@การเมืองภาพใหญ่ของ”ประเทศไทย” เห็นการเดินทางของ”นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน “นายกรัฐมนตรี” ในการเดินทางไปต่างประเทศทำหน้าที่เป็น”เซลแมน”ใน “หลายประเทศ” ด้วยการนำเอาโครงการที่เป็น” อภิมหาโปรเจกต์” เพื่อชักชวน “นักลงทุน” มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งวันนี้เป็นเพียงเรื่อง”ขายฝัน” ที่ยังไม่เป็นจริง เพราะยังไม่มีประเทศไหน”ตกล่องปล่องชิ้น” ในการ”หอบเงิน” เพื่อมา”ลงทุน” ในประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการ”แลนด์บริจด์” หรือ”สะพานบก” ในการเชื่อมสองฝั่งทะเล เป็นเส้นทาง”ขนส่ง” ที่เป็น”ทางเลือก”ของการ ขนส่งสินค้าข้าม”มหาสมุทร”หรือข้าม”ทวีป” ซึ่งหาก”เป็นจริง” หมายถึงความ”รุ่งเรือง” ของประเทศไทย แต่โดยข้อเท็จจริง “แลนด์บริดจ์”เป็นเรื่อง”ยาก” ที่จะเกิดขึ้นในภาคใต้  ดังนั้น “เอ็นจีโอ” และ”กลุ่มการเมือง” ที่ออกมา”ต่อต้านโครงการแลนด์บริดจ์” อย่าง”คึกคัก”ในวันก่อน   วันนี้”เก็บฉากกลับบ้าน” เพราะคงเห็นแล้วว่าการ”เดินสาย”ของ”นายกนิด” ยากที่จะประสพความสำเร็จ เป็นได้เพียงการ”ขายฝัน” เท่านั้น…..กลับจาก”ทัวร์เมืองนอก” ก็เป็นการ”ทัวร์” ในหลายพื้นที่ของ”ภาคเหนือ” ซึ่งเป็น”ภารกิจ” ทาง”การเมือง” ลงพื้นที่ พบปะประชาชน ให้”ยาหอม” เพื่อผลักดันโครงการในแต่ละจังหวัด ส่วนจะทำได้ มากน้อย แค่ไหน อยู่ที่”เศรษฐกิจ” ของประเทศ ว่าจะ”เติบโต” ได้หรือไม่ โดยเฉพาะ”งบประมาณแผ่นดิน”  ที่ยังมองไม่เห็นว่า จะ”เจียดเงิน” ที่ไหนไป”พัฒนาประเทศ” ตามความต้องการของแต่ละพื้นที่…..พูดง่ายๆในรอบ 7 เดือนของ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” สิ่งที่ทำไปแล้วเป็นเรื่อง “เล็กๆน้อยๆ” แต่ โครงการใหญ่ๆ ที่ทำแล้วเห็นผลถึงความเปลี่ยนแปลงทาง”เศรษฐกิจ-ปากท้อง” และ” การเมือง” ยังมองไม่เห็น เช่นโครงการ”แจกเงิน” ให้ประชาชนคนละ”10,000 บาท” ที่เรียกว่า”ดิจิตัลวอลเล็ต” ซึ่ง “รัฐบาลนิดหนึ่ง” ขอเวลา 1 เดือน เพื่อนำไป”ศึกษา” วันนี้ครบ 1 เดือนแล้ว แต่ไม่มีทั้ง”ข่าวดี” และ”ข่าวร้าย” เพื่อแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบว่า ประชาชนจะได้รับเงินแจก 10,000 บาท หรือ ไม่ได้ เพราะแม้แต่”จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ที่ เสียงแข็ง ยืน”กระต่ายขาเดียว” ว่าทำได้แน่นอน วันนี้ก็ไม่”กร้าว” ในการให้”สัมภาษณ์สื่อ” เหมือนก่อน หรือ” เพื่อไทย” ได้รับคำสั่ง”ไอ้เสือถอย” จาก” ผู้นำประเทศ”ตัวจริง เสียงจริง” เรียบร้อย”โรงเรียนจันทร์ส่องหล้า” แล้วกระมัง…..

@การเมืองไทย และการ “ตัดสินใจ” ทุกอย่างของ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” นับตั้งแต่นี้ต่อไป แม้ทุก”คำตอบ” จะออกจาก” เรียวปาก” ของ”เศรษฐา ทวีสิน” แต่ คนที่”กำหนดเกม” ทุกคนย่อมรู้ว่าเป็นใครที่วันนี้มีการ”เคลื่อนไหว” ทาง”การเมือง” โดยที่ “ประชาชน” ดูออกว่า หมดความ”จำเป็น” ในการแสดงบทบาทของ”ผู้ป่วย” แล้วนั่นเอง …..แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ และเพื่อให้”เป็นคุณ”กับ”ประเทศชาติ” และ”เจ้าตัว”  ก็อยากจะบอกว่าอะไรที่”อย่าเพิ่ง” และ”อะไรที่”อย่าทำ” ก็ อดใจไว้ก่อน อย่างที่”ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” นักแฉชื่อดัง เคยกล่าวว่า” อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” และอย่าประมาทว่า”พลังประชาชน” ผู้ที่”หมดความอดทน” และผู้ที่”เห็นต่าง” ไม่มี”พลัง”ไม่มี”แกนนำ” อย่างดีก็มีเพียงความ”เคลื่อนไหว”บนโลก”โซเชียล”  ที่ไม่สามารถ”กดดัน” หรือสร้างความ”วุ่นวาย” ให้กับ”รัฐบาล”ได้ อย่าสร้างความ”เหิมเกริม” ที่ “เกินงาม “ ที่อาจจะทำให้”ม็อบจุดติด” และมี”ผู้นำ”การต่อต้านเกิดขึ้นได้……

