รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง พยายามสร้างผลงานแบบ “อินเตอร์”คือการเดินทางออกไปเชิญขวนนักลงทุนต่างชาติที่เป็นบรรษัทขนาดใหญ่เข้ามา พร้อมยืนยันศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ขณะเดียวกัน “รอยบาปที่ลบไม่ออก”ของรัฐบาลนี้ที่ทำให้มีฝ่ายต่อต้านเยอะ คือ
1.การไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลตามความคาดหวังของกระแสหลังเลือกตั้ง แต่เลือกไปจับมือกับพรรค 2 ป. 1 หนู แทน และ
2. กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศกลับมารับโทษ และมาไทย 22 ส.ค.66 ..แล้วก็..อนิจจาเอ๋ย เข้าตะรางได้ 6 ชั่วโมงมีอาการแน่นหน้าอกจนหมอโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทำอะไรไม่ถูก ต้องเอาไปส่งโรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งน่าสนใจไม่น้อย ตรงที่ก่อนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักแฉชื่อดัง จะวางมือทางการเมือง ได้แถลงเรื่องนี้ไว้ว่า “ทักษิณไม่ติดคุกจริงหรอก เพราะเขาจัดห้องวีไอพีให้อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ” ก็ไม่รู้นายชูวิทย์ได้ข่าวมาจากไหนถึงถูกเผงซะอย่างนั้น …แต่กรณีทักษิณกลับไทย ตอนเลือกตั้งพรรคพลังประชาชนชนะใหม่ๆ ก็เคยกลับมาครั้งหนึ่ง คุ้นๆ ว่า “ก็ไม่ได้กลับบ้านเหมือนกัน” แต่ตอนนั้นคือไปเหมาโรงแรมหรู ( ถ้าจำไม่ผิดเป็นโรงแรมริมน้ำชื่อดัง ) ทั้งชั้น อาศัยอยู่ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แล้วพอศาลจะตัดสินคดีที่ดินรัชดา ทักษิณก็ออกนอกประเทศไปยาว
ซึ่งนับไปนับมา เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่สิงหา นี่จะอยู่ครบหกเดือนได้กำหนดพักโทษแล้ว ก็ยังมีคนสงสัย “ป่วยจริงหรือป่วยการเมือง” อย่าอ้างเลยเรื่องใบรับรองแพทย์ เขาซื้อหากันไม่ยากหรอก แล้วอีกอย่างคือ มาถึงเมืองไทย ฝ่ายเกลียดทักษิณบอกไม่รู้น็อคอากาศหรือพระสยามเทวาธิราชลงโทษเอา ต้องไปนอนแบ็บอยู่โรงพยาบาลด้วยโรคที่หมอว่า “อันตราย ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด” เดี๋ยวผ่า เดี๋ยวตัด เดี๋ยวเฉาะอะไรให้มั่วไปหมด นับว่า โรงพยาบาลไทยนี่ให้ความสำคัญกับคนไข้ยิ่งยวดจริง ๆ วินิจฉัย รักษาทุกอย่างละเอียดยิบ … แต่ เอ.. เหมือนได้ยินคนแถวๆ นี้ร้องเพลง “คนจนมีสิทธิ์ไหมค้าบ” ก็ตอบได้แค่เอาพาราเซตามอลไปกินพอ
พออยู่นานเข้า กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียง เหน็บแนมกันไปมา พรรคก้าวไกลนั้นไม่ค่อยโดดมายุ่งเรื่องนี้ เพราะแนวคิดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า บอกว่า ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมมาแต่ต้นจากการที่โดนคดีเพราะรัฐประหาร ทำให้ทางที่เหมาะสม คือต้องรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ..ส่วนพรรคที่เคลื่อนไหวมากคือประชาธิปัตย์ ซึ่งก็เหมาะสมแล้วเพราะเหมือนเป็นตัวแปรเร่งอันหนึ่งที่ทำให้ทักษิณอยู่เมืองไทยไม่ได้ ..รอบปี 49 จากการบอยคอตเลือกตั้ง แล้วก็ลากเรื่องลามมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนายทักษิณ โดยจัดม็อบ กปปส. ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งนับเป็นม็อบที่ดู ๆ แล้วคือตั้งใจให้เกิดการยึดอำนาจ
ทำไม กปปส.ตั้งใจให้เกิดการยึดอำนาจ ? เพราะดันไปยื่นเงื่อนไขที่ทางกฎหมายมันทำไม่ได้ คือการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” พอถามจะปฏิรูปอะไรตอบไม่ได้ บอกแถๆ แค่ว่าขอให้ชนะก่อน ..แล้วเป็นอย่างไร เลือกตั้งรัฐบาลประยุทธ์ 1 สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หวังจะเป็นพรรคการเมืองแนวใหม่ รวมมิตรชาว กปปส. หวังคะแนนเยอะ สุดท้ายก็ตุ้บ .. มาวันนี้พรรคประชาธิปัตย์แตก สายเชื่อเรื่องเวรกรรมเขาก็ว่านั่นแหละผลจากการกระทำของตัวเอง ที่ดึงรัฐประหารเข้ามา ..ประชาธิปัตย์มีภาพของ “ฝ่ายค้านที่งอแงจะร่วมรัฐบาล” ตั้งแต่ไปโหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ สวนมติพรรค และเลือกกรรมการบริหารพรรคไม่ได้เสียที ..เอาเป็นว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากกลับมาเกิด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคต้องเล่นให้ถึงขีดสุด ให้เป็นบุคลิกพรรคในการ “พิทักษ์ระบบคุณธรรม”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราไม่เห็นเอง เราก็ปักใจเชื่อไม่ค่อยได้ว่านายทักษิณป่วยหนักถึงขั้น รพ.ราชทัณฑ์เอาไม่อยู่หรือไม่ ? แต่ถ้าถึงขนาดส่ง รพ.นอกนี่น่าจะแบบพะงาบๆ หรือนอนติดเตียงแล้ว และนับดู นอนติดเตียงมาแล้วกี่วัน ? ( ถ้าป่วยจริง ) สภาพร่างกายคงผอมแห้งผมขาวหยาบดูไม่จืด ..แล้วถ้าเกิดได้พักโทษ จะให้ใครเจอตัวจริง หรือปรากฏตัวอย่างเป็นสาธารณะก็ยาก ให้มานั่งปากดีในคลับเฮาส์ก็ยาก จะโพสต์เฟซบุ๊ก ไอจีอะไรก็ยังยากเลย เพราะถ้าเขาเห็นก็แข็งแรงดี ผมดำปี๋นี่ ..คงมีการปลุกม็อบไล่ทักษิณกันอีกรอบ มีคนรอจับผิดอยู่เยอะ
พอพูดถึงเรื่องบอกอาการคนป่วยไม่ได้ วันก่อน รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์เพื่อการชุมนุมก็โพสต์ข้อความว่า “ตอนที่เราอยู่ในเรือนจำรอบที่มีการอดอาหาร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำข้อมูลอาการของเราเผยแพร่ต่อสาธารณะหลายโอกาส ทั้งที่ไม่ได้มีการขอความยินยอมด้วยซ้ำ ทั้งมีการถ่ายภาพไว้ทุกครั้งที่มีการตรวจด้วย พอเรามารู้ทีหลังว่ามีการเผยแพร่ ( แต่ไม่ได้แพร่ภาพนะคะ )เราจำได้ว่าเราถามเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่าทำไมมีการเผยแพร่โดยไม่บอกเราเลย เขาให้คำตอบว่า เพราะเป็นคดีที่มีความสนใจของสาธารณะสูง เลยต้องเปิดเผยได้
“เลยจะบอกเฉยๆ ว่า นายทักษิณก็มีคนสนใจทั้งประเทศ อาจจะยิ่งกว่าพวกเรานักกิจกรรมด้วยซ้ำนะคะ ไม่สองมาตรฐานยังไงก่อน คือมันดีมากแล้วแหละที่ราชทัณฑ์จะดูแลผู้ที่แก่และป่วยอย่างดี แต่ไม่ได้ทำแบบนี้กับทุกคน มันเหลือจะเชื่อสำหรับคนที่เคยเข้าไปอยู่ในเรือนจำจริงๆ นะ เป็นไปได้ยังไงที่เข้าไปเรือนจำ อยู่ยังไม่ถึง 6 ชั่วโมงด้วยซ้ำแล้วได้ออกมานอนที่รพ.ยาวๆ ในขณะที่คนป่วยคนอื่นก็อยู่ตามมีตามเกิดไป การที่คนจะมีคำถามต่ออาการป่วยของนายทักษิณนั้นไม่แปลกเลย” พอรุ้งโพสต์แบบนี้ก็อ้าว…ราชทัณฑ์ก็บอกอาการได้นี่ ทั้งตอนแบม น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ที่อดอาหารประท้วงในคุก ก็เห็นเปิดเผยอาการได้ ..แต่กับทักษิณนี่ลับมากจนไม่รู้เป็นโรคน่าอายอะไรหรือไม่
ด้านพรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวแรงแล้ว นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การที่กรมราชทัณฑ์ได้ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากเรือนจำมารักษาที่ รพ.ตำรวจเกินกว่า 120 วัน อยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วยเพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต ซึ่งตรงกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246(2) ( ระบุว่า เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก) ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาที่พิจารณาแล้วเห็นว่า ยังต้องอยู่ดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด จึงเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2567 ให้นายทักษิณอยู่รักษาตัวใน รพ.ตำรวจต่อไป และกรมราชทัณฑ์ได้รายงานเรื่องนี้ต่อ รมว.ยุติธรรม ทั้งที่กรมราชทัณฑ์ต้องทำรายงานขออนุญาตจากศาล และต้องทำเรื่องขอให้ศาลทุเลาโทษจำคุกโดยให้รักษาตัวให้หายจากอาการป่วยเสียก่อน แล้วจึงกลับมารับโทษจำคุก
