กลับมามีคิวต่อเดินสายตะลุยเหนือ โดยเริ่มจาก จ.เชียงใหม่ ตามด้วย จ.เชียงราย 15-17 มี.ค.ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ อย่างเป็นทางการ(ครม.สัญจร )วันที่ 18-19 มี.ค. ที่จังหวัดพะเยา ลงพื้นที่ น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน โชว์ภาพนายกฯคนขยัน
แต่ผลงานยังไม่ปังแถมโดนกลบด้วยวาระร้อนการเมือง อย่างเกมร้อน เกมร้าย ดีลลับ ดีลเลิฟ ผุดขึ้นมารัวๆ
อย่างที่เขาลือกันให้แซดทั้งวงการ คือ ภารกิจการพาอดีตนายกฯหญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับบ้านอย่างสวยๆ แบบพี่ชายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กลับเข้าประเทศแบบเท่ห์ๆ
ฟากกลุ่มจ้องแซะพากันสะกิดให้ จับตาดูจะมี เกณฑ์ลอดช่องกฎหมายกันอย่างไร ที่แน่ๆหลายคนฟันธง คงใช้โมเดลเดียวกันกับพี่ชาย “ทักษิณ” กลับมารับโทษแบบไม่ติดคุกสักวันเดียว หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้อง อดีตนายกฯปู “ยิ่งลักษณ์” กับพวกรวม 6 คน คดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย ชี้ชัดไม่พบเจตนาเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชน อดีตนายกฯอนุมัติงบฯกลาง 40 ล้าน บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่มีขณะนั้น
งานนี้ทีมพรรคพรรคเพื่อไทยออกตัวเชียร์ ว่า คดีนายกปูเบาสุด นอกจากเป็นการตัดสินโดยความไม่ยุติธรรมแล้วจะต้องคืนความยุติธรรมให้ ส่วนคดีจำนำข้าวเป็นแค่การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ท่ามกลางกลุ่มก๊วนที่ถูกตัดสินโทษและต้องนอนคุกกันไปอย่าง บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ ภูมิ สารผล อดีตรมช.พาณิชย์เป็นต้น
ส่วนฝ่ายค้านอย่าง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ออกมาเตือนว่า ถ้า “ยิ่งลักษณ์”ใช้โมเดล พี่ชาย“ทักษิณ”ก็ต้องเกรงใจประชาชนกันบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นฟางเส้นสุดท้าย เกิดวิกฤตซ้ำรอย “นิรโทษกรรมสุดซอย” ลั่นใครมีคดีต้องกลับมารับโทษ
ส่วนสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก็ออกมาตอกตะปูปิด ฝาโลง บอก “ยิ่งลักษณ์” ไม่เข้าเกณฑ์ข้อกฎหมาย ทั้งอายุไม่เข้าเกณฑ์ เพราะยังไม่ถึง70 ปี อีกทั้งไม่ได้เป็นโรคร้าย ดูจากที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศก็ยังแข็งแรงดี เดินทางไปมาหลายประเทศได้ และวันก่อนยังเห็น “ยิ่งลักษณ์” ไปชิมอาหารที่ประเทศสิงคโปร์ ยังเริงร่า เพราะฉะนั้นการกลับมาพักชั้น 14 ตามรอย “ทักษิณ” จะทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม คนกระบวนการที่ทำต้องรอรับวิบากกรรมที่จะตามมา
ขณะที่ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายตรงยินดีกับ “อาปู ยิ่งลักษณ์” พร้อมเผย “ทักษิณ” เปรยอยากออกไปไหว้บรรพบุรุษที่เชียงใหม่ ดีเดย์วันที่ 14 มี.ค.นี้
ล่าสุดมีกรมประพฤติไฟเขียวให้ “ทักษิณ” ออกนอกบ้านจันทร์ส่องหล้าได้ โดยยื่นเรื่องขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติที่ผู้พักโทษยื่นขอเดินทางได้ ตามที่พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และโฆษกกรมคุมประพฤติ ออกมาชี้ ว่า การพิจารณาก็ต้องดูว่า การขอออกนอกจังหวัดเป็นเหตุจำเป็น หรือสามารถเป็นเหตุช่วยเหลือเยียวยาในการกลับตัวเป็นคนดี ก็ขอไปต่างจังหวัดได้ เพียงแค่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ถ้าไปไม่หลายวัน และเพื่อทำให้สภาพจิตใจและเพื่อการรักษาตัวที่ดีขึ้น ก็ใช้ดุลยพินิจอนุญาตได้ เพราะไม่ได้ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ถือเป็นการขอเคลื่อนย้ายพื้นที่ชั่วคราว แต่หากต้องการย้ายที่อยู่ ก็ต้องแจ้งผู้อุปการะ ประสานเจ้าหน้าที่คุมประพฤติต้องไปตรวจบ้านพักที่จะพักอาศัยระหว่างพักโทษ เงื่อนไขก็เป็นตามเดิมที่คณะกรรมการพักโทษกำหนด ให้ทำหรือไม่ให้ทำในสิ่งใด