@และอย่าลืมว่า การ”อภิปรายไม่ไว้วางใจ” รัฐบาล จาก”วุฒิสมาชิก” . และจาก”ฝ่ายค้าน” ที่กำลังเกิดขึ้น อย่าได้”ปรามาส” ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่มีอะไร”ในกอไผ่”  เพราะมีหลายประเด็นที่”ฝ่ายค้าน” และ”สว. จะนำมา “อภิปราย” ทั้งเรื่องความ”ล้มเหลว” ในการแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ-ปากท้อง-ทุจริตคอร์รัปชั่น” เรื่อง”พลังงาน” ทั้ง”น้ำมัน” และ”ไฟฟ้า” ที่ยัง”วนเวียน”อยู่กับการ”ลดภาษี” เพื่อเป็นการ”ตรึงราคา”ซึ่งใครมาเป็น”นายกรัฐมนตรี” และใครมาเป็น”เสนาบดี” กระทรวงแรงงาน ก็ทำได้ และเรื่อง”ป่วยทิพย์” แม้จะไม่ใช่”จุดตาย” ของ”รัฐบาล” แต่ถ้า”ฝ่ายค้าน” และ”สว.” มีการ”อภิปราย”ได้แบบ”ถึงแก่น” ก็อาจจะกลายเป็น”จุดอ่อน” ของ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” โดยเฉพาะ”เพื่อไทย” ผ่านไปแล้ว 7 เดือน ยังไมมีความ”สำเร็จ”ใน นโยบายที่”หาเสียง”ไว้กับประชาชน และแม้แต่เรื่อง” ฝุ่นควัน” หรือ”พีเอ็ม 2.5”  ที่ ณ วันนี้ คนที่กลายเป็น”พระเอก” ในภาคเหนือ ที่เป็น”ฐานที่มั่น” ของ”เพื่อไทย” ของ”ตระกูลชินวัตร” ก็ถูก” สส.ของ”ก้าวไกล” ทำการ”ตีกิน”ไปแล้ว และถ้า”เพื่อไทย” ยัง”ล้มเหลว” ทั้งเรื่อง”ดิจิตัลวอลเล็ต” ทั้งเรื่อง”ค่าแรงวันละ 400 บาท” และเรื่องของ”ซอฟต์เพาเวอร์” ที่ทำได้เพียงใช้”ผ้าขะม้าคาดคอ” เชื่อเถอะ เลือกตั้ง “นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด” ที่เป็นการ”เลือกตั้งท้องถิ่น” ที่จะมาถึง รวมทั้งการเลือก “วุฒิสมาชิก” นักการเมืองในสายของ”เพื่อไทย”จะพ่ายแพ้อย่าง”หลุดลุ่ย” และส่งผลถึง”การเลือกตั้ง” สส.ในสมัยหน้าของ”เพื่อไทย” อย่างไม่ต้องสงสัย…..

@สำหรับ”ก้าวไกล” การถูก”ยุบพรรค” การที่”สส.แนวหน้า” ถูก”ตัดสินทางการเมือง” ก็ไม่ต่างจากที่ “อนาคตใหม่” เคยถูกยุบและ สส.”แถวหน้า” ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ไม่ได้ทำให้”อนาคตใหม่หมดอนาคต” การ”เติบใหญ่”ของ”ก้าวไกล” ที่มาแทนที่”อนาคตใหม่” ก็จะเหมือนกับการ”เติบโต” ของ”พรรคใหม่” ที่จะมาแทนที่ของ”ก้าวไกล” เพราะวิธีการ “กำจัดศัตรูทางการเมือง” ด้วยการ”สั่งยุบพรรค” ไม่ใช่ทางออกของ”ชัยชนะ” แต่กลายเป็นการสร้างความ”เติบใหญ่” ให้กับ”พรรคก้าวไกล” ในชื่อใหม่ และจะมี”นักการเมืองหน้าใหม่” ที่พร้อมจะมา”แทนที่” ของ นักการเมือง”แถวหน้า” ที่ถูก”ตัดสิทธิ์” ห้ามเล่นการเมือง อย่างที่”ช่อ” พรรณิการ์” หรือ” ปิยะบุตร” หรือที่”ธนาธร” ได้รับ โดยการออกไป”เล่นการเมืองนอกสภา” ที่ “กฎหมาย” ไม่ได้ห้าม…..

