หากยังไม่นำมาซึ่งการปลดล็อก ที่เกาหลีเหนือต้องการอย่างยิ่ง เพื่อให้หลุดพ้นจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเสียก่อน นอกจากนั้น นโยบายการทูตนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ ยังตกลงกันไม่ได้ในประเด็นผ่อนคลายการคว่ำบาตร นำโดยสหรัฐกับเกาหลีเหนือ แลกกับการเคลื่อนไหวเพื่อปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

นักวิเคราะห์มองว่า เกาหลีเหนือพยายามใช้ความปรารถนาแรงกล้าของผู้นำเกาหลีใต้ ที่ต้องการให้มีปฏิสัมพันธ์สองเกาหลี กดดันเกาหลีใต้ให้หลุดออกมา จากการยอมอ่อนข้อให้กับรัฐบาลสหรัฐ

สงครามเกาหลี 1950-53 (พ.ศ.2493-96) ซึ่งเกาหลีเหนือและพันธมิตรอย่างจีนได้เผชิญหน้ากับเกาหลีใต้ และกองกำลังสหประชาชาตินำโดยสหรัฐ จบลงด้วยสนธิสัญญาสงบศึก แต่ไม่เคยเกิดสนธิสัญญาสันติภาพ

Arirang News

ในคำแถลงของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาตินั้น เขาเรียกร้องให้ประกาศยุติสงครามเกาหลี เนื่องจากหวังว่าจะช่วยรื้อฟื้นการเจรจาขึ้นมาโดยเร็ว ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ แล้วการประกาศยุติสงครามจากผู้นำสองเกาหลี สหรัฐ และจีนจะช่วยให้บังเกิดเขตปลอดนิวเคลียร์ และสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี

ข้อเสนอของประธานาธิบดีมุน จึงเป็นความพยายามที่จะกำจัดข้อชะงักงันที่ยังคั่งค้างอยู่ เพราะเขากำลังจะต้องหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนพ.ค. ปีหน้า และตอนแรกเกาหลีเหนือก็เห็นด้วย กับข้อเรียกร้องการประกาศยุติสงคราม เพราะเกาหลีใต้ได้ช่วยจัดการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเมื่อปี 2561 ซึ่งผู้นำเกาหลีเหนือพยายามใช้โครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ มาคานอำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

และการประกาศยุติสงครามเกาหลี ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ให้กับเกาหลีเหนือ สามารถที่จะเรียกร้องให้สหรัฐถอนกำลังทหาร 28,500 นาย ออกจากเกาหลีใต้และผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร

แต่เกาหลีเหนือหมดความสนใจในความคิดดังกล่าวแล้ว หลังการเจรจาระหว่างผู้นำคิมกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ล้มเหลวในการพบกันครั้งที่สองเมื่อเดือนก.พ. 2562 แล้วรัฐบาลสหรัฐยังไม่เห็นด้วย กับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพื่อแลกกับการทำลายที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

นอกจากนั้น น.ส.คิม โย-จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ และนายรี แท-ซง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือ ยังออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อเสนอของผู้นำเกาหลีใต้ โดยคำแถลงของน้องสาวผู้นำคิมนั้น ระบุโดยตรงไปถึงประธานาธิบดีมุน และของรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือ มุ่งไปที่รัฐบาลสหรัฐชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ก็สื่อออกมาบนแนวทางเดียวกันคือ เกาหลีเหนือไม่สนใจที่จะยุติการประกาศสงครามเกาหลี จนกว่ารัฐบาลสหรัฐจะยุตินโยบายความเป็นศัตรูก่อน ซึ่งนั่นหมายถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจนำโดยสหรัฐ และกิจกรรมทางทหาร คือการซ้อมรบกับพันธมิตรเกาหลีใต้

Arirang News

รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือบอกว่า การยุติสงครามยังไม่ถึงเวลา เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า สหรัฐยังพยายามเสริมกำลังทหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเกาหลีเหนือเห็นสมควร ที่จะต้องขยายอำนาจในโครงการนิวเคลียร์ กับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือต่อไป

ส่วนน้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งรับผิดชอบความสัมพันธ์สองเกาหลีนั้น ได้ใช้ภาษาที่นุ่มนวลกับเกาหลีใต้ บอกว่า เกาหลีเหนือจะรื้อฟื้นการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ในเรื่องการปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคี หากเกาหลีใต้ยกเลิกความเป็นศัตรู และการตกลงสองมาตรฐาน นั่นคือเกาหลีใต้จะต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อเกลี้ยกล่อมให้สหรัฐเสนอการปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อรื้อฟื้นการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร หรือ ระงับการร่วมซ้อมรบสหรัฐกับเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่า เป็นการซ้อมรบเพื่อเตรียมรุกราน

เกาหลีเหนือจะพิจารณาประชุมสุดยอดร่วมกันอีกครั้งระหว่างสองเกาหลี หากได้รับการแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย เธอเองก็รู้สึกได้ว่าประชาชนในเกาหลีใต้ปรารถนาที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์สองเกาหลี ให้หลุดพ้นจากความล้มเหลว ในการแก้ไขความขัดแย้งและบรรลุถึงสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเกาหลีเหนือก็ปรารถนาเช่นกัน.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP