เกณฑ์ของ “ทักษิณ” อยู่ในกลุ่มเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป และได้รับโทษแล้ว 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 สามารถดำเนินตามกฎหมายการพักโทษได้
ขณะที่ลูกสาวสุดเลิฟ “อุ๊งอิ๊ง” แพรธาร ชินวัตร ได้ออกมาบอกอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ได้ทำความสะอาดบ้านจันทร์ส่องหล้าไว้เรียบร้อยแล้ว เตรียมต้อนรับคุณพ่อกลับบ้าน ส่วนวันที่จะออกรอเพียงคุณหมอ มีความเห็นออกมาก่อนว่าเป็นอย่างไรจะให้ออกในวันที่ 18ก.พ. หรือวันที่ 22 ก.พ.ต้องรอความเห็นแพทย์ก่อน
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามลุยตรวจสอบจับผิดเพราะเห็น ว่า กรณี “ทักษิณ” ที่ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำให้ระบบกระบวนการยุติธรรมเสื่อมถอย และการตอกย้ำทำให้เห็นว่า กระบวนการยุตธรรมเลือกปฏิบัติ เกิดความเหลื่อมล้ำ คุกมีไว้ขังคนจน ถึงแม้ทักษิณจะได้รับการพักโทษแต่ก็ยังมีคดี 112 ติดตัวที่ต้องต่อสู้หลังจากออกจากคุกมาแล้ว
“เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาเตือน “เพื่อไทย” ระวังสภาวะนายกฯ 2 คน ชี้อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอด ถ้าบริหารจัดการไม่ดี เก้าอี้ “นายกฯเศรษฐา มีปัญหาแน่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ “ทักษิณ” ได้รับการพักโทษและกลับมานอนบ้านจะกลายเป็นสายล่อฟ้า ระเบิดเวลาลูกใหญ่ สำหรับ“รัฐบาลเศรษฐา”และพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเผชิญ
โมเม้นตัมการเมืองเปลี่ยนถนนทุกสายมุ่งสู่ จันทร์สองหล้า ศูนย์รวมอำนาจจะเห็นว่าบทบาทผู้นำ นอกจาก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แล้วยังมี “ทักษิณ” คอยเป็นเงาคลุมร่าง โดยมี “อุ๊งอิ๊ง”ประกบที่ลืมไม่ได้ “อดีตนายกฯหญิงปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ตัวจะอยู่ต่างประเทศ แต่ก็เกาะติดสถานการณ์มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
นาทีนี้จึงต้องจับตาการกลับมาของ “ทักษิณ” จะมีบทบาทท่าทีต่อกระดานอำนาจ “รัฐบาลเศรษฐา” และสถานการณ์การเมืองไทยอย่างไร เพราะคนคอการเมืองต่างฟังธง“ทักษิณ”กลับมาบ้านไม่ยอมอยู่นิ่งๆ แน่นอน
เพราะขนาด “นายกฯเศรษฐา” ยังเอยปากหลัง“ทักษิณ”ได้พักโทษจะไปขอใช้บริการ “อดีตนายกฯทักษิณ”มาเป็นกุนซือในการคิดและปั่นผลงานแบบว้าวๆ ให้โดนใจประชาชน เพราะมีทั้งความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์เต็มเปียม
การเมืองต่อจากนี้จะเห็นบทบาทของ 4 ผู้นำ ที่ยังพาเดินหน้ากันไปได้ แต่ถ้าออร่าที่“นายเศรษฐา” มีอาจจะถูกบดบังความสำคัญ ถูกลดลงบทบาทในการยื่นหนึ่ง ก็จะเป็นเรื่องทำให้นักลงทุนต่างชาติยากที่จะเข้าใจ
แต่ภารกิจหลัก 4 ผู้นำ คือ การจับมือพรรคร่วมอนุรักษ์นิยม สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่สำคัญการถักทอผลงานโกยแต้มสู้กับพรรคส้มในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะทำงานมา 5 เดือนยังไม่มีผลงานอะไรที่ทำให้ประชาชนชื่นใจมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้ แม้กระทั้งนโยบายเรือธงอย่างโครงการดิจิทัลวอล์เล็ตที่ประชาชนก็ยังต้องลุ้นว่า ที่สุดแล้วจะได้ใช้เงินจริงๆหรือไม่
เพราะล่าสุด“นายกฯเศรษฐา” ออกมาส่งสัญญาณเดินหน้า หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยรัฐบาลจะดำเนินการโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ยืนยันมีความจำเป็นต้องใช้วงเงินงบประมาณราว 5 แสนล้านบาท เพื่อทำโครงการนี้ให้สำเร็จแต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของกรอบเวลาว่าเมื่อไหร่ประชาชนจะได้รับเงินหมื่นบาท
แม้ผลงานยังไม่มีอะไรที่จับต้องได้ แต่วันนี้เรายังเห็นภาพของความรักสามัคคีกันในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลชื่นมืนโชว์ภาพหวาน “นายกฯเศรษฐา” ทำท่าจูบ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรียกเสียงกรี๊ดในงานปาร์ตี้ความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลภายใต้ชื่อ “ร่วมมือ ร่วมใจ รัฐบาลประชาชน” ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท โดยพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ
“เสี่ยหนู” ดูจะแฮปปี้แบบสุดๆ แถมยังมี“ชาดา ไทยเศรษฐ์” มท.2 นำทีมเปิดฟลอร์แดนซ์มี“อุ๊งอิ๊ง”ร่วมแจม ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จับไมค์ร้องเพลง บรรยากาศเป็นไปอย่างครื้นเครงคึกคัก ส่งสัญญาณพร้อมร่วมรบกับสถานการณ์การเมืองเดือดๆ ที่ต้องกำราบเด็กดื้อจากเหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จฯที่ล่าสุดตำรวจจับเข้าคุกไปแล้ว เด็กดื้อยังไม่ลดละ แสดงความเฮี้ยว งัดท่าไม้ตาย ประกาศขออดอาหาร เหมือนอย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว
ภาพของการเมืองปัจจุบันมาตรา 112 เป็นจุดเปราะบางของการเมืองไทย เหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จฯ เป็นการปลุกให้คนไทยลุกขึ้นมาปกป้องสถาบัน พร้อมใจกันแสดงพลังใส่เสื้อสีม่วงเป็นกำลังใจให้กับสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เรื่องนี้เมื่อยังไม่เด็ดขาด ไม่สะเด็ดน้ำ ก็รอเป็นไฟลูกใหญ่โหมลุกโชนขึ้นมาเมื่อไหร่ เหมือนโยนน้ำมันเข้าไปในกองไฟพร้อมเกิดเหตุปะทะได้ทุกเมื่อ
อย่างที่เห็นชัดๆ เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างที่กลุมศปปส.ที่ไม่พอใจกับกลุ่มทะลุวัง นำโดย “ตะวัน”จัดกิจกรรมทำโพลขบวนเสด็จ กลางบีทีเอสสยาม และก่อนหน้าก็ไปป่วนขบวนเสด็จฯมาก่อนแล้ว
ตามมาด้วยเหตุการณ์ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ชงญัตติด่วนจี้สังคายนา พ.ร.บ.-ระเบียบ ถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ หลังเกิดเหตุการณ์ กลุ่ม “ทะลุวัง” “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ บีบแตรและส่งเสียง ขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในช่วงที่มีการอภิปราย “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือ มีการสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ทำร้ายร่างกายนักเคลื่อนไหว แต่ไม่ถูกดำเนินคดี
“วันนี้เห็นสัญญาณชัดเจนกลุ่ม ศปปส.ปลุกปั่นในโซเชียลขู่ฆ่านักเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พูดถึงการเนรคุณแผ่นดิน การปลุกปั่นเช่นนี้ทำให้สถานการณ์ร้ายแรงกว่าความเป็นจริง ผีที่สร้างขึ้นมาจากพวกท่านเอง หากความรุนแรงเกิดขึ้นโดยผู้ใช้ความรุนแรงไม่ต้องรับผิดชอบ คนจะหาว่ารัฐบาล คือ คนอยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้
ทันทีที่เจ้าพ่อสะแกกรัง“ชาดา”ต้องหนวดกระตุกลุกขึ้นฟาดกลับ “โรม”แบบจัดหนัก เพราะเห็นภาพที่โรมเอามาโชว์คือภาพที่ตัวเองเคยไปถ่ายรูปร่วมกับกลุ่มศปปส.นำมาประกอบการอภิปรายฯ ซัดเป็นพฤติกรรมเลวทราม ไม่รู้ประธานให้ปล่อยภาพนี้ได้อย่างไร เชื่อว่านายรังสิมันต์ส่อเจตนาไม่ดี งานนี้ “มท.2 ชาดา”ยังทิ้งระเบิดกลางสภาไว้ด้วยว่า เหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จฯที่เกิดขึ้นมีผู้อยู่เบื้องหลังมอบเงินให้เด็ก มีเงินสนับสนุนจากบางคนบางกลุ่มทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกของคนทั้งชาติ แต่เกิดจากคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามเข้ามาข้องแวะให้เกิดความเสื่อมของสถาบัน
ทำเอาพรรคก้าวไกลออกมาท้า“ชาดา”ถ้ามีข้อมูลจริงก็ขอให้เปิดออกมาอย่ามาพูดเฉียวไปเฉียวมา และขอให้ส่งหลักฐานการรับเงินจากขบวนการต่างๆ ไปให้รัฐบาลพิจารณารวมถึงให้ส่งหลักฐานให้คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ของสภาพิจารณาอีกทางด้วย ไม่ใช่มาใส่ร้ายกันลอยๆ
เรื่องนี้สังคมต้องใช้สติโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลในฐานะผู้คุมอำนาจ เด็กดื้อมักจะแสดงความเฮี้ยว ยั่วยุ ให้เกิดเรื่องบาดหัวใจคนไทย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน ดังนั้นรัฐต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ไม่ไปจุดไฟการเมืองระลอกใหม่ จนหลายคนขนหัวลุกเพราะเ เกรงว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 จะกลับมาหลอนประเทศไทยอีกระลอก เป็นการเมืองวนลูปซ้ำเดิมปลุกวงจรอุบาทว์ขึ้นมาใหม่
การกระทำอะไรก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนคิดจะดับไฟอย่าเอาน้ำมันเข้าไปราด จะต้องหาวิธีให้รอบคอบและต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยแม้จะเป็นการซื้อเวลา แต่เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ถ้าทุกคนร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาด้วยความจริงใจและทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง แสงสว่างแห่งความสำเร็จก็รออยู่ปลายอุโมงค์เท่านั้น.