@ยังเป็นปัญหา”ระดับชาติ” คือการ”ระบาด”ของ”ยาเสพติด” ในประเทศไทย ที่ในการ”หาเสียง” ของ”เพื่อไทย” ที่มีการ”ตระโกนเย้วๆ” ทุกเวทีว่า “เพื่อไทยมายาเสพติดหาย” แต่วันนี้”เพื่อไทย”มาเป็น”รัฐบาล”แล้ว 7 เดือน นอกจาก”ยาเสพนติด” จะไม่ได้หายไปไหน หรือ”ลดลง” แต่กลับเพิ่ม”มากขึ้น” จับได้ 10 ล้านเม็ด มีการ “ผลิตเพิ่ม”อีก 100 ล้านเม็ด และ ลำเลียง”ข้ามประเทศ” เข้ามาแทนที่ “ยาบ้าที่ถูกจับ” รวมทั้งการ”ลำเลียงยาเสพติด” มีการ”พลิกแพง” มีวิธีการใหม่ๆ ตลอดเวลา วันนี้”เพื่อไทย” ไม่มีคำตอบให้กับ”ประชาชน” ว่าจะแก้ปัญหา”ยาเสพติด” อย่างไร และที่สำคัญเรื่องการแก้ปัญหา”ยาเสพติด” เป็นหน้าที่ของ” กระทรวงยุติธรรม” ที่ต้อง”รับหน้าเสื่อ” ทั้งเรื่องการ”เอาชนะยาเสพติด”ในเรื่องการ”ลดจำนวนผู้เสพ” และการ”ปราบปราม” เพื่อ”ลดจำนวนผู้ค้า” ที่สำคัญ กระทรวงยุติธรรม ยังต้องทำในเรื่อง”นำกัญชา” กลับไปเป็น”ยาเสพติด” อย่างในอดีต   และยังต้องมีการ”ควบคุม พืชกระท่อม” ที่ ระบาดหนัก หลังการ”ปลดล็อค” ออกจากการเป็น”พืชเสพติด” ด้วยการ”จับกุมน้ำกระท่อม”  ที่มีการ”ต้มขาย”ทั่วประเทศ เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย “น้ำกระท่อม” ต้มได้ กินได้ แต่”ห้ามขาย” ถ้าขายถูก”จับกุม”    ทั้งหมด กำลังจะ”เกินกำลัง” ของ”กระทรวงยุติธรรม” ที่เป็น”กระทรวงไม่ใหญ่ มี”เสนาบดี” เพียงคนเดียว โดยที่ไม่มี”รัฐมนตรีช่วย” ที่ สำคัญ เป็นกระทรวงที่ไม่มี”งบประมาณ” มากมาย แต่กลายเป็นมี”ภารกิจ” ที่”เกินตัว”    ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็น” เสนาบดี” กระทรวงยุติธรรม “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง “ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไป ตะวันตก ตะวันออก และ”ต่างประเทศ” เหมือน”เหาะเหินเดินหน”ได้ เพราะ”ภารกิจ” ที่มากมาย….

@และสิ่งที่ สังคมต้องรับรู้ คือ หลังจากที่” เจ้าหน้าที่”เอาจริง” จับจริง และ ส่งฟ้อง ผู้ ต้มน้ำการะท่อมขาย  วันนี้ ผู้”เสพติดน้ำกระท่อม” เมื่อ”หาซื้อน้ำกระท่อม”ไม่ได้ ก็หันกลับไป”เสพยาบ้า” เป็นการ”ทดแทน” เพราะวันนี้”ยาบ้า” เป็น”ยาเสพติด”ที่หาง่าย มีการ”เดินยา” ที่เป็น”เดลิเวอร์รี่” คือ 24 ชั่วโมง และที่สำคัญ ยาบ้า 1 เม็ด 20 บาท ในขณะที่”น้ำกระท่อม 1 ลิตร 70 บาท เทียบราคาแล้ว” เงิน 70 บาท ที่เคยซื้อ”น้ำกระท่อม”ได้ 1 ชวด  ใช้ซื้อ”ยาบ้า”ได้ถึง 3 เม็ด  แล้วอย่างนี้จะแก้ปัญหาการ”ระบาด” ของยาเสพติดได้อย่างไร ….โดยเฉพาะ นโยบาย ครอบครองยาบ้า 5 เม็ด ถูกจับกุมยอมรับการ”บำบัด” กลายเป็น”ผู้ป่วย” กลายเป็นว่า นโยบายนี้ ได้สร้างให้เกิด”ผู้ป่วย” เต็มไปหมด ทุก หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ วันนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ จะเอา”ผู้ป่วย” เหล่านี้ไป”บำบัด” ที่ไหน เพราะ”ศูนย์บำบัด” ที่มีอยู่ทั้งที่เป็นของรัฐและ”เอกชน” ไม่เพียงพอต่อ”ผู้ป่วย” หลังใช้ นโยบายมี”ยาบ้า 5 เม็ด” ไว้ในครอบครอง ให้เป็น”ผู้ป่วย” วันนี้ คนในสังคมไทย จึงอยู่กันด้วยความ”หวาดระแวง” เพราะไม่รู้ว่าจะถูก”ผู้ป่วย” ที่” เดินเพ่นพาน” เพราะไม่มีที่”บำบัด” จะ ทำการ”ทุบ ถอง “ หรือ” ทำร้าย” จนถึงแก่ชีวิตวันไหน นี่คือการแก้ปัญหา”ยาเสพติด” ที่” ได้อย่าง เสียอย่าง”……

