@ปิดฉากไปแล้วตามความคาดหมายใน กรณีของ”นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นอนรักษาอาการป่วยที่ รพ.ตำรวจ ครบถ้วนตามกฎหมายของการ”จำคุก” และได้รับการ”พักโทษ” กลับไปอยู่”บ้านจันทร์ส่องหล้า” หลังจาก”นิราศร้าง”บ้านเกิดเมืองนอน ถึง 17 ปี ส่วนจะมีความสุขกับการ”อุ้มหลาน” หรือจะเป็น”ผู้กำกับการเมือง” ของ”พรรคเพื่อไทย” เพื่อเป็น”นายกเงา” อย่างที่ สังคมตั้งข้อสงสัย หรือไม่ ประการใด เดี๋ยวก็รู้ เพราะ วันเวลา จะเป็นเครื่องพิสูจน์ และที่สำคัญ” วัน เวลา”หลอกลวงใครไม่เป็น….สถานการณ์ของ”ประเทศไทย” และของ”รัฐบาล” ที่นำโดย”นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน ต่างหากที่ คนไทย น่าจะให้ความสนใจให้มากกว่าเรื่องของ”นายทักษิณ ชินวัตร” เพราะ วันนี้ ประเทศไทย อยู่ใน สภาวะ”ป่วยไข้” ทาง”เศรษฐกิจ” เพราะ หลายๆ นโยบายของ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” ตั้งแต่เรื่อง”พักหนี้เกษตรกร” เรื่องการจัดการกับ”หนี้นอกระบบ” เรื่องการแก้ปัญหา”พลังงาน” เรื่องการลด”ค่าน้ำ-ค่าไฟ”  เรื่อง”ฟรีวีซ่า” และอีก” จิปาถะ” ยังไม่สามารถที่จะ”ตอบโจทย์” การแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ-ปากท้อง” และ”ความยากจน” ของคนส่วนใหญ่ใน”แผ่นดิน” เพราะตราบใดที่ “สินค้าแพง-ค่าแรงถูก” และ”เงินเดือน”ของ”มนุษย์เงินเดือน” ยังไม่มีการ”ขยับปรับเปลี่ยน” เรื่องที่จะเห็น”เศรษฐกิจพื้นตัว” และ”เงินเฟ้อลดลง” คงจะไม่สำเร็จ”…..

@เห็นนะ ว่า”นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน ทำงานอย่างไม่”เหน็ดเหนื่อย” อย่างที่ประกาศไว้ แต่การ ทำงานมาก ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้เกิดความ”สำเร็จ” ในการแก้ปัญหา ถ้าการ”ขับเคลื่อน” ที่เกิดขึ้นยัง”ไม่ตอบโจทย์” อย่างเรื่อง”ฝุ่นพีเอ็ม 2.5” ที่ สั่งการให้ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์  ซึ่งวันนี้สิ่งที่เห็นคือการ”ระดมเครื่องมือในการฉีดน้ำดับไฟ” นี่เป็นเรื่องของ”ปลายเหตุ” ที่ต้อง “สูญเสียงบประมาณ” และ”กำลังพล” ในการ”ปฏิบัติการดับไฟ”เพราะ”ต้นเหตุ”อยู่ที่การ”จุดไฟ” ที่”ผู้ว่าราชการจังหวัด,นายอำเภอ,” และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง”เอาจริง” กับคนที่”จุดไฟ” ไม่ว่าจะเป็น”เกษตรกร” หรือ”บุคคลอื่นๆ” ถ้าทำความเข้าใจแบบที่”ไม่ยอมเข้าใจ” สุดท้ายก็ต้อง”บังคับใช้กฎหมาย” เพื่อการแก้ปัญหาและการ”ยุติ”ปัญหา…..วันนี้เรื่อง”เงินดิจิตัลวอลเล็ต” คงจะลดความ”ร้อนแรง”ลดเพราะ”ท่าที่ของ”นายกนิด” และ”เพื่อไทย” ยอมที่จะรับฟัง”ความเห็นต่าง” ที่เกิดขึ้นจาก”กฤษฎีกา,ปปช. “และ”ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” และให้มีการ”ศึกษารายละเอียด” อีกครั้งในกรอบเวลา 1 เดือน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะ”ยกเลิก” หรือประกาศ”ไอ้เสือถอย” แต่เป็นการ”ตั้งหลัก” เพื่อการ”ซื้อเวลา” และหาวิธีการในการ”ลุยไฟ” เพื่อ”ขับเคลื่อน” โครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ด้วยการ”กู้เงิน 500,000 บาท เพื่อ”แจก” ให้ประชาชน

@เรื่องนี้”หัวเด็ดตีนขาด” ถ้าไม่มี”คำสั่ง” จาก”ผู้มีอำนาจ”ที่แท้จริงใน”เพื่อไทย” จะไม่มี”ทางถอย”…..ง่ายๆ…..เพราะ รัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้มี”แผนสอง” หรือ”แผนสำรอง” ในการ”ฟื้นคืนเศรษฐกิจ” ของประเทศในรูปแบบอื่นๆ มีเพียงแผนเดียวคือ”แจกเงิน” ตามโครงการ”ดิจิตัลวอลเลต” เท่านั้น เพราะแผนนี้เป็นการ”ยิงปืนนัดเดียว” แต่”ได้นกสองตัว” หนึ่งคือการ”ฟื้นเศรษฐกิจ” ตามระบบคิดของ”กูรูเศรษฐกิจ” ของ”เพื่อไทย” และ 2 คือได้”การเมือง” คือ”คะแนนเสียง” จากการ”แจกเงิน”ให้ประชาชน…..ก็คอยดูต่อไป เพราะ”เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง” คงจะ”สำเหนียก”ได้ถึง”บทเรียน”ของโครงการ”จำนำข้าว” ในสมัยของรัฐบาล”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ก่อนจะมีการ”ขับเคลื่อนโครงการ” ก็มีเสียง”ติเตือน” อย่างนี้เกิดขึ้น แต่”รัฐบาลไม่ฟัง” สุดท้ายจึงเกิดการ”ทุจริต” และผลพวงในครั้งนี้” อดีตรัฐมนตรี” และ”บุคคล” ที่เกี่ยวข้อง วันนี้ยังต้อง”ชดใช้ความผิด” อยู่ใน”เรือนจำ” บทเรียนของความ”ดื้อรั้น” มีมาแล้ว และผลแห่งความ”ดื้อรั้น” ก็”ประจักษ์ชัด จึงอยู่ที่”เพื่อไทย” จะตัดสินใจ”ลุยไฟ” หรือไม่เท่านั้น…..

@ที่สำคัญ วันนี้ ชาวบ้านอย่าง เราๆ ท่านๆ ไม่รู้ว่าจะ ฟังใคร และ เชื่อใคร เพราะ ล่าสุด “เลขาธิการ “สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช ) ก็ออกมา ให้ข้อมูล ว่า เศรษฐกิจของไทย”ไตรมาศที่ 4” ยัง”ดิ่งเหว” โตเพียง 1.7 % เท่านั้น ในขณะที่ปีที่ผ่านมาโต. 1.9%  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โต กว่าปีนี้ ทั้งที่มีเรื่องของ”โควิด 19 “   ที่สำคัญ “สภาพัฒน์ฯ” คาดการว่า ปี 2567 เศรษฐกิจไทย จะโตไม่เกิน 2.2. หรือ เต็มที่อยู่ที่ 3.2%  เท่านั้น ถ้าเชื่อตัวเลข และการคาดการณ์ของ”สภาพัฒน์ฯ” นั้นหมายถึง “วิกฤตเศรษฐกิจ” ที่ต้องใช้”ยาแรง” และ”เร่งด่วน” ในการแก้ไข แต่ถ้าพังจาก” “แบ็งค์ชาติ” ,ปปช.” เศรษฐกิจ ก็ยังไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้อง”กระตุ้นด้วยยาแรง” และ”ไม่ต้อง”ลดดอกเบี้ยเงินกู้” สรุป ใครจะบอกได้ว่า สถานการณ์ของ”เศรษฐกิจไทย” เป็นอย่างไร  ใครเป็นของเท็จ ใครเป็นของจริง คนไทยเป็นงง นะ…..

@วันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ นี้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็จะมีปรากฏการณ์ “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” เกิดขึ้น ณ “แผ่นดินปลายด้ามขวาน” เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จะ นำคณะเดินทาง”ตรวจราชการ” ใน จังหวัดปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส” แบบ”แรมคืน” ตามแบบอย่างที่”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต นายกรัฐมนตรี เคย ปฏิบัติ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  นัยว่าเพื่อที่จะมาดู”ของจริง” ทั้งเรื่อง”ปากท้อง,เรื่อง”เศรษฐกิจ” การค้า การลงทุน และการ”พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” รวมทั้งเรื่องของ”ความมั่นคง” ในพื้นที่ นี่เป็นเรื่อง”ที่ดี” และเป็น”ข่าวดี” สำหรับ ประชาชนในสามจังหวัด…..หวั่นก็แต่ว่า สิ่งที่”นายกนิด” จะได้แต่”ยาหอม”  จาก”มวลชนจัดตั้ง” ที่ถูกเกณฑ์ไปต้อนรับ และได้”ข้อมูล” ในด้านที่”ดูดี” จาก”หน่วยงานภาครัฐ คล้ายๆกับ”อดีตนายกรัฐมนตรี” หลายท่านที่ผ่านมา ที่สุดท้ายแล้ว การลงพื้นที่”เข้าไม่ถึงข้อเท็จจริง” และปัญหาที่แท้จริง แบบที่เรียกว่าเห็นเพียง”กระพี้” แต่ไม่เห็น”แก่นแกน”ของปัญหาของข้อเท็จจริง” สุดท้ายเป็นเรื่อง”เสียของ” และ”เสียเวลา” รวมทั้งสร้างปัญหาให้กับ” เจ้าหน้าที่” ในการ”รักษาความปลอดภัย” ให้กับ”คณะของนายกรัฐมนตรี” ก็”ติติง” กันไว้ เพื่อจะให้การเดินทางมา”ค้างแรม” ณ แผ่นดิน”ปลายด้ามขวาน” ของ”นายกรัฐมนตรี และคณะ จะไม่”เสียของ” ได้รับรู้”ของจริง” เพื่อนำไปแก้ไขให้เป็นไปแบบ”ถูกทิศถูกทาง”.….