“กรณีอ้างเหตุเจ็บป่วยไม่ยอมเข้ารับโทษในเรือนจำ น่าจะเข้าหลักเกณฑ์เรื่องการทุเลาโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 (2) เมื่อเป็นการทุเลาโทษจำคุก จึงถือว่านายทักษิณยังไม่ได้รับโทษจำคุก จนกว่าจะหายป่วย และส่งตัวเข้าเรือนจำตามปกติจึงจะเริ่มรับโทษจำคุกใหม่ การพักโทษก็ยังไม่เริ่มนับเช่นเดียวกัน ศาลยังไม่ได้สั่งให้ทุเลาโทษจำคุก แต่กลับไปทุเลากันเอง ซึ่งเป็นการทำความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 และขัดต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง ผมจะนำเรื่องนี้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรม และผู้กระทำความผิดอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมกระทำความผิด ทั้งตัวการและผู้สนับสนุน”นายชาญชัย กล่าว อันนี้น่าสนใจว่า ถ้าเข้าข่ายมาตรานี้ อีที่นอนมาครึ่งปีนี่เหลวเป๋วหมด คงมีคนขำ
นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ โดย
1.ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับพวก กรณีออกข่าวกรมราชทัณฑ์ใช้สรรพนามเรียกนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและมีกรณีที่เกี่ยวข้อง เช่น การอนุมัติให้ นช.ทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ และกรณีกรมราชทัณฑ์ตอบรับว่าจะส่งเอกสารและคลิปภาพนายทักษิณวันที่ 22-23 ส.ค.2566 ให้ กมธ. การตำรวจ ให้สอบสวนเอาผิดว่าเหตุใดยังไม่ส่ง และขอให้ออกคำสั่งคุ้มครองคลิปวีดีโอดังกล่าวไม่ให้ถูกทำลาย
2. ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจทุกราย รวมถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชื่อ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ (พ.ตร.) กรณีของ นช.ทักษิณ ต้องรักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566 จนถึงปัจจุบัน (เกิน 120 วัน) ส่อว่าใช้วิชาชีพแพทย์กรอกข้อความอันเป็นเท็จต่อราชการหรือไม่ 3. ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมว่าเหตุใดไม่ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบนายทักษิณ ตามคำร้องเรียนลงวันที่ 20 ธ.ค.2566 เจ็บป่วยจริงหรือไม่ ทำไมระยะเวลาการรักษาเกิน 120 วันยังไม่หาย เอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณหรือไม่ ทั้งนี้โดยขอให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ (พัศดี/ผู้คุม) แพทย์ และพยาบาลของ รพ.ราชทัณฑ์และรพ.ตำรวจที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานทุกคน
ขณะที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ จะล่ารายชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อเพื่อยื่นต่อประธานรัฐสาภให้ยื่นต่อประธานศาลฎีกา ให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำงานของ ป.ป.ช.ที่ล่าช้า และประกาศว่าเดือน ก.พ.จะปักหลักชุมนุมยาว พร้อมกับเปิดเผยว่า นายแพทย์ชื่อย่อ “ช.” เป็นผู้สร้างเรื่องเกี่ยวกับอาการและการรักษาของนายทักษิณ จนทำให้อยู่ รพ.ตำรวจได้เกิน 120 วันนั้น คปท.ทราบข้อมูลแล้ว และทราบเกษียณอายุราชการแล้ว เคยอยู่ที่ รพ.ตำรวจ แต่ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมรักษานายทักษิณ อีกทั้งยังพบว่าไม่มีแพทย์ของ รพ.ตำรวจก็ไม่ใช่คนที่รักษานายทักษิณด้วย ดังนั้น คปท.จะช่วยหาคำตอบว่านายแพทย์ “ช.” เป็นใคร และบุคคลกลุ่มที่ช่วยเหลือมีใครกันอีกบ้าง
ถามว่า ม็อบจุดติดหรือไม่ ? ส่วนตัวคิดว่า ยาก เพราะคนเบื่อกับเรื่องความขัดแย้ง การลงถนนเต็มทีแล้ว แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ที่จะต้องตอบคำถามเดิมๆ เรื่องนายทักษิณทุกวันจะรู้สึกอย่างไรกันนะ..นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์นั้นก็ได้ยินว่าไม่อยากคุยนักข่าวแล้ว กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เอง ก็ดูน้ำท่วมปากเมื่อพูดเรื่องนี้ แนวๆ ..จะให้ตอบว่าอย่างไร… และถ้าใกล้เลือกตั้ง แน่นอน เรื่องถูกตีฟูมาโจมตีพรรคเพื่อไทยอีก
เรียกว่า ทักษิณคนเดียวทำเหนื่อย ทั้งกองช่วย กองแช่ง
………………………………………….
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”