@อย่าให้หายไปกับ”สายลมแสงแดด” คือเรื่อง”มาเฟียต่างชาติ” ที่เข้ามา”ทำมาหากิน” ใน” เกาะภูเก็ต” ที่”กร่าง” ถึงขาดการ “ทำร้าย” คนไทยที่เป็นเจ้าของ”แผ่นดิน” ล่าสุดมีการ ทำร้าย”ตำรวจ” ผู้รักษากฎหมาย  นี่แสดงให้เห็นว่า”ต่างชาติ” กำลัง”หยามหมิ่น” กฎหมายไทย เพราะที่ผ่านมามีการ”ทุจริตคอร์รั่ปชั่น” จนทำให้”ต่างชาติ” เข้าใจว่า”ประเทศไทย” ซื้อได้ทุกอย่าง เช่นการซื้อ “ชายหาด” ซื้อ”ที่สาธารณประโยชน์” ซื้อที่ดินใน”ป่าสงวน” และ”อุทยาน” เพื่อการ สร้างโรงแรม รีสอร์ต  บ้านพักตากอากาศ เรื่อง”อื้อฉาว” ที่ “เกาะภูเก็ต” ต้องไม่จบแค่” ถอนวีซ่า” ไล่ฝรั่งกลับเมือง ถอนใบอนุญาตการมี”อาวุธปืน” แล้วจบ แต่”เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีระกุล” ต้องสั่ง” ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ”เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด” รวมทั้ง “โยธาธิการจังหวัด”  และ “ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด”  ตรวจสอบ เอกสาร การครอบครองที่ดิน การซื้อ-ขาย การก่อสร้าง และการ อยู่ในเกาะภูเก็ต ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้คน”เกาะภูเก็ต” และคนในประเทศไทยต้อง”ออกแรง” ช่วยกัน”กระทุ้ง” ให้มีการ”ตรวจสอบ” อย่างจริงจัง เพราะ วันนี้”นายทุน-และผู้มีส่วนได้เสีย”  พยายามที่จะให้เรื่อง”อื้อฉาว” บน”เกาะภูเก็ต” จบลงให้เร็วที่สุด  เพื่อที่จะได้ร่วมกันหาผลประโยชน์ต่อไป….

@จาก “เกาะภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยวที่มีปัญหา”จราจร” ที่รถติดวินาศสันตะโร มายังเมือง”ระนอง” หรือ”แร่นอง” ที่วันนี้ไม่มี”แร่ให้ขุด”และ”ให้นอง” เหมือนในอดีต แต่เป็นเมืองที่มีเรื่องของ”โกฟุก” ที่เป็น”เครือข่าย” คนสองสัญชาติ ( เมียนมา-ไทย )  เจ้าของ”บ่อนการพนันออกไลน์” จำนวน 18 กลุ่ม และ ทำธุรกิจ”ส่งออก” น้ำมันเชื้อเพลิงจาก จ.ระนอง ไปยัง “เกาะสอง” ประเทศ เมียนมา ที่ ล่าสุดถูก” ดีเอสไอ” เข้าตรวจค้น จับกุม เรื่อง”บ่อนออนไลน์” ยังเป็นเรื่อง”จิ๊บๆ” ถ้าเทียบกับการ”ส่งออกน้ำมัน” ที่เป็นการ”ส่งออกทิพย์” คือไม่เกิดขึ้นจริง แต่มีการ”ขอคืนภาษี” จากการ”ส่งออก” ในรอบ 10 ปี ถึง 10.000 ล้านบาท  นี้คือความ “เสียหาย” และความ”สูญเสีย” ของประเทศชาติ สิ่งที่ “ดีเอสไอ”  ต้องเร่งดำเนินการ คือการ”ตรวจสอบ” เพื่อการ”เอาผิด” กับ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้อง หลายหน่วยงาน หากเจ้าหน้าที่มีความ”รอบคอบ” และไม่”ร่วมมือ” กับ”โกฟุก” มีหรือที่จะถูก” หลอก” ให้มีการ”คืนภาษี” ได้ยาวนานถึง 10 ปี ดังนั้นผู้ที่ต้อง”รับผิด” ในเรื่องนี้อย่างเต็มๆ ต้องเป็น”เจ้าหน้าที่รัฐ” ดังนั่นจึงเห็นด้วย ที่”วัชระ เพชรทอง” อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง อธิบดีกรมสรรพากร ให้มีการ “ตรวจสอบ” เพื่อ”เอาผิด” กับ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในคดีการ”ส่งออกทิพย์” ของ”โกฟุก” และพวก…..

@ล่าสุด “น้ำมันทรานซิสเส้นทาง” ที่มี”นายทุน” นำเข้ามาจาก ประเทศมาเลเซีย ก็ถูก” ตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน” ของ” พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย”  ผกก. 3 กก. สส. ภาค 9 จับกุมได้ในพื้นที่ของด่านศุลกากรอำเภอสะเดา จ.สงขลา ก็มี”ปลายทาง” ในการ”ส่งออก” ไปยัง ประเทศเมียนมา ผ่านทาง จ.ระนอง เช่นกัน ดังนั้นนอกจากความผิดอื่นๆใน พรบ.น้ำมันเชื้อเพลิง ที่ ตำรวจ ปนม. ตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ต้องมีการตรวจสอบให้ ชัดเจนว่าจาก” เอกสาร PO” หรือ”ใบสั่งซื้อ” ว่า บริษัทที่”สั่งซื้อ” จาก”ประเทศเมียนมา” มีอยู่จริงหรือไม่ และ ใน”เอกสารใบ PO “ สั่งซื้อ” น้ำมันอะไร เพราะที่ผ่านมาเคยมีการ”ตรวจสอบ” พบว่าบริษัทผู้”สั่งซื้อ” จาก” ประเทศ สปป.ลาว เป็น “บริษัททิพย์” ที่ไม่มี”ตัวตน” มาแล้ว และน้ำมัน”ทรานซิส” ที่นำเข้ามาจาก”ประเทศมาเลเซีย” เพื่อขอผ่าน”ประเทศไทย” ไปส่งให้กับ”ประเทศที่สาม”  ก็ไม่ได้ไปจริง แต่มีการ”แอบขาย” ให้กับ”ลูกค้า” ในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยต้อง”สูญเสียรายได้” ที่เป็น”ภาษี” จำนวนมหาศาล ตรวจสอบให้จริงๆ จะเห็นว่า”น้ำมันทรานซิส” ที่ของผ่านประเทศไทย มีการทำกันเป็น”ขบวนการ” ที่เรียกว่า”ขบวนการค้าน้ำมันข้ามชาติ” ที่ ส่งขายในประเทศไทยกว่าครึ่งหนึ่งของการ”นำเข้า”ที่”ขบวนการค้าน้ำมันข้ามชาติ” ได้”กำไรสองต่อ” กำไรต่อแรกคือ ซื้อน้ำมันจากประเทศในมาเลเซียในราคาถูก ลิตรละ 19 บาท มาขายให้กับลูกค้าในประเทศไทย ลิตรละ 27 บาท กำไรต่อที่ 2 คือ ส่ง”เอกสาร” ให้กับ”ศุลกากร” เพื่อแสดงว่ามีการ”ส่งออก” ไปประเทศที่สามแล้ว และ”ขอคืนภาษี”…..เรื่องนี้มีการ”ไขข่าว” ใน”วงใน”ของ”ขบวนการค้าน้ำมันข้ามชาติ” ว่ามีการจ่าย”ใต้โต๊ะ” คันละ 90,000 บาท ต่อน้ำมันคันละ 40,000 ลิตร  เพราะ “ร่ำรวย”กับ”เละเทะ