@ส่วน สถานการณ์ความไม่สงบของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ก่อนที่”นายกรัฐมนตรี” จะเดินทางมาเยือนนั้น มีความ”ดุเดือดเลือดพล่าน” ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา “ทหาร,ตำรวจ” อาสาสมัคร” ในพื้นที่ ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส” ต้องใช้ชีวิต”สังเวย” คมกระสุน และ”ระเบิดแสวงเครื่อง”ไปแล้วกว่า 10 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง  รวมความแล้ว สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” อยู่ในอาการที่เรียกว่า”เอาไม่อยู่” 1 ป้องกันการก่อเหตุไม่เป็นผลสำเร็จ” 2 หลังการก่อเหตุ”จับกุมคนร้ายไม่ได้” เมื่อ 2 เรื่องนี้ทำไม่สำเร็จ เรื่องที่ 3 และที่ 4 ก็ไม่ต้องเขียนถึง…..ที่สำคัญ ก่อนที่จะถึงวันที่ 27-29 ที่”นายกนิด” จะนำ”รัฐมนตรี” หลายกระทรวงมา”ค้างแรม” ในพื้นที่ 3 จังหวัด สถานการณ์ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นขนาดไหน เพราะ”บีอาร์เอ็น” ต้องการ”แสดงตัวตน”ให้”รัฐบาล”ได้รับรู้ และต้องการใช้”ความรุนแรง” ในการ”ควบคุมมวลชน” ให้เกิดความกลัว  เพื่อให้”มวลชน” ที่ไม่ใช่ของ”บีอาร์เอ็น” ทำตัวเป็น”จ่าเฉย” ไม่ให้ความร่วมมือกับ”เจ้าหน้าที่รัฐ” …..รวมทั้งเป็นการใช้”ความรุนแรง” ด้วยการ”ก่อเหตุร้าย” ในพื้นที่ เพื่อเป็นการ”กดดัน” คณะการ”พูดคุยสันติสุข” ของ”รัฐบาล” ให้ยอมรับ”เงื่อนไข” ที่”คณะพูดคุยด้านเทคนิค”ของทั้งสองฝ่ายจะมีการ”พบปะพูดคุย”กัน ในต้นเดือน มีนาคม ที่จะถึงนี้   ทั้งหมดเป็น”ปฏิบัติการ” แบบเดิมๆของ”บีอาร์เอ็น” ที่ไม่มีอะไรใหม่ เพียงแต่ที่เรา”เอาไม่อยู่” เพราะ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ไม่มี”ยุทธวิธี” และ”ยุทธศาสตร์” ที่”ทันสมัย”  ที่ใหม่กว่ายุทธวิธีของ”บีอาร์เอ็น” ต่างหาก…..

@ล่าสุดมีการ”ถอดหมุดรางรถไฟ” ในพื้นที่ “ต.คลองทราย” อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ถึง 108 ตัว แต่ โชคดี ที่ เจ้าหน้าที่ ตรวจเส้นทาง พบเห็นก่อนที่ ขบวนรถไฟมามาถึง นี่เป็นการ”ก่อวินาศกรรม” เพื่อให้”รถไฟตกราง” ซึ่งเป็นวิธีการ เก่าๆ เดิมๆ ที่ทำมากว่า 60 ปี แล้ว แต่ก็ยังทำอยู่ ทั้งที่การที่”รถไฟตกราง” ขบวนรถหยุดเดินรถ ผู้เดือดร้อน คือ ประชาชนแต่”บีอาร์เอ็น” สามารถ”ไอโอ” ให้คนในพื้นที่เห็นว่าเป็นความผิดของ”เจ้าหน้าที่รัฐ” ไปได้….. ก็ต้องติดตามดูว่า หลังการลงพื้นที่”ค้างแรม” ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ กลับไปยัง กรุงเทพมหานคร แล้ว “นายกนิด” จะมี”ไอเดีย” อะไร ในการแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ นี่ขนาดมี”ด่านตรวจ” มี”จุดสกัด” มากมาย มี”กฎหมายพิเศษ” ถึง 3 ฉบับ ซึ่ง”ภูมิภาค”อื่นๆ ไม่มีแต่ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยัง”เอาไม่อยู่” ถ้า”รัฐบาลนิดหนึ่ง” ทำตามข้อเสนอของ”กรรมาธิการสันติภาพ” ที่มี”จตุรนต์ ฉายแสง” เป็นประธาน ด้วยการ”ยุบ กอ.รมน.” ถอนทหาร ยกเลิก “กฎหมายพิเศษ” และ”ยกเลิกด่านตรวจ”จุดสกัด” สถานการณ์ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะ “เลวร้าย”และ”รุนแรง” ขนาดไหน…..

@เรื่องของการมี”ยาบ้า 5 เม็ด” คือการเป็น”ผู้เสพ”ซึ่งเป็น นโยบายในการแก้ปัญหา”ยาเสพติด” ของ”รัฐบาลเพื่อไทย” กลายเป็น”ดราม่า” ที่มีผู้คนในประเทศ “วิพากษ์วิจารณ์” กันมาก เหตุผลเพราะไม่เชื่อว่า “เจ้าหน้าที่” จะดำเนินการให้เป็นไปตามที่”เสนาบดีกระทรวงสาธารณสุข” นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว และ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “ผบ.ตร. ออกมา แถลง ถึงการ ปฏิบัติ ว่าทำได้จริง….ยกตัวอย่าง ตำรวจ”จับกุม” ผู้มียาบ้าในครอบครอง 5 เม็ด เจ้าตัวยอมรับว่าเป็น”ผู้เสพ” เมื่อส่งไป”บำบัด” ซึ่ง สถานบำบัดไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ส่งกลับพร้อม”จ่ายยา” ให้ไป”บำบัดที่บ้าน” เมื่อมาถึงบ้าน ใครจะเป็นผู้”ควบคุม” ดูแลการ”บำบัด” ยาที่ใช้”บำบัด” ถูก”โยนทิ้ง” และ”ผู้ป่วย” ก็กลับไป”เสพ” และ”เดินยา” ในหมู่บ้าน ด้วยวิธีการครอบครองทีละ 5 เม็ด …..ส่วนที่  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. และ”นายตำรวจใหญ่น้อย” ที่ออกมา”การันตี” ว่า การ”จับกุม” ดูที่”พฤติกรรม”มี”ยาบ้า” เพียง 1 เม็ด” ก็”เอาผิด”ได้ถ้ามี”พฤติกรรม” ว่าเป็น”ผู้ค้า” เรื่องนี้คือเรื่องที่”ประชาชน” ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า ตำรวจจะทำได้…..ทำอย่างไร ประชาชน จึงจะมีความ”เชื่อมั่น” วันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง “สาธารณสุข, มหาดไทย.และ ตำรวจ ที่เป็น หน่วยงานในพื้นที่ ต้องทำงาน”สื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ” ให้กับ”ประชาชน” อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ไม่มี หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ เพื่อ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน   ซึ่งการปล่อยให้”ประชาชน” เข้าใจผิด และนำเรื่องนี้ไป”ดราม่า” ไม่เป็นผลดีกับ”รัฐบาล” อย่างแน่นอน…..

@สังเกตุดู วันนี้เรื่อง”การเอาชนะยาเสพติด” กลายเป็นการ”ขับเคลื่อน”ของ”กระทรวงยุติธรรม”ที่มี “ พ.ต.อ.ทวี สองส่อง” รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เป็น”ด้านหลัก” ส่วน”มหาดไทย”และ”สาธารณสุข” เป็นเรื่องรองลงไป และ”ตำรวจ”ที่เป็นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดในการ”ปราบปราม” ยาเสพติด”รายย่อย” ในพื้นที่ตามมาเป็น”ลำดับสุดท้าย” โดยข้อเท็จจริง ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการ”ประสานมือกัน” และ”ก้าวไปด้วยกัน” มี”ข้อมูล” ที่เป็น”ชุดเดียวกัน” การแก้ปัญหาจึงจะไปด้วยกัน และนำไปสู่”ปลายทาง”แห่งความ”สำเร็จ”….วันนี้” กระทรวงยุติธรรม” ใช้ “ขบวนการเอาชนะยาเสพติด” ด้วยการอาศัย”กลไกภาคประชาชน” ในการ”จัดตั้งเครือข่าย” ใน หมู่บ้าน ตำบล เพื่อการ”เอาชนะยาเสพติด” ตามหลักการเอาชนะ”การก่อการร้าย” นั้นคือ”ชัยชนะต้องมาจากหมู่บ้าน” ซึ่งวันนี้” คณะทำงานของกระทรวงยุติธรรม” ที่มี “เสนาบดี” ผู้เดินทางอย่างไม่รู้จัก”เหน็ดเหนื่อย” อย่าง” พ.ต.อ.ทวี สองส่อง” เดินทางไปให้ นโยบาย และ “ยุทธศาสตร์” ในการ”เอาชนะยาเสพติด” โดย”ภาคประชาชน” ในทุกจังหวัดของประเทศ และ”เน้น” จุด”แตกหัก” ใน “ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่ “ปปส. “มี ข้อมูลว่า “ยาเสพติด” กว่าครึ่ง ที่ทะลักเข้าประเทศไทย จากชายแดน ภาคเหนือ ,อิสาน และภาคตะวันตก เดินทางมายัง “ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยเฉพาะ”ยาไอซ์” ที่ ใช้พื้นที่”ชายแดนไทย-มาเลเซีย” ในการ”ส่งออก” ไปยัง “ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งก็ต้อง”เกาะติด” สถานการณ์ของการ”ขับเคลื่อน” โดยภาคประชาชนว่า จะประสพความสำเร็จ หรือไม่ อย่างไร….

@ก็เคยบอกแล้วไงว่า “โพงพาง” ที่ทำไว้เพื่อการ”ดักเรือ” ที่ เจ้าของสร้าง”รุกล้ำร่องน้ำการเดินเรือ” ใน”ทะเลสาบสงขลา” เป็น”โพงพาง” ที่”มีเส้น” ไม่ใช่พวก”เกาเหลา” เพราะหลังจากที่”สมนึก พรมเขียว” ผวจ.สงขลา” ขีดเส้นตาย” ให้”เจ้าหน้าที่ภูมิภาคที่ 4 “ ดำเนินการ”รื้อถอน” ภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์  ปรากฏว่าในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็มีการสั่ง”ชะลอการรื้อถอน” ไว้ก่อน เพราะมี หนังสือจาก” เดชอิศม์ ขาวทอง” ( นายกชาย ) สส.เขต 5 และ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ขอทำหน้าที่เป็น”คนกลาง” เพื่อการ”หาทางออก” ระหว่าง” เจ้าของโพงพาง” กับ”เจ้าหน้าที่รัฐ”  ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ปัญหาของ”โพงพางดักเรือ” จะต้องอยู่คู่กับ” ทะเลสาบสงขลา” ต่อไปตราบ”นิรันดร์กาล” หรือไม่อย่างไร ก็ เห็นใจนะ สำหรับความ”ตั้งใจ” ที่จะแก้ปัญหา”โพงพาง” ที่”หมักหมม” มาเป็นเวลา 10 กว่าปี ของ”สมนึก พรหมเขียว” ผวจ.สงขลา ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น   ซึ่งเป็นทั้งเรื่อง”ผิดกฎหมาย” และเป็นที่”ทัศนอุจาด” ใน”ทะเลสาบสงขลา ที่สุดท้ายมี”ดิสเบรก” จาก”การเมือง” ให้ไปต่อไม่ได้  …..

@นี่ก็ความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพประมงสงขลา วันก่อน ดร.สุรเดช นิลอุบล นายกสมาคมประมงจังหวัดสงขลาพร้อมผู้ประกอบการประมง เข้าพบเพื่อยื่นหนังสือ”ร้องทุกข์ ร้องเรียน” ไปยัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ผ่าน “ สรรเพชญ บุญญามณี  สส.เขต 1 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ รัฐบาลเร่งกำเนินการเร่งซื้อเรือประมงคืน และแก้ปัญหา ราคาสัตว์น้ำตกต่ำ และ เร่งรัดให้ พรบ.ประมง ประกาศใช้โดยเร็ว เห็นหรือไม่ว่า วันนี้ ทุกอาชีพของคนไทย มีแต่ปัญหา ที่ต้องให้รัฐบาลแก้ไข….หลายวันที่ผ่านมา มีชื่อ “สองก๊ะ” ที่ โผล่ขึ้นมาเป็นข่าว ก๊ะแรกคืบหน้า คือ”ก๊ะดา”  ที่ถูก พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9 แถลงข่าวว่าเป็น ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ของ จ.นราธิวาส ซึ่ง ตำรวจ ติดตาม จับกุมผู้เป็น”ลูกสมุน” ได้ทั้ง “ยาบ้า” และ”ยาไอซ์” กว่า 200 กิโลกรัม ส่วน”ก๊ะดา” หลังเกิดเหตุ”ล่องหน”ไปแล้ว…..ในขณะที่”ชยพล สายทวี “ ผอ.ดีเอสไอ ภาคใต้ ก็นำกำลังเข้า”ตรวจค้น” โกดังใหญ่ ของ”ก๊ะฟา” ที่เป็นที่เก็บสินค้าจาก”ประเทศจีน” ที่ ผิดกฎหมาย ไม่ เสียภาษี และเป็นสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมาย” มอก.” ได้ของกลาง หลายสิบล้านบาท ที่น่าสังเกตคือ วันนี้”ก๊ะทั้งหลาย”ซึ่งเป็น”ผู้หญิง” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก้าวขึ้นชั้นเป็น”เจ้าแม่” ในวงการ”ของเถื่อน” และ”ยาเสพติด” เป็นจำนวนมาก และใช้”ผู้หญิง” ในการ”เดินยา”และเป็น”เครือข่าย”ขายสินค้าออนไลน์ ที่เป็น”ของเถื่อน” นี้อาจจะเป็น”ปรากฎการณ์ใหม่” สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะแก้อย่างไร ใครเป็นคนแก้ เพราะเถ้าขืนปล่อยไป อนาคต ข้างหน้า”แผ่นดินปลายด้ามขวาน” จะเต็มไปด้วย ปัญหา”ของเถื่อน” และ”ยาเสพติด”ที่เป็น”เครือข่าย”ของ”เยาวชน ชาย หญิง”…..

@นี่ก็ความเดือดร้อน “เมื่ออดีตลูกจ้าง กยท.” หรือ “การยางแห่งประเทศไทย จำนวนกว่า 100 คน ที่ จ.นครศรีธรรมราช ออกมาเรียกร้อง “สิทธิทำกิน” ซึ่งได้รับผลกระทบจากการ”สร้างเขื่อนคลองสังข์” ใน ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่พบว่า วันนี้ คนในพื้นที่ มีชื่อ”หล่นหาย” เป็นจำนวนมาก และมีชื่อ”คนนอกพื้นที่” เข้ามาได้ “สิทธิทำกิน “  เอ้า หน่วยงานที่ รับผิดชอบ ตรวจสอบกันหน่อย ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน และมีหรือไม่ สำหรับ “ชาวบ้านตาดำๆ”……ส่วนที่ จ.ภูเก็ต เมื่อแห่ง”ไข่มุกอันดามัน” ที่มีความ”ขัดแย้ง” ในการ “ทำมาหากิน” ทั้งเรื่อง”ชายหาด” ทั้งเรื่องผู้ประกอบการรถโดยสาร โดยเฉพาะ”รถแท็กซี่” ที่มี”อิทธิพล” และ”คนเถื่อน” มากมาย  ถ้าผู้รักษากฎหมาย ยังใช้”กฎหมาย” ในการ”เอื้อ” ผลประโยชน์ ให้กับตนเอง และพวกพ้อง ปัญหาของ”เกาะภูเก็ต” ก็จะ”ใหญ่โต” ขึ้นเรื่อยๆ  นี่เป็นหน้าที่ของ “พล.ต.ต.เลิศสิน สุขุม “ ผบก. ภ.จว.ภูเก็ต ที่ต้องกล้า”ลงดาบ” กับคนในวงการเดียวกันที่เป็นคนสร้างปัญหา….ส่วนที่ จ.กระบี่ เรื่องการ”แย่งชิงที่ทำกิน “ ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง ล่าสุดชาวบ้าน รุกเข้ายึดสวนปาล์มของ”นิคมสหกรณ์อ่าวลึก” ที่ อ.ปลายพระยา เป็นการ “อ้างสิทธิ์” ระหว่าง”เอกชน” กับ” สหกรณ์” เรื่อง”การ”บุกรุกสวนปาล์ม” ในหลายพื้นที่ของ จ.กระบี่ เป็นเหมือน”มหากาพย์” ถ้าหลักของ”รัฐศาสตร์” ใช้ไม่ได้ ก็ต้องใช้หลัก”นิติศาสตร์” คือการใช้”กฎหมาย” เพื่อแก้ไขปัญหา เรื่องนี้ก็เป็น หน้าที่ของ” พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.กระบี่ ต้อง “สั่งการ” ให้ตำรวจในทุกพื้นที่ซึ่งมีปัญหา”แย่งชิง ,บุกรุก สวนปาล์ม” ดำเนินการอย่าง เข้มงวดกับผู้ทำความผิด…..

