ข้าพเจ้าขอถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตแห่งประเทศญี่ปุ่น ทรงเจริญพระชนมพรรษา 64 พรรษา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และเป็นโอกาสอันดีที่จะระลึกถึงพระราชไมตรีอันแน่นแฟ้นสืบเนื่องมาอย่างยาวนาน ระหว่างพระราชวงศ์ญี่ปุ่นกับพระราชวงศ์ไทย
ญี่ปุ่นและไทยมีประวัติศาสตร์ของการติดต่อแลกเปลี่ยนกันมาอย่างยาวนาน และเจริญสัมพันธไมตรีอย่างแน่นแฟ้นมาโดยตลอด ผนึกกำลังกันก้าวข้ามอุปสรรคร่วมกันมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรคโควิด-19 จนถึงในตอนที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในคาบสมุทรโนโตะ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ชาวไทยต่างร่วมส่งข้อความแสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์นี้ รวมถึงได้บริจาคเงินช่วยเหลือเข้ามา ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณจากใจไว้ ณ ที่นี้
พ.ศ. 2567 ถือเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 70 ปี ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ( โอดีเอ ) จากรัฐบาลญี่ปุ่นสู่ไทย รวมถึงครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ( เจโทร ) สาขากรุงเทพฯ และหอการค้าญี่ปุ่น ( เจซีซี ) กรุงเทพฯ อีกทั้งยังครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ( ไจก้า ) สาขาประเทศไทย และเจแปนฟาวน์เดชั่น ( เจเอฟ ) สาขากรุงเทพฯด้วย
เป็นเวลามากกว่าครึ่งศตวรรษที่ไทยและญี่ปุ่นได้สั่งสมความร่วมมือกันมาในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม ตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับผู้นำ จากนี้ไปญี่ปุ่นจะยังคงรวมกำลังกันกับทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ฉันมิตร ที่มีมาระหว่างสองประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับสูงยิ่งขึ้นต่อไป
ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเยือนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นจนมีจำนวนถึง 1 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และมากเป็นอันดับ 1 ในบรรดากลุ่มประเทศอาเซียน ปีนี้ หวังว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น และมีความสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นในหลายด้านอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ส่วนในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางเยือนไทยนั้นยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่จากการประกาศยกเว้นวีซ่านักธุรกิจญี่ปุ่น คาดหวังว่าจะมีการติดต่อค้าขายและการลงทุนระหว่างสองประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น
แม้ภารกิจในฐานะเอกอัครราชทูตของข้าพเจ้าในช่วงระยะเวลากว่า 4 ปีนี้กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ข้าพเจ้าจะยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการสร้างความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-ไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-ไทยต่อจากนี้ไป จะดำเนินไปในรูปแบบของความสัมพันธ์ “ร่วมกันสร้างสรรค์” คือการคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ร่วมกัน และเพื่อส่งต่อสายสัมพันธ์ ในฐานะหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกันไปยังคนรุ่นต่อไป
ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างกันมากยิ่งขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ พัฒนาการและความเป็นไปได้ของความร่วมมือญี่ปุ่น-ไทยนั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ข้าพเจ้าหวังด้วยใจจริง ว่าทั้งสองประเทศจะจับมือกันและก้าวหน้าพัฒนาร่วมกันต่อไป.
ขอขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
เครดิตภาพ : Imperial Household Agency of Japan