@เรื่อง พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก. 3 กก.สส. ภ.9 นำกำลัง ตร.ปนม. เข้าจับกุม “น้ำมันทรานซิส” ในขณะที่ รถบรรทุกน้ำมัน”หัวลาก” จำนวน 3 คน มีน้ำมันในรถ 120.000 ลิตร โดยที่ รถทั้ง 3 คน จอดอยู่ในที่ทำการศุลกากรสะเดา โดย”นายทุน” ผู้”สั่งนำเข้า” อ้างว่า เป็นน้ำมันที่ถูกต้อง และอยู่ระหว่างการ ดำเนินการทางเอกสารการ”ทรานซิส” จาก” เจ้าหน้าที่ศุลกากร เรื่องนี้เป็นการ”ต่อสู้” ทาง”กฎหมาย” ระหว่าง”นายทุน” กับ” ตำรวจ” ผู้ทำการจับกุม ก็ต้องดูว่าสุดท้าย “เผดิมชัย มั่งคั่ง” นายด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา จะยืนอยู่ข้างใคร ระหว่าง”นายทุน” กับ”ตำรวจ” ที่ เข้าไป”ล้วงคองูเห่า” เพราะไป”จับกุม” ในพื้นที่ของด่านศุลกากร เรื่องนี้ “บานปลาย” เป็นเรื่องของ”ศึกศักดิ์ศรี” และเกี่ยวข้องกับ หน่วยราชการหลายหน่วย เพราะแม้แต่ “พลังงานจังหวัดสงขลา” ที่ “ตำรวจ” ขอให้ไป “ตรวจสอบ” น้ำมันในรถที่นำเข้าว่า ตรงกับ”เอกสารนำเข้า” หรือ”ใบพีโอ” หรือไม่ ก็ไม่กล้าที่จะไป”ตรวจสอบ” โดยขอ”หารือ” กับ “กรมธุรกิจพลังงาน” ก่อน เพราะ”เคสการจับน้ำมันทรานซิส” เป็น “เคสแรก” ที่เกิดขึ้น หลังจากมีการนำเข้าน้ำมันจาก”ประเทศมาเลเซีย” โดย วิธีการ”ทรานซิส” เส้นทาง เพื่อไปยังประเทศที่สาม เรื่องนี้เป็นเรื่อง”ไม่ปกติ” ที่ “เสนาบดี” กระทรวงพลังงาน “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” ต้องให้ความ”สนใจ”…… 

@ส่วน”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ซึ่ง “สวมหมวก” ของ “เสนาบดีกระทรวงการคลัง” ด้วยนั้น ขอให้มีการ”ตรวจสอบ”การทำหน้าที่ของ”กรมศุลกากร” เป็นกรณีพิเศษ เพราะหน้าที่ของ”ศุลกากร” โดยเฉพาะใน จังหวัดที่เป็น”เมืองชายแดน” มีเรื่องของ”ผลประโยชน์ทับซ้อน” โดยเฉพาะเรื่องการ”นำเข้า-ส่งออก” และการ “ลักลอบ” สินค้าหลบหนีภาษี

@เรื่องเศร้าสำหรับ”ชาวมูโนะ” อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่บ้านเรือน พังเสียหาย จากการ”ระเบิด”ของ”โกดังเก็บพลุ-ดอกไม้ไฟ” เมื่อกลางปี 2566  วันนี้บ้านที่กำลังสร้าง ถูกสั่งระงับการก่อสร้างทั้งหมด เพราะ”กรมบัญชีกลาง” แจ้งให้ทางจังหวัดว่า”ผิดระเบียบ” ไม่สามารถเบิกเงินได้   อะไรกันนักกันหนา กับ”ระบบระเบียบ” ของ “ราชการไทย” จากจังหวัด หรือจาก”ส่วนกลาง” และถามว่า เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้ ใครจะรับผิดชอบกับ”เคราะห์กรรม” ที่ชาวบ้านได้รับ……

@เรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านไป 20 ปี ยังมองไม่เห็น”แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ทั้งการ”ป้องกันปราบปราม” กองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น ที่ก่อเหตุในพื้นที่ของสามจังหวัด สี่อำเภอของ จ.สงขลา ที่”รุนแรง” เป็น”ระยะๆ” ตั้งแต่เริ่มข้นปี 2567 เป็นต้นมา และหลังเข้าสู่”เดือนรอมฎอน” ก็มีการ”ปิดล้อม” เพื่อ”จับกุม” กองกำลังติดอาวุธของ”บีอาร์เอ็น” ที่แอบเข้ามา”เช่าบ้าน” ใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อเตรียม”ก่อเหตุ” ที่จบลงด้วยการ”สู้ตาย” กับ”เจ้าหน้าที่รัฐ……หลังจากนั้น”บีอาร์เอ็น” ก็”จัดฉาก” ให้คนตายจากการถูก”วิสามัญ” เป็นการตายแบบ”ชาอีด” หรือการ”พลีชีพ” เป็น”นักรบของพระเจ้า” มี ผู้คน”มากหลาย” ทั้งจากในพื้นที่และนอกพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มายืน”เข้าแถววัทยาวุธ” เป็นการ”เคารพศพ” และมีการ”แห่ศพผู้ตาย” ไปยัง”กุโบร์” ( สุสาน ) ด้วยการ “ตระโกนสรรเสริญผู้ตาย และตระโกนคำว่า” ปัตตานี เมอร์เดก้า” ที่สำคัญพ่อของผู้ตาย ให้สัมภาษณ์”สื่อ” ว่าภูมิใจกับการ”พลีชีพ” เพื่อเป็น”ชาอีด” ของผู้เป็นลูก นี่ไม่ใช่เรื่อง”ปกติธรรมดา” ที่ “แม่ทัพต้น” พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 จะอยู่นิ่งๆ ได้อีกต่อไป  และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อ”หยุด” การ”บิดเบือน” หลักการของศาสนา ที่เป็นแผนการของบีอาร์เอ็น ในการ”ปลุกระดม” และ”แสวงหามวลชน” โดยอาศัยการ”วิสามัญฆาตรกรรม” ของเจ้าหน้าที่ต่อ “กองกำลังติดอาวุธ”……

@สิ่งหนึ่งที่”ค้างคาใจ” และต้องถามให้”กระจ่าง” ที่ในรอบ 20 ปี ของ”ไฟใต้ละลอกใหม่” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ว่าใครมาเป็น”แม่ทัพ” จะต้องให้ความสำคัญกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ และขอความร่วมมืออย่าให้”บีอาร์เอ็น” ทำการ”บิดเบือน”ในหลักการของ”ศาสนา” งบประมาณจำนวนมากที่” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ใช้ในการ”ทุ่มเท” กับผู้นำศาสนา โดยเฉพาะใน จ.ปัตตานี ไม่มีผลในการช่วยแก้ปัญหาในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเลยหรือไร เพราะทุกศพที่” กองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น” ที่ถูก” เจ้าหน้าที่รัฐ”ทำการ”วิสามัญฆาตรกรรม” ล้วนถูกบิดเบือนว่าเป็น”ชาอีด” หรือ”นักรบพระเจ้า” ทั้งสิ้น  และถ้า สถานการณ์อย่างนี้”ไม่ยุติ” ก็อย่าได้ถามว่า “ไฟใต้” จะ สงบได้เมืองไหร่ นี่คือ สถานการณ์การ”ก่อการร้าย” ในพื้นที่ ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นใน”เดือนรอมฎอน”…..

@ส่วน สถานการณ์ ในการ”พูดคุยสันติสุข” ที่ผ่านมาแล้วทุกรัฐบาลเป็นเวลา 13 ปี มีการ”พบปะพูดคุย” ระหว่าง” คณะพูดคุย”ของ”รัฐไทย” กับ”บีอาร์เอ็น” แบบ”ลุ่มๆดอนๆ” ผ่านมา 13 ปี เพิ่งจะมีการร่างแผน”การแก้ปัญหาความมาสงบแบบองค์รวม” ( JCPP ) สำเร็จ ในครั้งที่ “พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ “ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯ และมีการนำ เสนอแผน (JCPP ) โดย “ฉัตรชัย บางชวด” หัวหน้าคณะพูดคุยฯฝ่ายไทย กับ “หิพนี มะเระ” หัวหน้าพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และมีการ”พูดคุย”ระหว่าง”ประธานฝ่ายเทคนิค” ของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 7-8 มีนาคม2567…..แม้ “ฉัตรชัย บางชวด” หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทย จะออกมา”อ้อมแอ้ม” ว่า “บรรยากาศการพูดคุย” เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ทุกฝ่ายก็รู้ว่า “บีอาร์เอ็น” ปฏิเสธแผน ( JCPP ) และยังขอเพิ่มพื้นที่ในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จาก 3 จังหวัด 4 อำเภอของ จ.สงขลา เป็น 3 จังหวัด และ 5 อำเภอของ จ.สงขลา นั้นคือมี  อ.สะเดา ผนวกเข้าไปด้วย จากเดิมที่มีเพียง 4 อำเภอ คือ จะนะ,เทพา,สะบ้าย้อย,นาทวี เป็นเพิ่ม สะเดา  และนอกจากนี้ยังขอให้มีการใช้”กฎหมายชารีอะห์” กับผู้ที่”ลักทรัพย์” โดยให้อยู่ในการ ตัดสินของ “ดาโต๊ะยุติธรรม” ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่”รัฐไทย” จะ ยินยอม ตามคำเรียกร้องของ”บีอาร์เอ็น” ดังนั้น 13 ปี ของ “เวทีการพูดคุย” ระหว่าง”รัฐไทย” กับ”บีอาร์เอ็น” ที่มี”รัฐบาลมาเลเซีย” เป็น”ผู้อำนวยความสะดวก” จึงน่าจะมีการ”ช้อยเก็บฉาก”   และต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และเชื่อว่าผู้ที่จะ”ตัดสินใจ” ในการ”เดินหน้า” ในเรื่องการ”พูดคุยสันติสุข” ว่าจะเดินตามเกมของบีอาร์เอ็น หรือจะเริ่มต้นการ”พูดคุยสันติสุข” ใหม่อีกครั้ง โดยอาจจะมี”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” กลุ่มอื่นๆ ที่พยายามมิให้”ตกขบวนรถไฟสันติภาพ” เข้าร่วมด้วย    อยู่ที่การ”ตัดสินใจ” ของผู้อยู่”หลังฉาก”ของ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” เพราะอย่าลืมว่าผู้ที่”ริเริ่ม” ในการ”เจรจาสันติภาพ” เกิดขึ้นในสมัยของ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์” แต่ผู้อยู่”เบื้องหลัง” ในการ”เจรจา” กับ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนทั้ง 4-5 กลุ่ม คือ”ใคร” ซึ่งเป็นนโยบายที่ “กองทัพ” ไม่เห็นด้วย

@หลังจากที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยึดอำนาจการปกครองจาก”รัฐบาลยิ่งลักษณ์” แม้จะมีการ”สานต่อ”ของ”โต๊ะการเจรจาสันติภาพ” แต่ก็มีการเปลี่ยนชื่อเป็น” การพูดคุยสันติสุข” และหนึ่งใน”คำสั่ง” ที่สำคัญยิ่งที่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี “สั่งการ” ผ่าน”กองทัพ”คือ “ห้ามมิให้มีการลงนามใดๆกับขบวนการบีอาร์เอ็น” อย่าง”เด็ดขาด” นั้นคือ สาเหตุที่”การพูดคุยฯ” ผ่านไปถึง 9 ปี โดยไม่มีการ”ลงนาม” กับ”ขบวนการบีอาร์เอ็น” แต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อ “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) ถูกแต่งตั้งโดย”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่”หัวหน้าคณะพูดคุย” จึง”คาดหวัง” ที่จะสร้างผลงานชิ้น”โบว์แดง” ด้วยการ”ลงนาม” ร่วมกับ”บีอาร์เอ็น”ตามแผน ( JCPP ) ในสมัยของ “รัฐบาลพลเรือน” แต่ สุดท้ายแผน (JCPP ) ก็ถูก”เท” โดย “บีอาร์เอ็น” ที่ผ่านความเห็นชอบจาก”รัฐบาลมาเลเซีย” ดังนั้นการ”เจรจา”หรือ”พูดคุย” ครั้งต่อไปจะมีความ”สำเร็จ” และ”เดินหน้า” ไปได้หรือไม่จึงไม่ได้อยู่กับ”บีอาร์เอ็น” แต่ขึ้นอยู่กับ”รัฐบาลมาเลเซีย” และนี้คือ ประเด็น สำคัญที่ “กองทัพ”รู้ แต่”รัฐบาล”ของ”เศรษฐา ทวีสิน” ไม่รู้  แต่ต้องทำตามความต้องการของ”กองทัพ”คือ “พูดคุย”ได้ แต่”ลงนาม” ไม่ได้ เพราะการ”ไม่ลงนาม” ไม่รับ”เงื่อนไข” ของ”บีอาร์เอ็น” คือความ”ปลอดภัย” ของ”แผ่นดินปลายด้ามขวาน”……เพราะเป็นที่รู้กันว่า”ปีกทางการเมือง” ที่ “ปฏิบัติการอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการกำหนดแผนการจัดตั้ง” นครรัฐปัตตานี”ไว้แล้ว เพื่อการ”บีบ” ให้”รัฐบาล”ยอมรับ”เงื่อนไข”ของ” การปกครองตนเอง” หรือการเป็น”เขตปกครองพิเศษ” แทนการ “แบ่งแยกดินแดน” ที่ “บีอาร์เอ็น” รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้   ทั้งหมดคือ”เกมกล”ของ”บีอาร์เอ็น” ที่มีต่อพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการแบ่งแยกดินแดนด้วยการ สถาปนาปัตตานีดารุสสลาม มาเป็น  เขตปกครองตนเอง หรือ เขตปกครองพิเศษ ที่ชื่อว่า”นครรัฐปัตตานี” นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยมี”กลุ่มการเมือง” บางกลุ่ม เห็นด้วย และให้การสนับสนุน ถ้าอยากเห็นอะไรดีๆ ให้จับตามการการ”อภิปราย” การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ใน สภาผู้แทนราษฎร ก็จะพบเห็นถึงความเป็นจริง……แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

——————————————————–

ไชยยงค์ มณีพิลึก

บำรุงขวัญ.    อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี -รัฐมนตรีมหาดไทย ตรวจราชการ จ.ปัตตานี ประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ สมาชิกอาสารักษาดินแดน โดยมี พาตีเมาะ สะดียามู ผวจ. ปัตตานี ให้การต้อนรับ

