เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่เคารพ

ปัจจุบันผมอายุ  45 ปี ภรรยาอายุ 38 ปี สุขภาพร่างกายโดยทั่วไปก็นับว่าปกติแข็งแรงดี แต่ประวัติครอบครัวทั้งพ่อและแม่เป็นเบาหวานทั้งคู่ ตอนนี้พี่ชายคนโตก็เป็นเบาหวานไปด้วยอีกคน เคยทราบว่า คนที่มีพ่อแม่เป็นเบาหวาน ก็จะต้องเป็นเบาหวานด้วย ที่สำคัญเบาหวานเป็นต้นเหตุสำคัญของการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ผมเริ่มมีอาการที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า “นกเขาไม่ขัน” มาได้เกือบปีแล้ว คือ อวัยวะสำคัญไม่ค่อยจะแข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ ตามมาด้วยอาการหลั่งเร็วซ้ำเข้าไปอีก ไปปรึกษาเพื่อนสนิทแนะนำให้ไปซื้อยาเฉพาะกิจมาเสริมช่วยโดยสั่งซื้อไปทางอินเทอร์เน็ต ใช้ยาเฉพาะกิจไปได้ 3 เดือนกว่าแล้ว แต่เมื่อมาอ่านการตอบปัญหาของคุณหมอโอ ที่บอกว่า การใช้ยาเฉพาะกิจไปนาน ๆ จะก่อให้เกิดผลร้ายตามมา จึงมีคำถามว่าการใช้ยาเฉพาะกิจจะมีผลต่อตัวอสุจิด้วยหรือไม่ อย่างไรครับ

ด้วยความเคารพ

นเรนทร์ 45

ตอบ นเรนทร์ 45

ชายวัย 45 ปี มีอาการอีดี แล้วหาซื้อยาเฉพาะกิจกินเองโดยไม่ได้รับความรู้เรื่องการใช้ยาที่ถูกต้องจากแพทย์ จึงทำให้เกิดความกังวลว่าหากกินยาเฉพาะกิจไปนาน ๆ แล้ว จะมีผลเสียต่อตัวอสุจิ การขาดความรู้คำแนะนำที่ดีถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ยาทำให้ผู้ใช้ยาหลายคนคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าจะเกิดผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เรื่องการแพทย์คนไข้ก็ควรปรึกษารักษากับแพทย์ทำให้มั่นใจและสบายใจไร้กังวลจากการใช้ยาแล้วอาการที่เป็นอยู่ก็ฟื้นตัวได้ดีขึ้น แต่ชายอีดีที่ขาดความรู้ก็จะตัดสินใจเอง คิดเอง เออเอง แล้วสุดท้ายอาการก็ไม่ดีขึ้น บางรายก็เกิดการดื้อยาตามมา บางรายก็มีโรคแทรกซ้อนตามมา ที่อันตรายคือโรคต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุ
ของอีดีก็จะไม่ได้รับการรักษา ไม่ได้รับการป้องกัน
ไม่ให้เกิด

จากการศึกษาการใช้ยาเฉพาะกิจพบว่ายาดังกล่าวไม่มีผลต่อตัวอสุจิแต่อย่างใด ในเรื่องความเข้มข้นของตัวอสุจิ การเคลื่อนที่ รูปร่าง และจำนวนทั้งหมดที่เคลื่อนที่ นอกจากนี้แล้วไม่มีผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งผลที่ได้ไม่ได้มีผลเสีย การรักษาอาการอีดีด้วยยาเฉพาะกิจนี้ควรได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์เพราะจากประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน อาการอีดีที่เป็นอยู่ทั้ง ๆ ที่ร่างกายแข็งแรงอาจเกิดจากการมีโรคแอบแฝงที่ยังไม่แสดงอาการให้เห็นได้ โดยเฉพาะเบาหวานแอบแฝง นอกจากนี้ระดับฮอร์โมนเพศชายที่เริ่มลดลงเมื่อผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป

หากมีเบาหวานแอบแฝงหรือฮอร์โมนต่ำก็อาจทำให้เกิดการดื้อต่อยาเฉพาะกิจได้ง่ายและเร็วขึ้น คือกินยาแล้วไม่เกิดการแข็งตัว แพทย์จะได้แนะนำวิธีการรักษาอื่นควบคู่กันไปเพื่อไม่เกิดภาวะดื้อยาไม่ว่าจะเป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ และวิธีฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพศ หากไม่ได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนใช้ยา ก็ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการเสี่ยงสุขภาพตัวเองกับยาคือเป็นหนูทดลองยาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นขอให้นึกถึงสุภาษิตที่ว่า อายครูไม่รู้วิชา เรื่องสุขภาพก็ห้ามอายหมอเป็นอันขาด.

——————-
ดร.โอ สุขุมวิท 51

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่