ถือเป็นมหาดีลที่ระดับซุปเปอร์วีไอพี ที่ต้องจับตา หากข้ามเส้นก็จะพาประเทศออกจากวิกฤตความขัดแย้งไม่ได้เพราะอย่าลืมว่า เวทีสภาผู้แทนราษฏร ก่อนปิดสมัยประชุม ยังมีเวทีร้อนรับมีดรอต้อนรับอยู่ ถือเป็นอีกหนึ่งเกมร้ายของการเมืองไทย กับฉากละครของมหาดีล
โดยเฉพาะหน้าที่ของฝ่ายค้านพรรคก้าวไกล ที่เล่นเกมร้ายออกชกไม่เต็มหมัด ประหนึ่งฉากละครเลย เลยทำให้หลายคน คาดว่าเกมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 152 แบบไม่ลงมติในสภาผู้แทนราษฏร ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเพิ่งมีมติยื่นอภิปรายแบบไม่ลงมติ จะกลายเป็นเรื่องของการจั่วลมเสียมากกว่า
แม้ โจทย์ร้อน ที่ฝ่ายค้านกางออกมา ดูน่าจะเกรงขาม โดยจั่วหัวไว้ว่า ตอนนี้รัฐบาลชุดใหม่ได้บริหารประเทศมาเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่พบว่าไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตนเอง ไม่มีการขับเคลื่อนนโยบาย และการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เร่งด่วนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น นโยบายเป็นดิจิทัลวอล์เล็ต 1 หมื่นบาท ค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ และเงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ทั้งหมดที่รัฐบาลพูดมาก็คงเป็นได้แค่ทำโฆษณาชวนเชื่อ เหมือนหนังขายยา แต่สรรพคุณไม่ได้ตามที่บอก โฆษณาเกินจริง
อีกทั้งปล่อยประละเลย ให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกประเทศ เอารัดเอาเปรียบประชาชน ปล่อยให้ข้าราชการมีการเรียกรับผลประโยชน์ รีดไถประชาชน หลักนิติธรรมถูกทำลาย เลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม บริหารประเทศอย่างไร้จริยธรรม ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ และไร้วุฒิภาวะ
ดูเกมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลเล่นเกมร้อน ปลุกเกมเดือดในสภาผู้แทนราษฏรเป็นระยะ บวกกับเกมรุกที่ หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร บุกทำเนียบรัฐบาล จนมีนักร้องให้กกต.ตรวจสอบการถึงทำหน้าที่ของ “หมออ๋อง” ไม่เหมาะสมต้องปลดออก เพราะเข้าข่ายกระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายบริหาร
ก่อนหน้านี้เกมของพรรคก้าวไกลได้ผันตัวเองจากสนามใหญ่ โดยมี “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ออกไปสู้ศึกตีกินสนามเล็ก ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หวังโกยแต้มประกาศจะชนะทั่วประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคเนื้อหอม โดยมีบ้านใหญ่หลายจังหวัดขอเข้าร่วมสวมเสื้อสีส้ม ทั้งที่พรรคก้าวไกลก็รู้ว่า ตัวเองมีบ่วงคดียุบพรรค รัวรัวรออยู่ข้างหน้า กรณีผลพวงจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า พฤติการณ์ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ แต่พรรคนี้ก็ยังคงเนื้อยังหอม บ้านใหญ่วิ่งเข้าหากันอย่างคึกคัก
แต่งานนี้จึงต้องจับตาดูลีลาประชาธิปัตย์ ที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นพรรคอะไหล่ จ้องเสียบเข้าร่วมรัฐบาล พรรคนี้กลางโจทย์เรื่องกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐานพุ่งเป้าฟาด ไปยัง 2 พี่น้องตระกูลชิน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” และเจ้าหน้าที่ ในกระบวนการยุติธรรมต้องดูว่า จะเป็นเกมร้อน เกมร้ายหรือ ดีลลับ ดีลลวงอะไรหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีไทม์ไลน์ สภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระสองสาม และต่อจากนี้ก็เป็นคิว การอภิปรายฯของวุฒิสภารออยู่
การเมืองช่วงนี้ต้องจับตาเพราะมีวาระร้อนๆ รอเสริฟ ใครไม่ระวังพลาดพลั้งสะดุดตอหรือเผลอซดยาพิษ เจอกลไกของบ่วงกรรมเล่นงานอย่างแน่นอน.