ผู้ประกอบการรุ่นใหม่.   พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พบปะหารือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ร้านอาหารอาวลี่ คาเฟ่ อ.เมือง จ.ปัตตานี

พัฒนาสัมพันธ์.    พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ. กอ.รมน.ภาค 4  ปิดการอบรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 4 ( พสบ.ทภ  4 ) รุ่นที่ 19  จัดโดยโรงเรียนกิจการพลเรือนทหารบกและมอบวุฒิบัตร ผู้อบรม.ณ โรงแรมสยามออเรียลทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สิริเวชยาน.    นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผช.เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการบริการสาธารณสุขเชิงรุกผ่านรถโมบายเคลื่อนที่ “สิริเวชยาน” ณ ศูนย์ศึกษาพิเศษ จ.นราธิวาส

มอบปัจจัย.  พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)มอบปัจจัยละศีลอดแก่ครัวเรือนยากจน และผู้ต้องขัง ใน จ.สตูล – สงขลา – และ หนุนเสริม ประชาชน ปฏิบัติศาสนากิจในเดือนรอมฎอน

กลุ่มเปราะบาง.   นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต. )เป็นประธานในพิธี กิจกรรมสายใจ สู่สายตา โดยมี ปฏิพัทธ์ มะลิสุวรรณ ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ณ ห้องประชุมชั้น 2 ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา

มอบวุฒิบัตร.  โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่นักเรียน ประจำปีการศึกษา 2566 โดยมี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีบำรุง คณะครู และผู้ปกครอง ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมแสดงความยินดีกับเด็กนักเรียนที่สำเร็จการ ณ ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนอนุบาลศรีบำรุง  ถนนเทศบาล 3 อ.เมือง จ.ยะลา

ต้อนรับ.   พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 /รอง ผบ.ศปก.ตร.สน. และ พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผบก.สส.จชต พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ พอล ฮอปกินส์ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโส AFP สำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย กรุงเทพฯ เดินทางมาเยือน ศปก.ตร.สน. จว.ยะลา และขอเข้าเยี่ยมคารวะ ผบช.ภ.9/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.(1) ห้องรับรองชั้น 1 อาคาร สปก. ตร.สน.อ.เมือง จ.ยะลา

ปฐมนิเทศ.   จิระวิทย์ แซ่เจ็ง ประธานผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนฯจังหวัดยะลา ทำหน้าที่กล่าวรายงานต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยะลาในการฝึกอบรมหลักสูตรปฐมนิเทศผู้พิพากษาสมทบรุ่นที่ 7 ณ โรงแรม ลากูน่า อ.เมือง จ.สงขลา

มอบอินทผาลัม.  อมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง จังหวัดยะลา พร้อมด้วย จะเร  ตุ้งแก้ว ปลัดอำเภอ / สภ.ยะรม / ฉก.ตชด. 444/ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลยะรม ลงพื้นที่มอบอินทผลัมให้กับผู้นำศาสนา  ณ พื้นที่ ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา

รอมฎอนสัมพันธ์.   มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เป็นประธานในกิจกรรมรอมฎอนสัมพันธ์ ละศีลอดแรกของเดือนรอมฎอน ฮ.ศ.1445 ร่วมกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ณ มัสยิดมานารอตุลฮูดา กำปงบูเกะ ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา

เงินอุดหนุน.  โสพิญฐ์  สุวรรณหงส์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดตรัง มอบหมายให้  จิรพา  เรนเรือง นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ  หัวหน้าหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  มอบเงินอุดหนุน กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  ให้แก่ศูนย์พัฒนาครอบครัว ในชุมชน  ต.ตะเสะ อ. หาดสำราญ จ.ตรัง  เป็นเงิน 33,700 บาท (สามหมื่นสามพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)

ถอดบทเรียน.     ณ ห้องประชุมเทศบาลนครตรัง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ชนิดา ณ ตะกั่วป่า และ เขมจิรา สาลีผล วิทยากรนำ ถอดบทเรียนสรุป ผลการดำเนินงานจากการลงพื้นที่ ช่วยกันสร้างการป้องกัน แนวทางการการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อในผู้สูงอายุ ตามกิจกรรมที่ชุมชนต้องการ เพื่อสนองนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ภายใต้โครงการสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกและสร้างการมีส่วนร่วมแกนนำเครือข่ายเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อและเฝ้าระวังสื่อใน 5 ภูมิภาค มีผู้นำชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม จำนวน 30 คน

ร่วมวางแผน.  ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ปลูกแตงโม เกาะสุกร หมู่ที่ 2 ต.เกาะสุกร  อ.ปะเหลียน จ.ตรัง วิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์  รอง ผวจ.ตรัง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจเกษตรกร และร่วมวางแผนการกระจายผลผลิตแตงโมเกาะสุกรมาตรฐาน GAP โดยมี  กิตติยา  สุปันตี  เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง พร้อมด้วย ปลัดอำเภอปะเหลียน  เกษตรอำเภอปะเหลียน  ผู้แทนจากศูนย์วิจัย ร่วมงาน

น้ำมันเถื่อน.   พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก 3 บก.สส.ภ.9 หัวหน้าชุด ชปส.ภ.9.นำกำลังจับกุม ขบวนการลักลอบนำเข้าน้ำมันหลบหนีภาษี ยึดรถบรรทุกนำมัน 3 คัน พร้อมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 3 คน ที่ ด่านศุลกากร อ.สะเดา จ.สงขลา