@การเมืองไทยการ”ปรับครม.ทุกครั้งไม่ว่าจะ”ปรับเล็ก” หรือ”ปรับใหญ่” ต้องมีการ”กระเพื่อม”เกิดขึ้นทุกครั้ง แทนที่การ”ปรับครม.” จะทำให้” รัฐบาล” มีความ”แข็งแกร่ง” กลายเป็น”อ่อนแอ” และ”แตกแยก” ไม่ได้ส่งผลให้”ประเทศชาติ” และ”ประชาชน”ได้ประโยชน์ กับการ”ปรับครม.ครั้งนี้ นอกจากเป็นเรื่อง”สมบัติผลัดกันชม” ในการ”สับเปลี่ยน” ตำแหน่ง”เสนาบดี” กระทรวงต่างๆ แล้ว ก็ยังเป็นความ”ปริร้าว”ในพรรคเพื่อไทย ที่สร้างความ”อ่อนแอ” ให้กับ”รัฐบาล”และมีการมองว่า”นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน” เป็นเพียง”นายกรัฐมนตรี” ตาม”รัฐธรรมนูญ”ที่นอกจากไม่มี”อำนาจ” ในการ บริหารบ้านเมือง แล้ว ยังไม่มีความ”สันทัด” ในเรื่องของ”การเมือง” เป็นได้เพียง ”ซีอีโอ” ทางเศรษฐกิจ ที่เป็น”อาณาจักร” ของตนเอง ที่ไม่ใช่”ประเทศไทย…..การ”ลาออก”ของ”ปานปรีย์ มหิทธานุกร” เสนาบดี กระทรวงต่างประเทศ หลังการ”ปรับ ครม. โดยถูก”ยึดตำแหน่ง”รองนายกรัฐมนตรี” ให้กับ” นักการเมือง”สายของ”นายใหญ่” เพื่อการ”เถลิงประโยชน์” ที่เห็นชัดคือการ”ประเคน” ตำแหน่ง”รองนายกรัฐมนตรี” ให้กับ”สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เสนาบดี กระทรวงคมนาคม ที่ต้องถามว่า ระหว่าง” รัฐมนตรีต่างประเทศ” กับ “รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ท่านคิดว่า “เสนาบดี” ท่านไหน ที่มีความ”สำคัญ” และมีความ”จำเป็น” ในการ”บริหารประเทศ” โดยต้องมีตำแหน่ง”รองนายกรัฐมนตรี” มากกว่า ตรงนี้”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ก็”สอบตก” ทางการเมืองแล้ว ยิ่งในขณะที่”ประเทศไทย” มีปัญหาเรื่อง”ความมั่นคง”จาก”ศึกสงคราม” ระหว่าง”กลุ่มชาติพันธุ์” กับ”รัฐบาลเมียนมา” ที่ประชิดติดชายแดน ด้าน จ.ตาก และยังมีปัญหา”เศรษฐกิจ”ระหว่างประเทศ ที่ต้องอาศัย” เสนาบดี”กระทรวงต่างประเทศที่มี”ฝีมือ” ซึ่งที่ผ่านมา” ปานปรีย์ มหิทธานุกร” อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศทำได้ดี ดังนั้นการ”เปลี่ยนม้ากลางศึก” เปลี่ยน”เสนาบดี”กระทรวงต่างประเทศครั้งนี้ ถ้าเป็น”ความคิด” ที่มาจาก”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” คือความ”ผิดพลาด”อย่าง”มหันต์” แต่ถ้าเป็นความคิดและความ”ต้องการ” จาก”ผู้ที่”อำนาจ” นอก”รัฐบาล” อาจจะเป็นเรื่องของการ”กำจัดศัตรูหัวใจ” หรือไม่พอใจที่ไม่ทำตามในบางเรื่องที่อาจจะ”ผิดกฎหมาย” ใช่หรือไม่ …..
@ที่นี่ บอกหลายครั้ง ว่า” นายยกนิด” เศรษฐา ทวีสิน” ไม่มีความ”สันทัด” ในเรื่องของปัญหา”ความมั่นคง” เพราะนอกจากไม่”เข้าใจ” เรื่อง”บทบาท”ของ”กระทรวงต่างประเทศ”ที่เกี่ยวกับ”ความมั่นคง” แล้ว ยังไม่”เข้าใจ” บทบาทของ”กระทรวงกลาโหม” ที่เกี่ยวกับ”ความมั่นคง” เช่นกัน เพราะการ”ปรับ ครม.” ครั้งนี้ ไม่มีการ”แต่งตั้ง” รมช.กลาโหม” มาทำหน้าที่ ในการเป็น”รัฐมนตรีช่วย” เพื่อช่วย”สุทิน คลังแสง” เสนาบดี”กลาโหม ที่เป็น”นักการเมืองน้ำดี” เป็น”เสนาบดี” ที่”กองทัพ” พอใจ แต่เป็น”เสนาบดี” ที่ไม่”สันทัด”เรื่องของความมั่นคง เช่นเดียวกับ”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องมี”ตัวช่วย” ที่เป็น” รมช.” ที่ มาจาก”นักการเมือง” หรือ”ทหาร” ก็ได้ แต่ต้องเป็นผู้ที่”สันทัดกรณี” และ”เข้าใจ”ปัญหาของ”ความมั่นคง” ที่เกิดขึ้น”รอบด้าน” ของประเทศ ทั้งเรื่องของ”ศึกสงคราม” เรื่องของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” เรื่องของการ”ทะลักทลาย” เข้ามาของ”ยาเสพติด”และ”สินค้าเถื่อน” จากประเทศ”เพื่อนบ้าน” ทั้งหมดคือเรื่อง”ความมั่นคง” ที่สำคัญของประเทศ “ความมั่นคง”ไม่ใช่เรื่องของการ”ผลักดัน”โครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต”ให้”ลุ่ล่วง” เพียงอย่างเดียว และ”ฟันธง” ตรงนี้ว่า บุคคลที่ได้รับเลือกให้เป็น” เสนาบดี”กระทรวงต่างประเทศแทน”ปานปรีย์ มหิทธานุกร” คือคนที่เป็นคนของ”นายใหญ่” และการเป็น”เสนาบดี”กระทรวงต่างประเทศ ที่ไม่ได้มีตำแหน่ง”รองนายกรัฐมนตรี” จะทำให้บุคคลที่เข้ารับตำแหน่ง แม้จะเป็นคนที่มี”ฝีมือ” แต่จะมี”อุปสรรค” ในการ”ขับเคลื่อน”งานใน”เวทีต่างประเทศ”แน่นอน ……
