ปล่อยเพลงฮิตและเป็นกระแสออกมาทุกครั้งจนหลายคนเฝ้ารอเพลงของเธออยู่ตลอดสำหรับนักร้องสาวชื่อดัง เบล วริศรา ที่ล่าสุดเธอจัดหนักจัดเต็มปล่อยเพลงความหมายดีอย่าง “แบบนี้จะรักใครได้อีก” ออกมากระชากใจแฟนๆ และก็เป็นไปตามคาด เพราะเพลงของเธอได้ก้าวเข้าไปอยู่ในใจของแฟนๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเนื้อหาและความหมายของเพลงที่ฟีลกู๊ดเหมาะกับทุกคนทำให้เพลงของสาวเบลฮิตและถูกนำมาใช้เป็นแผ่นเสียงและเต้นตามในโลกออนไลน์อย่างคับคั่ง
ล่าสุด yimyim มีโอกาสเจอตัวสาวเบล เลยไม่พลาดไปคว้าตัวสาวเบลมาอัปเดตและล้วงแคะแกะเกาที่มาที่ไปของเพลงกันสักหน่อย
ที่มาที่ไปของเพลง เป็นเรื่องราวของเบลเองหรือของใคร?
“เพลงนี้หรือคะ ที่จริงแล้วเป็นเพลงปิดอัลบั้ม คือตั้งแต่เพลง 1 จนถึงเพลง 5 แล้วอันนี้คือเพลงที่ 6 คือเพลงปิดอัลบั้มค่ะ ซึ่งเราแต่งให้แฟนคลับทุกๆ คนนะคะ เพราะว่าเป็นเพลงที่เบลว่าอยากจะขอบคุณทุกๆ คนที่รัก เบล วริศรา ในทุกๆ แบบ ถ้าใครตามเบลมาเนี่ย คือเพลงของเบลจะมีความไบโพลาร์มาก คือเพลงแรกน่ารักสดใสมาก แต่เพลง 2-3 เนี่ย จะมีความน่ารักลงไปอีก มีความเด็กลงไปอีก ก็จะมาแบบโคตรไม่แฟร์ ก็จะมาเท่ ร็อก ต่อไปก็จะเป็นเพลงเศร้า ซึ่งจะมีความไบโพลาร์มาก แล้วคนก็จะงงมากว่า เบล วริศรา จริงๆ แล้วเป็นคนแบบไหน ซึ่งจริงๆ แล้วอยากจะลองทำหลายๆ อย่าง อยากจะเป็นหลายๆ แบบ ก็อยากจะขอบคุณแฟนคลับที่ยังซัพพอร์ตเบล วริศรา ในทุกๆ แบบ ก็เลยให้พี่ติ๊ก Playground เขียนเพลงนี้นะคะ แล้วก็ปล่อยเพลงนี้ออกมา ขอบคุณทุกๆ คน แบบนี้จะรักใครได้อีก แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่รักเบลในทุกแบบ อะไรประมาณนั้น”
เป็นสื่อแทนความรู้สึกกับเบลต่อแฟนๆ แสดงว่าการคาดหวังหรือความเข้มข้นในการทำงานมันต้องเยอะมากใช่ไหม?
“ใช่ค่ะ ที่จริงแล้วเราค่อนข้างที่จะอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงขอบคุณจริงๆ แบบว่าอยากขอบคุณด้วยความจริงใจ เพราะฉะนั้นมันจะไม่ได้บอกแค่ว่าฉันรักเธอนะ ฉันขอบคุณนะ แต่แบบแค่อยากจะใส่ความจริงใจเข้าไปในเนื้อเพลง แบบถ้ามันมีความแบบ แบบนี้ฉันจะรักใครได้อีก ขอไม่รักใครแล้ว โลกนี้มีแค่เธอคนเดียวก็พอ คงไม่มีอะไรจะขออะไรอย่างนี้”
ดนตรีมันเป็นแนวป๊อปล้วนไหมหรือแตกต่างออกไปอย่างไร ?
