว แต่ว่าเมืองหลวงผมเป็นคนเที่ยวน้อยมาก เพราะว่าเนี่ยแหละปัญหาโจรเนี่ยแหละเยอะ ไม่ค่อยไป ส่วนใหญ่จะไปตามนอกเมือง ก็มีความสุข จะหลีกเลี่ยงการเที่ยวเยอะอยู่แล้ว โดยนิสัยนะ แต่รอบนี้มันผิดแผนหลายอย่างจนนำเรามาสู่ การถูกโจรกรรมแบบนี้ ก็เจ็บใจเหมือนกัน เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาถึงขั้นนี้”
ฝากถึงคนที่ชอบเดินทางให้ระวังตัวหน่อย?
“คนที่ชอบเที่ยวต่างประเทศใช่ไหมครับจริงๆมันห้ามกันไม่ได้เนาะ แล้วก็มันมีอะไรดีๆรอเราอยู่อีกเยอะ ที่มันเกินความคาดหมายเรา แต่อย่าเอาเรื่องของโจรเนี่ยมาเป็นประเด็นว่าไม่น่าไป มันไม่ดี มันไม่ได้ขนาดนั้น แต่เราไปเราต้องมีสติ ของต้องอยู่กับเราเห็นให้หมด ชัดเจน แล้วของอะไรที่เราแบบไม่เป็นไรน่ะ เมื่อไหร่ที่เราคิดไปว่าไม่เป็นไรเนี่ย ให้คิดว่าเป็น แล้วเราเอาของยัดๆ อย่าสบาย บางทีไปนั่งแล้วเรารู้สึกอยากสบาย อย่าคิดอย่างงั้น คือทุกที่ที่เราไปเที่ยวยุโรปให้มันพะรุงพะรังของติดตัวกอดเอาไว้ช่างมันเถอะ คนมันจะว่าเราบ้า เรางกอะไรอย่าไปสนใจ กอดของเอาไว้อย่างนี้ เที่ยวได้มีความสุขได้ของมันจะเยอะแค่เราเดินทางเท่านั้นแหละครับ ตอนที่เราไปเดินเล่น มันไม่มีของเยอะหรอก มีอย่างมากก็กล้องตัวเดียว อันนี้ผมพลาดเพราะว่าเดินทางข้ามประเทศ แต่ถ้าเราเดินทางแบบนักท่องเที่ยวทั่วไป ระวังปกติมันยากมากที่โจรจะมาเอาของ แต่ยังไงก็อยากฝากให้ทุกคนที่ไปเที่ยวที่ไหนก็ตามระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอนะครับ”
ขอบคุณกำลังใจจากแฟนๆสักหน่อยส่งมาหาเสมอตั้งแต่ทราบเรื่องโจรขโมยของในครั้งนี้?
“ขอขอบคุณที่ทุกคนเข้ามาแนะนำหรือบางคนที่เข้ามาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากหรือช่วยเหลือเว็บไซต์ ไปแจ้งที่ไหนรวมถึงคนที่ส่งกำลังใจ หลายๆคนให้กำลังใจดีมาก เพื่อนๆนักแสดง ทั้ง นุ่น-วรนุช,ซี-ศิวัฒน์ หลายๆคนหลายท่านก็ขอขอบคุณมากๆ แล้วก็มีพี่ๆดาราอาวุโสหลายๆท่าน แม่หมู-พิมพ์ผกา ขอบคุณทุกๆคน อ๋อที่สำคัญต้องขอขอบคุณสถานกงสุลที่เนเธอร์แลนด์ ณ กรุงเฮก ก็คือมีพี่อ๊อฟและก็น้องต้า คือช่วยเปิดระบบและทำพลาสปอร์ตฉุกเฉินให้ คืออธิบายให้นิดนึงว่าพลาสปอร์ตฉุกเฉินและพลาสอร์ตธรรมดาเนี่ยมันใช้คนละระบบกัน เซตอัพคอมพิวเตอร์มันคนละชุดกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากไปออกพลาสอร์ตฉุกเฉินอย่าไปช่วงสายนะครับ เพราะไปช่วงสายเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบให้คุณได้ ทางที่ดีไม่ต้องไปเวลาเปิด ไปก่อนนิดนึง เผื่อสามารถแก้เร็วจะได้เร็ว คือผมได้พลาสปอร์ตในระยะเวลาในเวลาไม่เกิน20นาทีนะ และสถานกงสุลไทยทั่วโลกเลยนะตอนนี้มีเบอร์ฮอตไลน์ โหลดแอพโทรได้เป้นอินเตอร์เน็ต ไวไฟ สามารถโทรได้ตลอด24ชม. โทรฟรีด้วยนะ แต่ว่าต้องมีอินเตอร์เน็ตมีไวไฟนะครับ”
ก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ของพี่กลมจริงๆ แต่อย่างที่บอกแหละจ้า เดินทางไปไหนก็ตามไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ก็ต้องระวังตัวเองอยู่ดี อย่าพลาด ไม่อย่างนั้นเราอาจจะตกเป็นเป้าของโจรก็ได้ ดูแลตัวเองด้วยนะคะทุกคน
————————————–
คอลัมน์ 1 Day With ซุปตาร์
โดย yimyim