@และที่ต้อง”จับตามอง” คือที่”ทำเนียบรัฐบาล” ที่หลายคน”ฉงนสนเท่ห์” ว่า ที่นั่นมี”ภารกิจ” อะไรมากมายที่ต้องมี”รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ถึง 3 คนด้วยกัน ทั้ง “พิชิต ชื่อบาน “ มือ”กฎหมาย” ที่”นายใหญ่”ไว้วางใจ ทั้ง จักรพงษ์ แสงมณี ที่โยกย้าย” มาจาก” รมช.ต่างประเทศ” ที่เป็นคน”ใกล้ตัว”ของ”เสี่ยนิด”และ”สส.น้ำ”จิราพร สินธุไพร สส.”ฝีปากเฉียบ” และ”เอฟซี” เพียบ มาเป็น” รัฐมนตรีสำนักนายก” ระวังจะกลายเป็น”สุสานรัฐมนตรี” และอาจจะต้อง”แย่งงาน”กันทำ สนุกเขาละ…..ส่วนการ”สับเปลี่ยน” กระทรวงระหว่าง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ว่าการ”กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา” ไปเป็น”เสนาบดี”กระทรวงวัฒนธรรม” โดยให้” เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” เสนาบดี”กระทรวง”วัฒนธรรม” มาเป็น เสนาบดีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก็เชื่อว่า”ปรับเปลี่ยน” แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่”หวือหวา” ที่สามารถจะเห็นภาพของ”หน้ามือ หลังมือ” เพราะทั้งสองคนต่างเป็น”เสนาบดี” ที่ไม่”สันทัด” ในกระทรวงที่เข้าไป”รับผิดชอบ” เพียงแต่”เสริมศักดิ์” มี”ความเก๋า” มีประสบการณ์ในการ”กำราบ” ข้าราชการใน”กระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้ดีกว่า” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ที่เป็น”นักการเมืองหญิง” ที่ยัง”ละอ่อน” ในเรื่องของ”การเมือง” เที่ยวนี้จึงอาศัยบารดีของ”กำนันป้อ” ผู้เป็นบิดา ไม่ให้”หลุด” จากตำแหน่ง “เสนาดี” แต่ก็ถูก”ลดเกรด” ให้ไปดูแลกระทรวงที่เล็กๆอย่าง”กระทรวงวัฒนธรรม”แทน……
@ที่ต้องติดตามอีกเรื่องที่สำคัญคือ” นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน” จะแต่งตั้ง”รองนายกคนไหน” มาทำหน้าที่กำกับดูแล “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ทั้ง “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” (ศอ.บต.) และ” กอง อำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ( กอ.รมน.”ภาค 4 ส่วนหน้า )ซึ่งก่อนหน้านี้คือ”สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่”ปรับ ครม.”ครั้งนี้ไป”ไปได้ดิบได้ดี” เป็น”เสนาบดี”กระทรวงสาธารณสุข” แทน” นพ.ชลนาน ศรีแก้ว” ผู้ที่”ชอกช้ำระกำทรวง” ที่สุด ของการ”ปรับครม.ครั้งนี้ เพราะดูรายชื่อ”รองนายกรัฐมนตรี” แต่ละท่านแล้ว ขอโทษ ที่จะบอกว่า ไม่ใคร”เข้าใจ” ใน”บริบท”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้แม้แต่ท่านเดียว ทั้งเรื่องของ”ไฟใต้” ทั้งเรื่องของการ”พัฒนา” จะถูก”ทอดทิ้ง” ด้วยเหตุผลที่ว่า” ภาคใต้” ไม่มี”สส.ของ”เพื่อไทย” อย่างนั้นหรือ…..ก็สรุป สั้นๆ ทั้งจากมองเห็นถึง”ความเป็นมาและเป็นไป” ในการ”ปรับ ครม.ครั้งนี้ และฟังจาก”วงเสวนา” ของประชาชนใน”สภากาแฟ” ที่ต่าง”เห็นพ้องต้องกันว่าการ”ปรับครม. ครั้งนี้ มีตำแหน่งเดียวที่”ถูกต้อง” และเป็น”ความหวัง” ของ”ประชาชน “เพียงตำแหน่งเดียว นั้นคือการเอาตำแหน่ง”เสนาบดีการทรวงการคลัง” ออกจาก”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ไปให้กับ “พิชัย ชุณหวชิร” เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็อย่าได้”คาดหวัง” ให้มาก เพราะการบริหาร”การเงิน –การคลัง” ที่เป็นงานของ”ภาครัฐ” กับงานการบริหาร”ตลาดหลักทรัพย์” ที่เป็นเรื่อง”เอกชน” มีความ”แตกต่าง” และ”ไม่ง่าย” เพราะเกี่ยวข้องกับ”หลายภาคส่วน” เดี๋ยวก็จะเป็น”อีหรอบเดิม” ที่เกิดกับ”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่ ประสบความสำเร็จในการบริหาร”อาณาจักรแสนศิริกรุ๊ฟ” และมา”ตกม้าตาย” ในการ”บริหารเศรษฐกิจของประเทศ” แค่ 7 เดือน ก็ต้อง”ปรับ ครม.” เพราะไม่มี”ผลงาน” ที่”เป็นชิ้นเป็นอัน” ให้ประชาชนมองเห็นอย่างเป็น”รูปธรรม”…..