@ปัญหาเก่า แต่จะใหญ่ขึ้น สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ “คนเถื่อน” จากประเทศเมียนมา ที่”ล้นทะลัก” จากการ หลบหนีการถูกจับไปเป็น”ทหาร” ของ รัฐบาลเมียนมา ซึ่ง ส่วนที่ เข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะมา”แย่งอาชีพคนไทย” เพราะ”นายจ้าง” ต้องการจ้าง”แรงงาน” ที่ราคาถูก และชาวเมียนมา ที่หนีภาวะสงคราม คือ”คนงานที่ค่าแรงถูก” ส่วน”คนเถื่อน” ส่วนหนึ่ง”หลบซ่อน” เพื่อ “ทำงาน” ในเมืองไทย และส่วนหนึ่ง ต้องการเดินทางไป”มาเลเซีย” เพื่อหางานทำ และทั้งหมด ก่อนที่จะ”หลบหนี”ไป”มาเลเซีย” ก็จะมา”หลบซ่อน” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ “สงขลา,ปัตตานี,สตูล,นราธิวาส”  วันนี้มี”คนเถื่อน” ที่ถูกจับได้ก่อนข้ามไป”มาเลเซีย” มากมาย ส่วนที่จับไม่ได้ก็อีกจำนวนมาก เรื่องนี้จะแก้อย่างไร ลำพัง “ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ “ ผบก. ตม. 6 น่าจะ แก้ไม่ได้ ต้องถาม “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ วิมลสุข” ผบ.ตร. ว่า นอกจากการ”สกัดกั้น” และ”จับกุม” เพื่อนำไป”ขังคุก” ให้”เปลืองข้าวหลวง” และ ยังจะมีวิธีไหน กับปัญหา”คนเถื่อน” จาก” เมียนมา” ที่”หลบซ่อน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อข้ามไป”มาเลเซีย” เรื่องนี้”กระทรวงต่างประเทศ” มีการ”พูดคุย” กับ รัฐบาลมาเลเซีย หรือไม่ และ”สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแล จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการ”หารือ” กับ”ตัวแทนของรัฐบาลมาเลเซียเพื่อหาทางออก” หรือไม่ อย่างไร….

@”เดชตะวัน” นี่ไม่ใช่ชื่อคน แลไม่ใช่”นักมวย” แต่เป็น”ชื่อขบวนการค้าของเถื่อน” รายใหญ่ที่สุด ในปัจจุบันใน “ทะเลอันดามัน” ของ จังหวัดสตูล  ที่ รับผิดชอบในการ”ขนสินค้าเถื่อน” จาก “เกาะลังกาวี” ประเทศมาเลเซีย เข้ามายัง ประเทศไทย   ก็ต้องถามไปยัง”  พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร”  ผบก.ภ.จว.สตูล ว่า จะ”จัดการ” อย่างไรกับ “ขุมข่าย” การทำลายชาติของ”เดชตะวัน”….

@เรื่อง “หมุด สปก.4-01” ที่”เขาใหญ่”  จ.นครราชสีมา  ซึ่ง รุกเข้าไปในที่”อุทยานแห่งชาติ” เป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ที่ต้องติดตามดู เพราะอาจจะไม่เป็นเฉพาะที่ “โคราช” ที่เดียว แต่อาจจะเกิดในหลายพื้นที่  ซึ่งที่ดินมีราคาแพง และสามารถทำเป็น “แหล่งท่องเที่ยว” หรือ “บ้านพักตากอากาศ” เพราะฉะนั้น “กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ” ต้องมีการตรวจตราให้ละเอียด ในภาคใต้เอง ก็มี ที่ดิน “สปก.4-01 “ ในหลายจังหวัด ทั้งที่เป็นเกาะ และเป็นภูเขา ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เรื่องนี้ “เสนาบดี” กระทรวงทรัพย์ฯ “ พล.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ” อย่าให้”เสียเชิงชาย” ที่เป็น”อดีตตำรวจใหญ่” มาก่อน เพราะการนำที่ดิน”  สปก.4-01” มาออก”โฉนด” ในครั้งนี้ อาจจะมี”เงื่อนงำ” บางอย่าง ที่”คนจน” เป็นเพียงผลพลอยได้ แต่”เศรษฐี” ได้ที่ดิน หลักร้อยล้าน พันล้าน ไว้ในครอบครอง…..