“ป๊อปเลยค่ะ เพราะว่าเพลงนี้ตั้งใจจะไม่ให้มันเท่จัด ไม่ให้มันร็อกจัด ไม่ให้มันเศร้าจัด เพราะว่าต้องการความเป็นเบล วริศราในช่วงแรกๆ มีความแบบคนหรือไมโครเวฟ ถ้าทุกคนชอบฟังเพลงวริศราในแบบ Easy Listening เพลงนี้เบลคิดว่าทุกคนน่าจะชอบ”
การทำงานใช้เวลากี่วันสำหรับการทำเพลงนี้ ?
“เพลงนี้ เวิร์กกันค่อนข้างที่จะนานในระดับนึง เพราะว่า อาจจะต้องเลือกด้วยว่าเพลงต่อไปอาจจะปิดขอบคุณแฟนคลับหรือซิงเกิลปกติ ซึ่งก็โอเคงั้นเราขอบคุณแฟนคลับแล้วกัน แล้วก็ให้สตอรี่พี่ติ๊กว่าเราอยากจะขอบคุณเขาแบบไหน ที่จริงเบลแบบว่าไม่อยากให้ขอบคุณแฟนคลับจ๋าเกินไป เบลอยากให้เพลงนี้เอาไปจีบหนุ่มจีบสาวได้”
เพลงก็เลยมีความตรงกลางสามารถเข้าได้กับทุกคน อย่างเพลงนี้ถ้าให้เบลให้คะแนนความชอบ 10 คะแนน เบลให้กี่คะแนนเพราะอะไร ?
“ถ้าเพลงนี้เบลชอบ 10 เลยนะ เพราะว่าเบลรู้สึกว่ามันเข้าปากเบลด้วย ถ้าให้พูดในพาร์ตของเพลงนะคะ เพลงนี้เข้าปากมากและก็เป็นเพลงที่ตอนร้องสดมันเป็นตอนที่ดีมาก ถ้าใครไม่เคยฟังเพลงนี้เขาก็จะหยุดฟัง มันแบบเพลงนี้มันฟังง่ายนะ แล้วก็เป็นเพลงที่แฟนคลับฟีดแบ็กมาดีค่ะ”
เบลประสบความสำเร็จกับทุกซิงเกิล มันทำให้กดดันไหม?
“ที่จริงแล้ว ตอนที่เอาปากกาวง ไม่ได้คาดหวังหรือไม่ได้กดดันอะไรตัวเองเลย แต่ละเพลงทุกเพลงที่ปล่อยออกมาจะไม่ได้มีความกดดันมาก ถามว่าเพลงนี้กดดันไหม กดดันขึ้นนิดนึง เพราะด้วยความที่แต่ละเพลงของเรามันค่อนข้างที่จะแบบว่าหลายล้านวิว แต่ว่าจริงๆ แล้วเพลงนี้มันเป็นเพลงที่เราตั้งใจทำให้มากกว่า มันก็เลยเป็นฟีลที่แบบว่าไม่ได้คาดหวังว่ามันจะต้องแบบแมสเท่าเดิม หรือมันจะต้องดังเท่าเดิม ขอให้แบบทุกคนฟีดแบ็กมาดี แฮปปี้ทุกคนก็พอแล้ว”
เพลงนี้ชาเลนจ์ให้แฟนๆ เต้นตามหรือยัง?
“มีแฟนๆ แท็กมาเต้นตามอยู่เรื่อยๆ นะ ก็จะมีแบบว่าน้องๆ ที่จริงแล้ว ด้วยความที่แบบว่าเอาปากกามาวงของเบลอะ ทุก Gen ฟังเพลงหนูอะไรอย่างนี้ มันกลายเป็นว่าไม่ว่าเพลงต่อๆ ไปเนี่ย มันมีท่าเต้น กลายเป็นว่าทุก Gen เต้นเพลงหนูหมดแล้ว มันมีแบบว่าคุณน้า แล้วมีแบบว่าน่าจะ 60-70 อะไรอย่างนี้ เขาเต้นกับหลานแล้วเขาก็แท็กมาหาหนู หนูก็รู้สึกเออว่ามันน่ารักดี”
แล้วเบลครีเอทเองไหม?
“อันนี้เป็นพี่ในทีมโฮมรันช่วยกันครีเอท”
เบลคาดหวังยอดวิวในเพลงนี้ไหม ?
“ที่จริงแล้วไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นขนาดนั้น จริงๆ แล้วสำคัญคือฟีดแบ็กมากกว่า ถ้ายอดวิวทุกคนคาดหวังยอดวิวอยู่แล้วแหละหนูว่านะ ยอดวิวกับฟีดแบ็กที่ดี แต่ว่าไม่กดดัน ไม่ได้รู้สึกแย่ถ้าวิวไม่เยอะ แต่ตอนนี้ก็ 1 ล้านวิวแล้วค่ะ ก็ขอบคุณมากทุกคนที่ไปฟังกันนะคะ ก็ฝากเต้นด้วยแล้วกันค่ะ”
ถ้าถามตัวคุณอะไรที่ทำให้เพลงประสบความสำเร็จแทบทุกเพลงเลย?
“หนูไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่หนูเคยถามคนอื่น ว่า Identity ของเบล วริศราคืออะไร หนูรู้สึกว่ามันคือการที่เด็กคนนึงมัน พูดอะไรสักอย่างนึงตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจ ถ้ารู้สึกอะไรคือแค่พูดหรือรู้สึกถ้าอยากเล่นอะไรหรือ talent ของวัยประมาณนี้มันเป็นยังไง ความเล่นความเอาปากกามาวง ความดุ๊กดิ๊ก มันเหมือนแบบทุกคนสามารถเป็นแบบนี้ได้ ซึ่งเพลงหนูบางเพลงมันก็ไป Relate กับคนบางคน แบบบางคนอาจจะไม่ได้ชอบแบ๊วมากขาก็จะเสพเพลงหนูที่มันไม่ได้แบ๊วอย่างนี้ ซึ่งหนูรู้สึกแบบมันจะไปทัชกับใจหลายคนเป็นทั้งวัยนี้ เพราะว่าเด็กสมัยนี้ฟังเพลงเยอะมาก”
“อย่างความกดดันในอนาคตเรื่องร้อยล้านวิวอะไรต่างๆ หนูรู้สึกว่ามันเป็นความสนุก สำหรับหนูนะ คือ ณ ตอนนี้ที่มันทำงานคือไม่รู้ว่าเพลงต่อไปจะแบบไหนดี หรือว่าแบบคนจะรักเบลแบบไหนดี มันก็มีความเครียดเหมือนกัน แต่หนูว่ามันเป็นความสนุก เพราะหนูกำลังจะจบมหา’ลัยแล้ว หนูก็กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว แต่ว่า Identity และความเชื่อว่าหนูยังเป็นเด็กอยู่ เพรราะฉะนั้นเพลงต่อไปหรือเบล วริศราคนต่อไปที่หนูกำลังจะเป็นและหนูอยากแข็งแรงกับสิ่งนั้นมันจะเป็นแบบไหน ซึ่งก็อยากให้ทุกคนเอาใจช่วยเหมือนกัน”
จริงๆ ความฝันของเบลมันคือการเป็นนักร้องตั้งแต่เริ่มไหม ?
“ถ้าตอนมหา’ลัยคือยังไม่แน่ใจว่าอยากเป็นอะไร แต่พอได้มาเป็นนักร้อง ได้ประกวดร้องเพลง ได้เข้ามาอยู่ในค่าย ได้มามีเพลงแรก หนูรู้สึกว่า ความฝันตอนนี้ที่ใหญ่ที่สุดคือการเป็นนักร้อง เป็นศิลปิน มีสิ่งที่อยากจะเล่าเป็นของตัวเอง มันเหมือนเป็นงานศิลปะของตัวเองที่ได้ทำ ที่จริงหนูอยากทำความฝันที่หนูเคยอยากได้ตั้งแต่เป็นนักร้องช่วงแรกได้แล้ว คือมีคอนเสิร์ตครั้งแรก คือเป็นคอนเสิร์ตที่ไม่ต้องใหญ่มาก แค่เล็กๆ น้อยๆ ร้อยกว่าคนมาอยู่ด้วยกัน ก็แฮปปี้แล้ว ซึ่งก็สำเร็จแล้ว แล้วก็ความฝันครั้งต่อไปคงอยากจะมีเป็นตัวเองในแบบที่ทุกคนจะรักมากๆ แล้วก็ได้เป็นตัวเองสุดๆ แล้วก็จริงๆ ก็คาดหวังว่าอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ มากขึ้น”
เพลงนี้เอ็มวีเป็นแบบไหน เล่าให้ฟังหน่อย?