@ก็เข้าใจแหละ ว่าการส่ง”รัฐมนตรี” ทั้ง”หน้าใหม่” อย่าง”พิชัย ชุณหวชิร และ”เผ่าภูมิ โรจนสกุล” และ”รัฐมนตีหน้าเก่า” ที่นั่งเป็น รชม.คลังอยู่ก่อนแล้วที่เป็นคนจาก”เพื่อไทย” เพื่อต้องการที่จะ”ผลักดัน” โครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ให้”ทะลุทะลวง” ด่านหินทุกด่านที่เป็น”ขวากหนาม” เพื่อให้”ประชาชน”ได้รับ”แจกเงิน” คนละ 10,000 เพื่อเป็นการสร้าง”คะแนนนิยม” ให้กับ”เพื่อไทย ”และเป็นการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” แบบ”สืนามิ” โดยผ่านการ”ใช้จ่าย” ของประชาชน ในการ”ซื้อสินค้า” เพื่อให้เกิดการ”หมุนเวียน” ใน”ภาคการผลิต” การ”จำหน่าย” โดย เน้นการ”ใช้จ่าย” ใน”อำเภอ ”ของผู้ที่ได้”รับแจกเงิน” แต่ก็อย่าคิดว่าจะ ”สมหวัง” ตามที่ต้องการ ตาม”ทฤษฎี” ที่ว่า เงิน “10,000” จะมีการหมุนใน”ตะกร้าเงิน 4 รอบ” เพื่อสร้าง”มูลค่าเพิ่ม” เพราะ สังคม”คนไทยส่วนใหญ่” เป็น”ศรีธนนชัย” ที่ สามารถ”เล่นแร่แปรธาตุ” ด้วยการใช้เงิน 10,000 ซื้อสินค้า เช่น “ข้าวสาร,ปุ๋ยเคมี” แล้ว”ขายคืน” ให้กับ”ร้านค้าในราคาถูก”เช่นซื้อ 1,000 บาท ขาย 800 บาท เพื่อที่จะได้”เงินสด” มาใช้จ่ายอย่างอื่นๆ เรื่องอย่างนี้”นักทฤษฎี” ที่นั่งอยู่บน”หอคอยงาช้าง” รู้ไม่เท่านั้นวิธีคิดของ”ชาวบ้าน” เชื่อเถอะ เรื่องนี้เกิดแน่นอนกับเงิน”ดิจิตัลวอลเล็ต” คนที่เป็น”นักการเมือง” ในต่างจังหวัดรู้ดี เพียงแต่”ไม่พูด” …..แต่ เอาเถอะ ถ้าคิดใน”ส่วนดี” สำหรับ”ประชาชน” จากการได้รับ”เงินแจก” คนละ 10,000 บาท ได้มาแล้ว จะ”ซื้อของ” หรือจะทำให้เป็น”เงินสด” แบบ”ศรีธนนชัย” ก็ตามแต่ แต่ส่วนดีคือ ทุกครั้งที่”รัฐบาล”ไม่ว่าจะเป็น”อดีตหรือ”ปัจจุบัน” ที่ไป”กู้เงิน”มา และเงินที่”กู้มา” ก็ไม่เคยถึงมือ”ประชาชน” แต่มีการ”ใช้จ่าย” ใน”กระทรวงทบวงกรมของรัฐ”โดย”ประชาชน”มีส่วนในการ”แบกหนี้” เท่านั้น แต่การกู้เงิน 500,000 ล้านบาท ครั้งนี้ ประชาชนมีส่วนได้รับเงินที่กู้มาคนละ 10,000 บาท ก็เป็นธรรมอยู่นะ เพราะการกู้ที่ผ่านมาประชาชน”เป็นหนี้” แต่ไม่มีส่วนได้”ใช้เงิน” แต่ครั้งนี้ประชาชน”เป็นหนี้” แต่มีส่วนที่ได้”ใช้เงิน” ที่”รัฐบาล” ไปกู้มา…..
@เรื่องของ”ไฟใต้” วันที่”รัฐบาล” ทั้ง”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ”สุทิน คลังแสง” เสนาบดี”กระทรวงกลาโหม ไม่เห็นความ”สำคัญ” เรื่องของ”ไฟใต้” ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของ” สถานการณ์”ความ”รุนแรง” ที่ “บีอาร์เอ็น” โจมตี “เจ้าหน้าที่” ทั้ง เจ็บ ทั้ง”ตาย” ที่ล่าสุด “กองกำลังติดอาวุธ”มีการ”ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก” จากฝั่ง”มาเลเซีย” เข้ามา”โจมตี” เจ้าหน้าที่ตำรวจ”นปพ.” ที่ ต.ปาเสมัส “ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส” โชคดีที่ไม่มีใครถึงกับ”เสียชีวิต” รวมทั้งการ”วางระเบิด”และ”วางเพลิง” โรงไฟฟ้าชีวะมวล” ทั้งใน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นการ”ทำลายเศรษฐกิจการลงทุน” ในพื้นที่ของ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งเป็นไปตาม”ยุทธศาสตร์” ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” ที่ไม่ต้องการให้มีการ”พัฒนา” ในพื้นที่ของ 3 จังหวัด 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพราะการไม่”พัฒนา” เป็นต้นเหตุของความ”ยากจน” และ”ด้อยคุณภาพชีวิต”ของคนในพื้นที่ เพื่อที่”บีอาร์เอ็น” จะได้ใช้” อิทธิพล” ในการ”ปกครอง” คนในพื้นที่ให้อยู่ภายใต้”อิทธิพล”ของ”บีอาร์เอ็น”ได้แบบอยู่หมัด…..ล่าสุดบีอาร์เอ็นมีการ”ทิ้งใบปลิว”ข่มขู่เอาชีวิตของ”อาสาสมัครทหารพราน” ในพื้นที่ อ.บันนังสตา และการ”ทิ้งใบปลิว” ข่มขู่” เอา”ชีวิต”ของ”อาสาสมัครรักษาดินแดน” ( อส.) ในพื้นที่ ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อให้เกิดความ”ปั่นป่วน” ในพื้นที่เป็นการ”ก่อกวน” ให้”กำลังพล” ญาติพี่น้อง และ”ประชาชน” หวาดกลัว และหากทั้ง” อส.ทพ. และ” อส.อ. อส.จ. กลายเป็น”เหยื่อ” ของ”อาร์เคเค” ที่เป็น”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” มากเข้า ๆ ก็อาจจะทำให้มีการ”ลาออก” หรือไม่มีใครกล้าที่จะมา”สมัคร” เป็น”กองกำลังท้องถิ่น” ในอนาคต…..
@และที่ถือว่า”บีอาร์เอ็น” มีความ”อหังการ”มาก นั้นคือ”แกนนำ” ระดับ”รองหัวหน้าขบวนการ” ส่งสารเพื่อ”ข่มขู่” ผู้นำท้องถิ่น “กำนัน ,ผู้ใหญ่บ้าน” และ”ผู้นำศาสนา” ให้ “ถอยตัวออกห่าง” เจ้าหน้าที่รัฐ และ ทิ้งคำถามว่ารู้จัก”ทหารรัฐปัตตานี”หรือไม่ เมื่อการ”ก่อการร้าย”เพื่อ”แบ่งแยกดินแดน”เดินมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้า” พล.ท.ศานติ ศกุลตนาค”แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 รวมทั้ง “พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ “ แม่ทัพน้อยที่ 4 ยังไม่มีการ”คิดใหม่ ทำใหม่” ไม่มี”ยุทธศาสตร์” ในการ” ทำลายโครงสร้าง” ที่เป็นแบบ”รัฐซ้อนรัฐ” ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ก็อย่างหวังว่าจะเห็น”ความสงบ” กลับคืนมาสู่ จังหวัดชายแดนภาคใต้…..
@อีกประเด็นที่ถูก”ขุดค้น” ขึ้นมาใหญ่เพื่อเป็นการ”สุมไฟ” อย่าให้”มอดดับ” นั้นคือการที่ฝ่าย”การเมือง” ทำการ”รื้อฟื้น” คดีการ”ตายหมู่”จากกรณีที่”บีอาร์เอ็น” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการ”วางแผน” ให้”มวลชน” ชุมนุม ล้อม สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 เพื่อให้เกิดความรุนแรง ให้ เจ้าหน้าที่”จับกุม” ประชาชน” ที่ถูก”หลอก” จาก”บีอาร์เอ็น” เข้ามา “ชุมนุม” และในการ”สลายการชุมนุม” เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 มี ประชาชน เสียชีวิต 83 ศพ และ บาดเจ็บ จำนวนหนึ่ง เรื่องนี้น่าจะจบแล้วกับการที่ทุก”ครอบครัว” ได้รับการ”เยียวยา” ทั้งเป็น”เงิน” และตามหลัก”ศาสนา” และ”มนุษย์ธรรม” และ”ศาลจังหวัดสงขลา” ก็ได้”ยกฟ้อง” ในการ”ฟ้อง” เจ้าหน้าที่รัฐ ที่รับผิดชอบในเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนั้นไปแล้ว แต่มีการให้”ชาวบ้าน” ที่ได้รับความ”สูญเสีย” มารวมตัวกันใหม่ เพื่อเป็น”โจทย์ฟ้อง” เอาผิดกับ เจ้าหน้าที่ทั้ง 9 คน ตั้งแต่ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เช่น” พล.ท. พิศาล วัฒนวงศ์คีรี “ อดีต แม่ทัพภาคที่ 4 “พล.ต.อ.มาโนช ไกรวงศ์” อดีต ผบช.ภ.9 “นายศิวะ แสงมณี” อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอีกหลายคน ซึ่ง ณ วันนี้ต่าง”เกษียณอายุราชการ”ไปแล้ว เหลือเพียง” พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน” ที่วันนี้ เป็น รอง ผกก. สภ.ตากใบ และวันนี้เป็น” รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ที่ยังรับราชการอยู่ กรณีนี้ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ให้ความเห็นว่าเป็น”สิทธิของผู้เสียหาย” ที่สามารถใช้สิทธิในการ”ฟ้องทางอาญา” ต่อผู้ที่มีหน้าที่ในการ”สลายการชุมนุม”ได้ เป็นหน้าที่ของ”ขบวนการยุติธรรม” ในการ”ไต่สวน” และ”ตัดสิน” ทุกอย่างต้องจบที่”ศาลสถิตยุติธรรม” นี้คือการ”ขุดคุ้ย” เพื่อเป็นการ”เปิดแผล” ที่กำลัง”แห้งสนิท” ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง” ความจริงคดีนี้ หลังจากการ”เยียวยา”แล้ว ต้องจบลงที่ผู้ที่รับผิดชอบในเหตุการณ์”สลายการชุมนุม”ครั้งนั้น”ขอโทษ” ผู้”สูญเสีย” และการให้”อภัย” จาก”ผู้สูญเสีย” แต่เมื่อไม่เป็นไปอย่างนั้น ก็ต้องเริ่ม”นับหนึ่งใหม่” ในคดี”อาญา” ที่เป็นความต้องการของผู้ที่”สูญเสีย” เรื่องนี้มีการพูดถึงเรื่อง”ปลายเหตุ” คือ”คนตาย” จากการ”ชุมนุม” แต่ต้นเหตุของความ”สูญเสีย” ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ที่มาจาก” บีอาร์เอ็น” ไม่มีใครกล่าวถึง และติดตามเอาตัวมา”ลงโทษ” นี่คือความ”ชาญฉลาด” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่ได้ประโยชน์กับ “สถานการณ์” ทั้งใน ตอนนั้น และใน วันนี้…..
@เหนื่อยนะ กับ สถานการณ์ ความไม่สงบของ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะกับปฏิบัติการ”วัวหายล้อมคอก” ของ” พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว “ ผบ.ฉก.นราธิวาส ที่หลัง”บีอาร์เอ็น” โจมตี ตำรวจ นปพ. ที่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก็มีการ “ปูพรม” ส่งเจ้าหน้าที่ “ตรวจเข้ม” แนวชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลก และ อื่นๆ ซึ่งเป็นการ”เปล่าประโยชน์” เพราะ”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” หลังก่อเหตุ”เปิดตูด” หลบหนีไปหมดแล้ว วิธีการที่ดีที่สุดคือการทำลายโครงสร้างของ”บีอาร์เอ็น” ในพื้นที่ หมู่บ้าน ตำบล เอาคนของ”บีอาร์เอ็น” ออกมาให้หมด ส่วน”กองทัพ” และ”รัฐบาล” ต้องจัดงบประมาณ “สร้างรั้วถาวร” กั้นชายแดนไทย-มาเลเซีย เริ่มจาก”จุดที่ล่อแหลม” ซึ่งนอกจากจะได้ผลในเรื่องป้องกัน”การก่อการร้าย”แล้ว ยังเป็นการ”ป้องกัน” ขบวนการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าของเถื่อนทุกอย่างได้อย่าง”เบ็ดเสร็จเด็ดขาด” ดีกว่าการ”จัดงบ” ซื้อ”เฮลิคอปเตอร์” และซื้อ” ยุทโธปกรณ์” จำนวนมาก เพื่อใช้ในการ”ต้าน” การ”ก่อการร้าย” ที่”นายพล”หลายคน”ทั้งที่”เกษียณอายราชการ” แล้ว แต่ยังมี”อิทธิบารมี” ใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใน “กองทัพ” และ”นายพล” ที่มีอำนาจใน”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “ และ”ใน”กองทัพ” กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมี”ข่าวลือ” เรื่องของ”เงินทอน” ก้อนใหญ่…..
@และเป็นไปตามที่”คาดการณ์” นั้นคือการ”พูดคุย” ระหว่าง”ฝ่ายเทคนิค”ที่เป็นตัวแทนของ”รัฐบาลไทย” และของ”บีอาร์เอ็น” ในเรื่องของ”แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติภาพแบบองค์รวม” ( JCPP ) ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ไม่มีอะไรคืบหน้า” บรรยากาศการ”พูดคุย” และการ”ทานข้าว” เป็นไปด้วยดี แต่ไม่มีความ”สำเร็จ” เพราะในพื้นที่ยังมี”สถานการณ์” ของ”ความรุนแรง” โดย”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” นี่กระมังที่เขาบอกว่า”คุยไปก็ไลฟ์บอย” เพราะคนที่”ไปคุย” ต่างรู้ถึง”ผลลัทธ์” ตั้งแต่ยังไม่ไปด้วยซ้ำ……
@ที่นี้ประเทศไทย” พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา” อดีต รอง ผกก.หัวหน้า สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส นายตำรวจ”มือปราบ” จับกุม”นายทุนน้ำมันเถื่อน” ครั้งที่เป็น สวส. สภ.สตูล สู้คดีกับ”นายทุนอิทธิพล” จน “ศาลฎีกา” ตัดสินให้เป็นผู้”ชนะคดี”และให้”ศุลกากรสตูล” ขายของกลางคือ” เรือเดินสมุทร 2 ลำ” รถบรรทุกน้ำมัน และ น้ำมันเถื่อนที่ทั้งหมดที่เป็น”ของกลาง” คดีนี้”ศาลฎีกา”ตัดสินเมื่อปี 2542 จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 25 ปี ปรากว่า”กรมศุลกากร” ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตาคำสั่งของ”ศาลฎีกา” เพระ”ของกลาง”ที่”นายทุน” วางเงิน”ค้ำประกัน” เพียงเล็กน้อย หายไป เรื่องนี้ “พ.ต.ท. ยงยศ เทียมประชา “ ที่ วันนี้ อายุ 90 ปี ทำหนังสือร้องของความเป็นธรรมไปที่” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งน่าจะเป็นที่พึ่ง”สุดท้าย” เพราะก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนไปยัง”ลูงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งร้องไปยัง”ผู้ตรวจการแผ่นดิน” แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ครั้งนี้จะเป็นการ”พิสูจน์”ว่าความ”ยุติธรรม” ในประเทศนี้”มีอยู่จริง” หรือไม่ ยังไงๆ ก็อย่างพึ่งตายนะลุง รอให้เห็นความ”ยุติธรรม” ก่อนนะ …..
@สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติพื้นที่ภาคใต้ ได้ “ พ.อ.สุพจน์ โพยนอก” จาก”ฝ่ายกฎหมาย” ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “โอนย้าย” มาทำหน้าที่”หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมและเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษย์ชน” ซึ่งหลังเข้ารับตำแหน่ง มีการจัด”อบรมเชิงปฏิบัติการ” ให้ความรู้แก่”กลุ่มเป้าหมาย” ทั้ง “บุคลากร” ฝ่ายการศึกษา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ และกิจกรรม ถวายความรู้ให้กับพระสงฆ์ด้านสิทธิมนุษย์ชน เพื่อเป็นหลักในการเยียวยาด้านจิตใจแก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นี่เป็น”กิจกรรม”ที่ดี ซึ่งในอดีต”กลุ่มไทยพุทธ” จะ”เข้าไม่ถึง” สำนักงานสิทธิมนุษย์ชน และ”คนไทยพุทธ” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”เข้าใจผิด” ว่า” หน่วยงานนี้เป็น”เอ็นจีโอ” เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่กลุ่ม”มุสลิม”มาร้องเรียนที่ สำนักงานสิทธิมนุษย์ชน” กล่าวหา “เจ้าหน้าที่รัฐ” เป็นหลัก ข่าวว่า มี”เอ็นจีโอ” จำนวนหนึ่ง ไม่”พึงใจ” ที่ มี”อดีตทหาร” อย่าง” พ.อ.สุพจน์ โพยนอก” มาเป็น”หัวหน้าสำนักงานภาคใต้ มีการ”ร้องเรียน”ไปยัง”ที่” โน่น นี่ นั้น” จนไปถึง”องค์กรต่างประเทศ” อย่างนี้ก็มีในประเทศนี้ด้วย เฮ้ย เวรกรรม…..
@นี่งานใหญ่ของ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็น”วิถีชีวิตของคนในพื้นที่” วันที่ 12 พฤษภาคม นี้ “วิชัย เรื่องเริงกุลฤทธิ์” นายกสมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้ จัดการแข่งขันนกเขาเสียงเพื่อการกุศล นำเงินรายได้ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนผู้ด้วยโอกาสทางการศึกษาในพื้นที่ จ.ยะลา,ปัตตานี,นราธิวาส และ สงขลา ณ สนามเจาะปาลัส ลำใหม่ ต.ลำใหม่ อ.เมือง ยะลา ชิงถ้วยเกียรติยศจาก “นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดยะลา”นายมุขตาร์ มะทา” เปิดการแข่งขันโดย “นายอำพล พงศ์สุวรรณ” ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ข่าวว่ามี”นกเขาเสียง” เข้าประกวดประชัน ครั้งใหญ่ รับรองว่า”สนามแตก” แน่นอน……
@มีผู้ถามมาว่า วันนี้”คดีของ”แป้ง นาโหนด” นักโทษชายที่หลบหนีคดีจาก”เรือนจำนครศรีธรรมราช” ไปถึงไหนแล้ว ก็ตอบตามที่รู้ว่า “แป้ง นาโหนด” ยังอยู่”สุขสบายดี” ที่”เกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง” จากการ”คุ้มครอง”ของ”กลุ่มนักการเมือง” ทั้ง”ท้องถิ่น” และ”ระดับชาติ” รวมทั้ง”ตำรวจ” ที่เคย”ช่วยเหลือเกื้อกูล” กันมา มีการ”เล็ดลอด” กลับมายัง”พัทลุง” บ้าง แต่ไม่มีการ”ปรากฏตัว” ให้ใครเห็น และข้อตกลงที่”แป้ง” ต้องทำตามผู้ให้ความ”คุ้มครอง”คือต้องไม่มี”โทรศัพท์มือถือ” เพราะจะ”ปลอดภัย” ทั้ง”แป้ง” และ”ผู้ที่”คุ้มครอง” ก็ต้องถาม “ รักษาการ ผบ.ตร.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร, พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ. 9 และ พล.ต.ต. ณฐกรณ์ กาญจนาภรณ์ ผบก.ภ.จว. พัทลุง ว่าท่านเหล่านี้ ลืมคดีของ”แป้ง นาโหนด”ไปแล้วหรือไร รวมทั้ง”ผู้ต้องหา” ที่พา”แป้ง “หลบหนี ที่มีการ”ออกหมายจับ” ก็ยัง”ลอยนวล” อยู่ในพื้นที่ พัทลุง…..
@วันนี้ สินค้าที่ขายดี ในทุกพื้นที่คือ”ถังใส่น้ำ” ขนาดใหญ่ เพราะ”ภัยแล้ง”ที่ เกิดขึ้น สร้างความ”ทุกข์ร้อน” ให้กับ” เกษตรกรชาวสวนทุเรียน ที่”ลงทุนลงแรง”ไปแล้ว และ”ต้นทุเรียน” กำลังจะตายเพราะ”ขาดน้ำ” ก็ไม่รู้ว่า”ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนาบดี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รู้เรื่องความเดือดร้อนของ”เกษตรกร” หรือไม่ เพราะไม่เห็น”เกษตรจังหวัด” และ”เกษตรอำเภอ” ออกมาติดตามความเดือดร้อนของ ชาวสวน แต่อย่างใด และถ้าในอีก 10 วัน ฝนยัง”ทิ้งช่วง” เชื่อว่า”เกษตรกร” ชาวสวนทุเรียนคงจะ”ย่อยยับ” ก็คราวนี้ ก็ให้ท่องคำว่า”อัตหิ อัตโนนาโถ” ให้ขึ้นใจ เพราะเราคือ”คนไทย” ที่ทุกอย่างต้อง”ดิ้นรน”ด้วยตนเอง……
@น่าเห็นใจ” พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี “ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ต้อง”นำขยะมูลฝอย” จาก “เทศบาลนครหาดใหญ่” ไปทิ้งยังที่”ทิ้งขยะ”ของ”เทศบาลเมืองสะเดา” จ.สงขลา ซึ่งมีระยะทางถึง 60 กิโลเมตร เพราะ ประชาชนชาว อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ไม่ยินยอมให้ นำขยะจากเทศบาลนครหาดใหญ่ไปให้กับ”โรงงานรับซื้อขยะ” ที่ตั้งอยู่ใน “คลองหอยโข่ง” ปัญหานี้”ผู้บริหารเทศบาล” ต้องเร่งแก้ไข ทั้งใน”ระยะสั้น”คือหาที่”ทิ้งขยะ”ให้ได้ เพราะทราบว่า”เทศบาลเมืองสะเดา” อนุญาตให้ใช้พื้นที่เป็นการ”ชั่วคราว” ส่วนการแก้ปัญหา”ระยะยาว” ก็ต้องมีแผนในการ”กำจัดขยะ”ที่เป็นของตนเอง……
@สุขใจที่ได้เป็น”ผู้ให้” กับสังคม โดยเฉพาะกับ”เพื่อนมนุษย์” เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ “ เถ้าแก่หลี” มอบตึกทันตกรรมให้กับ ผู้บริหารโรงพยาบาลสิงหนคร จ.สงขลา ที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม”เครื่องมือแพทย์”ไปกว่า 30 ล้านเป็นที่เรียบร้อย และมีพิธี”ทำบุญเพื่อเป็นศิริมงคล” รวมทั้ง”เฉลิมฉลอง”ด้วยงาน”รื่นเริง” เพื่อให้ ชาวบ้าน ได้รับความ “สนุกสนาน”เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนในพื้นที่ บุคคลอย่าง”เถ้าแก่หลี”นอกจาก”สังคมต้องยกย่อง”แล้ว หน่วยงานของ”ราชการ” ต้องไม่อยู่”นิ่งเฉย” ต้องมีการ”ยกย่อง” ให้เป็น”บุคคลต้นแบบ” ที่ทำ”ความดี”โดยไม่หวังผล”ตอบแทน” ถ้าผู้เขียนเป็น” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงหนคร” บุคคคลตัวอย่าง เช่น”เถ้าแก่หลี” ต้องได้”สายสะพาย” เป็น”เกียรติยศ” เพื่อเป็น”แบบอย่าง”ของ”สังคมไทย” ที่ ณ วันนี้ มีแต่ความ”เห็นแก่ตัว” และที่สำคัญไม่รู้จักคำว่า”แบ่งปัน” ……
@ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถามมามากถึงการ”ขับเคลื่อน” ของ”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” ( ศอ.บต. ) ภายใต้การ”บริหาร”ของ” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์” ที่ผ่านมาแล้วกว่า”ครึ่งปี” เพื่อต้องการเห็นความ”เปลี่ยนแปลง”ที่ต้องดีกว่าเดิม ก็ต้องบอกว่า วันนี้”ศอ.บต. ยังไม่มี”อะไร” ที่จะเรียกว่า”ใหม่กว่า” แต่ สิ่งที่”ดีกว่า”คือมี “รองเลขาธิการ”ศอ.บต. ครบทั้ง 4 ท่าน และมี”ผู้ช่วยเลขาธิการ” ครบถ้วน ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า หลังจากนี้”ศอ.บต.” จะมี”ยุทธศาสตร์” ในการ”พัฒนา” พื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร และจะทำอย่างไรให้”ประชาชน” ในพื้นที่กล่าวคำว่า” ศอ.บต.ของเรา” เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นใน อดีต ที่ผ่านมา แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
—————————————————————
ไชยยงค์ มณีพิลึก
ร่วมพิธี. มุขตาร์ มะท นายก อบจ.ยะลา ร่วมพิธีรับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อเชิญไปประดิษฐาน ณ สถานศึกษาและหน่วยงานราชการต่าง ๆ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมี อำพล พงษ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธี ณ ห้องประชุม ศรีญาลอ อบจ.ยะลา
ปลายทางชีวิต. พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช. ภ.9 เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ (กรณีพิเศษ) นางใกล้ คงเสน มารดาของ พ.ต.ท.วิรัช คงเสน รอง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ปัตตานี โดยมี ข้าราชการการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ภาคประชาชน ครอบครัว ญาติมิตร ร่วมในพิธี ณ.วัดสองพี่น้อง ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา
พัฒนาศักยภาพ. ฯพณฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร และประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา เขต 2 ร่วมงาน โครงการพัฒนาศักยภาพเด็ดและยาวชน ณ บ้านบาลูกาปาลัส ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา
ปัญหายาเสพติด. พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคนาวิน ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ร่วมประชุมรับฟัง นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของกระทรวงยุติธรรม ณ ห้องประชุม 10-01 กระทรวงยุติธรรม
ส่งมอบ. นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธานมอบอุปกรณ์กีฬาสู่ชุมชนชายแดนภาคใต้ ให้กับผู้แทนชุมชน 70 ชุมชน ใน 3 จังหวัดและ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา
เปิดงาน. พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 เป็นประธานในการเปิดงานอีฎิ้ลฟิตรี และพบปะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เพื่อร่วมรับฟังปัญหา ณ หอประชุมเทศบาลตำบลเตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยมี นาวาอากาศตรี สนั่น กัณหาชาติ ประธานมูลนิธิปูลังกำปง ให้การต้อนรับ