@ตำรวจ อาจจะ ลืมแล้ว แต่ชาวบ้าน ที่ จ.พัทลุง ยัง จำได้ว่า ยังมีคดีของ”แป้ง นาโหนด” ที่ยัง”คาราคาซัง” ไหน ตำรวจใหญ่ น้อย ต่างให้ข่าวกับ”สื่อ” ว่า หลังปีใหม่ จะมีการ”ติดตามไล่ล่า” และจะออก”หมายแดง” เพื่อให้ ตำรวจ ในประเทศเพื่อนบ้าน “จับกุม”  มาลงโทษ แต่วันนี้ “เงียบฉี่” ตั้งแต่” ผู้การตำรวจจังหวัดพัทลุง” จนถึง “พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9. ชาวบ้านเขาสงสัยว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไร”อยู่ในกอไผ่”.….วันนี้เรื่องของ”โคบาลชายแดนใต้” ในพื้นที่ จ.ปัตตานี-และ นราธิวาส กำลัง”คลี่คลาย”ไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะ เกษตรกร ส่วนใหญ่ ไม่ได้มีปัญหา แต่”ส่วนน้อย” เท่านั้น ที่ออกมา”ร้องเรียน” เรื่อง”วัวไม่ตรงปก” เพราะมีเรื่องอื่น”แอบแฝง” จะเหลือยู่ก็ที่ จ.สตูล ที่ เกษตรกร ซึ่งไม่เข้า”เงื่อนไข” ที่ ยังออกมาเรียกร้อง ให้ “บริษัทเอกชน” ที่เป็น”เจ้าของวัว” และ”กรมปศุสัตว์” รวมทั้ง “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” ( ศอ.บต. ) เร่ง”สะสาง” ปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างให้ถึงกับ”อีรุงตุงนัง” ต้องถึงกับ “ขึ้นโรงขึ้นศาล” กันเลย สงสารชาวบ้านที่ต้อง”กู้หนี้ยืมสิน” มาเป็นค่าทนาย ใครผิดใครถูก ยังตัดสินไม่ได้ แต่ทางที่ดี” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์” เลขาธิการ ศอ.บต. ต้อง เป็น”คนกลาง” ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะ โครงการนี้เป็นของ ศอ.บต.

@แม้จะยังเหลือเวลาอีกปีกว่า  จึงจะมีการ”เลือกตั้งท้องถิ่น” ระดับ เทศบาล และ อบต. แต่วันนี้ คนในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เริ่มมองหาผู้ที่จะมาเป็น” นายกเทศบาลเมืองปัตตานีคนใหม่” กันแล้ว เพราะที่ผ่านมา หลายปัญหา ที่สร้างความ เดือดร้อน กับคนในเขตเทศบาลกลายเป็นเรื่อง”คาราคาซัง” ไม่มีการแก้ไข ข่าวว่า คนจำนวนมากต่างคิดถึง “พิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์” อดีต นายเทศเทศมนตรีเทศบาลเมืองปัตตานี และ เชียร์ให้กลับมา จัดทีมลงรับเลือกตั้งอีกครั้ง….ส่วนที่จังหวัดสงขลา ไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ. สงขลา ขยันลงพื้นที่ ใน “คาบสมุทรสทิงพระ” แบบถี่ๆ มีการทำโครงการ ส่งเสริมอาชีพ การเกษตร โดยเฉพาะเรื่องของการ”ปลูกมะพร้าวน้ำหอม” พืชเศรษฐกิจ ที่ ตลาดต้องการ เพื่อให้ เกษตรกร”ลืมตาอ้าปาก”ได้  ส่วนหนึ่งเป็น”หน้าที่” แต่ส่วนหนึ่งเป็น”คะแนนเสียง” เพราะ “นายกไพเจน” รู้ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า คู่ต่อสู้เป็นถึง” อธิบดี” ที่มี”เงินถุงเงินถัง” และใช้”เงินหว่าน” ในพื้นที่ 4 อำเภอของ”คาบสมุทรสทิงพระ” มาเป็น”แรมปี” แล้ว …..ไม่เหมือนกับ องค์กรบริหารส่วนจังหวัดยะลา ที่วันนี้ยังไม่มี นักการเมืองท้องถิ่นคนไหน กล้าที่จะประกาศตัวเพื่อ”แข่งขัน”กับ”มุขตาร์ มะทา “ นายก อบจ. ที่ใช้”ความดี” เดินหน้าในการทำงาน”การเมือง” ลงสมัครเมื่อไหร่ ชาวบ้านก็”ดีใจ” และ เทคะแนนให้ทันที โดยไม่ต้องขอเสียง ……และบรรทัดนี้ขอแสดงความยินดีกับ นันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และ ปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ปปส. ที่มารับตำแหน่ง รองเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็น “มือช้าย-มือขวา” ให้กับ” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. หวังว่า ศอ.บต. คงจะ”ขับเคลื่อน”งานได้อย่างเต็มสตีม….แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

———————————————————-

ไชยยงค์ มณีพิลึก

มอบหนังสือ.  ณ หอประชุม โรงเรียนวิเชียรมาตุ ทรงกลด สว่างวงศ์  ผวจ.ตรัง เป็นประธานในพิธีมอบหนังสือพระราชทาน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เล่มที่ 43 จำนวน 75 เล่ม 75 โรงเรียน ให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนและตัวแทนที่เข้ารับมอบ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี  สกุล ดำรงเกียรติกุล วิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รอง ผวจ.ตรัง ร่วมด้วย

ร้องทุกข์.  สรรเพชญ บุญญามณี สส.เขต. 1 พรรคประชาธิปัตย์ จ.สงขลา รับเรื่องร้องทุกข์จาก ดร.สุรเดช นิลอุบล นายกสมาคมประมง จ.สงขลา เพื่อให้รัฐบาล เร่งรัดช่วยเหลือ เยียวยา รับซื้อเรือคืน ราคาสัตว์น้ำตกต่ำ และ พรบ.ประมง ณ สมาคมประมงสงขลา