“เพลงนี้เป็น MV แบบประมวลรูปตั้งแต่ตอนช่วงแรกๆ ที่หนูเป็นนักร้อง แล้วก็จะเป็นแฟนแคมที่แฟนคลับถ่ายหนูบ้าง หรือหนูถ่ายแฟนคลับบ้างก็มาจับรวมๆ กัน แล้วก็จะมีไลน์ที่หนูเลือกใช้ห้องตัวเอง ซึ่งเป็นจุดของการเริ่มต้นคัฟเวอร์เพลงมาเป็นส่วนนึงของใน MV นี้ ก็คือตั้งกล้องถ่ายเอง กำกับเอง แอ๊คชั่นเอง เพราะว่าเริ่ม MV มันจะเป็นแบบว่า แบบนี้จะรักใครได้อีก ไลน์ซิงค์เทค 1 แอ๊คชั่น ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่หนูทำในยูทูบทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้วมันก็เป็นโซฟามุมเดิม อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปเป็นหนูแรกตั้งแต่ที่เป็นศิลปิน”
มองมาจุดแรกที่คัฟเวอร์เพลงแน่นอนมันไกลกว่าที่หนูคิดอยู่แล้ว ถ้ามองย้อนกลับไปตอนนั้นอะไรที่ทำให้หนูอยากมาคัฟเวอร์เพลง ?
“หนูว่ามันน่าจะเป็นหนูรักการร้องเพลงตั้งแต่เด็ก แล้วหนูรู้สึกว่าหนูทำได้ดีและภูมิใจกับมัน เพราะว่าหนูรู้สึกว่าหนูไม่ได้รู้สึกทำอะไรได้ดีมากขนาดนั้น เรียนก็เรียนแหละแต่ไม่ได้เก่งมาก แต่เรื่องการร้องเพลง จะมีคนชม และหนูรู้สึกว่าหนูทำได้ดีและหนูแฮปปี้กับการร้องเพลงในห้องน้ำ หรือคาราโอเกะ หรือร้องเพลงกับเพื่อนๆ หนูรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่หนูทำแล้วรู้สึกแฮปปี้ แล้วพอหนูทำเป็นงานแล้วมันยิ่งทำให้หนูรู้สึกว่าเออเราทำสิ่งที่เราชอบเป็นงานได้ด้วยนี่หน่า ก็เลยยิ่งรักการเป็นศิลปินยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”
ฝากช่องทางติดตามสักหน่อย?
“ก็สามารถฟังได้ที่ยูทูบ Home Run Music ค่ะ หรือว่าฟังที่สตรีมมิ่งออนไลน์เบล วริศราได้หมดเลยค่ะ แล้วก็ฝากทุกคนไปเต้นด้วยนะคะ คือท่าเต้นมันอาจจะยากนิดหน่อย แต่เชื่อว่าง่ายกว่าเอาปากกามาวงแน่นอนค่ะ ก็ฝากทุกคนเต้นใน TikTok หรือ Instagram Reels ได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
จัดเต็มการพูดคุยกับสาวเบลไปแล้ว บอกเลยเธอเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีมากๆ ทำให้หลายคนหลงรักได้ไม่ยากเลย ดังนั้นฝากสาวเบลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ รับรองคุณจะรักเธอและผลงานของเธอแน่นอนค่ะ
คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”
โดย yimyim