เทศกาลไก่เบตง. สกุล เล็งลักค์กุล นายกเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา มอบของที่ระลึกให้ อำนาจ ชูทอง รอง ผวจ.ยะลา ประเทศเปิดงานเทศกาลไก่เบตง โดยมี อมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา
ตรวจเยี่ยม. พ.อ.ณรงค์ ตันติสิทธิพร รอง ผบ.กองพลทหารราบที่ 15 /รอง ผบ.โครงการพระราชดำริ ต้อนรับคณะที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านำโดย พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ประธานที่ปรึกษา ที่มา ตรวจเยี่ยม พร้อมมอบของที่ระลึก ณ ห้องประชุมศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
เปิดร้าน. วิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา จ.สงขลา เป็นประธาน ตัดริบบิ้น เปิดร้าน โฮโค่ คาเฟ่ แอน อีทเทอรี่ ที่ถนนอารีย์ 2 เทศบาลเมืองสะเดา ซึ่งบริหารโดย ภกฤต ศรีสถิตย์วงศ์ ทายาทของ พิมพ์พิชชา ศรีสถิตย์วงศ์ นักการเมืองท้องถิ่น อ.สะเดา จ.สงขลา มีผู้มีเกียรติร่วมพิธี จำนวนมาก
ช่วยเหลือ. ทีมปลัดแป้น นำทีมโดย ณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตปลัดจังหวัดสงขลา เยี่ยมประชาชนที่ถูกไฟไหม้บ้าน เลขที่ 94 ซอย 4 ถนนเทศาพัฒนา เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง
ติดตามโครงการ. ณ อาคารส่งเสริมคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุตำบลโคกยาง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง นางอัญชลี คงคีรี ตำแหน่ง นักพัฒนาสังคมลงพื้นที่ติดตามโครงการที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม โครงการส่งเสริมอาชีพการเพ้นท์ผ้าปาะเต๊ะ ของหน่วยงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนตำบลโคกยาง อ.กันตัง จ.ตรัง
ตรวจสอบ. อิศร เอกพิศาลกิจ รองประธานธรรมาภิบาลจังหวัดตรัง นำคณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่ติดตาม 3.โครงการ 1.ก่อสร้างถนน ส่งเสริมการท่องเที่ยว สำนักสงฆ์ถ้ำผึ้ง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.คลองลุ อ.กันตัง งบ 14,249, 000 บาท 2.โครงการก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาแบนะ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม งบ 21,980,000 บาท และ 3. โครงการมารีน่าชุมชน ลานจอดรถและห้องน้ำ ชายหาดปากเมง อ.สิเกา จ.ตรัง งบ 6.500.000 บาท
อบรม. ณ สถานีบริการน้ำมันบางจาก (สาขาสามแยกหมี) อำเภอเมือง จังหวัดตรัง สุรภา ซ่อนขำ หัวหน้ากลุ่มทะเบียนธุรกิจและอำนวยความสะดวกทางการค้า พร้อมด้วยข้าราชการสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร (ภาคปฏิบัติ) การตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ “พนักงานเจ้าหน้าที่ (ชั้นหลัง)” โดยมี วราชัย ไตรอรุณ หัวหน้าสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต 3-6 กระบี่ ให้ความรู้ในการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมัน
ภัยแล้ง. จงกรม สมพงษ์ ผอ.ชลประทาน ระโนด-กระแสสินธุ์ ให้การต้อนรับ และรายงานสถานการณ์ภัยแล้งให้ดับ ไพเจน มากสุวรรณ นายก อบจ.สงขลา และคณะที่เดินทางไปติดตามสถานการณ์ของภัยแล้งในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา
เปิดงาน. สุพจน์ นวลทอง นายกเทศมนตรีตำบลระโนด เป็นประธานเปิดงาน ศึกสยามไฟท์ ต้นกล้า มวยไทย มวยวัด ฟัดโลก (ต้านภัยยาเสพติด) ณ สนามมวยชั่วคราว ลานเทศบาลตำบลระโนด อ.ระโนด จ.สงขลา
ร่วมงาน พ.ต.ท.ครรชิต นครามนตรี รอง ผกก.สวส.สภ.สิงหนคร และ เจริญกิจ มีศิริ ผู้สื่อข่าว เดลินิวส์ จ.สงขลา ร่วมเปิดอาคารทันตกรรมครุอำโพธิ์-คงสุวรรณ ณ โรงพยาบาลสิงหนครส่วนหน้า อ.สิงหนคร จ.สงขลา และร่วมถ่ายภาพกับ เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ ผู้สร้างตึกทันตกรรม เพื่อมอบให้กับ รพ.สิงหนคร เพื่อเป็นการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์
พัฒนาศักยภาพ. ฯพณฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏรและประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา เขต 2 ร่วมงาน โครงการพัฒนาศักยภาพเด็ดและยาวชน ณ บ้านบาลูกาปาลัส ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา
เมษาฮาวาย. วิสุทธิ์ สิงห์ขจรวรกุล อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานชมรมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทยภาคใต้ จัดงานสังสรรค์วันสงกรานต์ เมษาฮาวาย ณ ห้องประชุมโรงแรมสยามฯ หาดใหญ่ จ.สงขลา มีสมาชิกและแม่บ้านชมรมฯ ร่วมงานคับคั่ง
สานสัมพันธ์. พ.อ.สุพจน์ โพยนอก หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมและเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษย์ชน เข้าพบ เพื่อสานสัมพันธ์ด้านการประชาสัมพันธ์กับ ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ณ ที่ทำการสมาคมฯ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เสียงเยาวชน. พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เข้าร่วมอภิปราย โครงการเยาวชนคนสร้างอนาคต ในหัวข้อ “เสียงของเยาวชน” โดยมี คุณสุรเชษฐ์ ดิเรกบุษราคม, คุณกิตติสัณห์ วุฒิชรินรัตน์ และคุณพฤทธิพา มังกรวงษ์ ร่วมเป็นวิทยากรฝึกอบรมทักษะอาชีพในโครงการเยาวชนคนสร้างอนาคต และมีผู้ร่วมอภิปรายเป็นตัวแทนเยาวชนจากจังหวัดยะลา ณ ห้องบางลำภู โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