เยี่ยมสวน.  สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา พร้อมด้วย ปรเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระ เยี่ยมสวนมะพร้าวน้ำหอมของ อภิชาติ ยุพยงค์   ณ.ต.ชุมพล โดยมีการพบปะเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ที่เป็นพืชเศรษฐกิจของ อ.สทิงพระ

ชุมชนล้อมรักษ์.   เศวต เพชรนุ้ย รอง ผวจ.สงขลา  ลงพื้นที่ เยี่ยมโครงการชุมชนล้อมรักษ์ (CBTX  ) ในพื้นที่บ้านแหลมยาง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมี นิพนธ์ ชิตมณี  ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานปกครอง ให้การต้อนรับ

ต้อนรับ.  วิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศมนตรี ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ให้การต้อนรับ พล.ท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ พร้อมทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้าพบปะกับพี่น้องประชาชน ที่มาร่วมงาน ณ เทศบาลตำบลรือเสาะ จ.นราธิวาส

ตรวจเยี่ยม พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ 9 พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม มว.ฉก. นป ปัตตานี (หนุน 5 ) วัดเลียบ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี  ให้นโยบายในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมมอบเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่ง

เยี่ยมค่าย.  ผศ.ดร.ศิริชัย นามบุรี รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา พร้อมด้วยทีมงาน ลงพื้นที่ เยี่ยมค่ายลูกเสือของโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา  ในพื้นที่ วิทยาเขตแม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี

เปิดค่ายอาสา.  ดร.ชุลีกร ทองด้วง ผอ.สพป.ตรัง เขต 1 เป็นประธานพิธีเปิดค่ายอาสาปันฝันน้อง จัดโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดตรัง  ณ โรงเรียนบ้านหัวควน กลุ่มโรงเรียนสุโสะบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง นักศึกษาได้ร่วมกันทาสีรั้วโรงเรียน พร้อมทั้งวาดรูปการ์ตูนตามอาคารเรียน และยังได้มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน ชุดปฐมพยาบาลให้กับทางโรงเรียนโดยดร.วิชาญ สายวารี รองผอ.กลุ่มกิจการนักศึกษา วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จ.ตรัง

ติดตามโครงการ.   อิศร เอกพิศาลกิจ รองประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตรัง นำคณะกรรมการฯ ติดตามและเยี่ยมชม โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติตรัง โดยมี  จุฑารัตน์ เพ็ชรลุ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาราชการแทน ผอ.ท่าอากาศยานตรัง พร้อมตัวแทนบริษัทก่อสร้าง บรรยายสรุปและนำเยี่ยมชมความคืบหน้า สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด ภายในเดือนเมษายน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2567 นี้

เครือข่ายก๊ะดา.   พ.ต.ท.อเนชา ตาวัน ผบ.ร้อย ตชเ. 446 อ.แว้ง จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมกันแถลงข่าวการ จับกุมยาเสพติดของ”ก๊ะดา” นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน อ.แว้ง จ.นราธิวาสที่ใช้ นักเดินยาที่เป็น ผู้หญิง  ณ หน้า สภ.แว้ง จ.นราธิวาส

เรียนรู้…  จิรวิทย์ แซ่เจ็ง รองประธานมูลนิธิเจ้าแม่กอเหนี่ยว เป็นวิทยากร ให้ความรู้เรื่อง พหุวัฒนธรรมให้   นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา คณะมนุษย์ศาสตร์ สังคมศาศตร์ ชั้นปีที่ 2 ณ ศาลเจ้าแม่กอเหนี่ยว อ.เมือง จ.ยะลา

นำเสนองานวิจัย.    ผศ .ดร.อภิรักษ์ สงรักษ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เป็นประธานเปิดงานวิจัย และนวัตกรรม ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ทุนการศึกษา.    ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.เขต 4 จ. สงขลา   พรรคพลังประชารัฐ  มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน ณ   ศูนย์เด็กเล็ก อบต.คลองรี   อ.  สทิงพระ  จ.  สงขลา

ประชาคมขยะ.  โดมเดช ขุนกลับ  นายก อบต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นประธานการทำประชาคมในการจัดเก็บขยะโดยมีประชาชนให้ความสนใจเรื่องนี้มากเพราะเรื่องขยะเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ ณ  กลุ่มประมงพื้นบ้าน ม.1 ต. บ่อแดง อ.สทิงพระ จ. สงขลา

มอบทุน.   พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา เป็นประธานมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนโรงเรียนเทศบาลยะลา 301 คน จำนวน 2.256.750   บาท ณ ห้องประชุมอาคารอุทยานเรียนรู้ อ.เมือง จ.ยะลา

พบปะผู้นำ.  มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา เป็นประธานกล่าว พบปะผู้เข้าร่วมโครงพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการศาสนสถาน ผู้นำศาสนาสู่ชุมชน ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา

เยี่ยม อส.โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา พร้อมด้วย สุริยา บุญพันธ์ นายอำเภอธารโต, ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมสมาชิก อส.อ.ธารโต ณ ที่ว่าการ อ.ธารโต และตรวจเยี่ยมสมาชิก อส.ชุดคุ้มครองตำบล  ณ ฐานปฏิบัติการ ชคต.ธารโต อ.ธารโต และ กำชับการปฏิบัติหน้าที่ และมอบ ของบริโภคเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลสมาชิก อส.ทั้ง 2 จุดดังกล่าว

พวงมาลาพระราชทาน.   ณ.วัดอรัญญิการาม ม.5 ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส เชิญพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพ สมาชิกเอกอมร บุญทอง  เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน อ.ตากใบ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครู