ตอนนี้มีกระแสสังคมตั้งคำถามถึง “นโยบายทางการเงิน” ของธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ว่าช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หรือฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ตกต่ำกันแน่?

เพราะตั้งแต่เดือน ส.. 65 ถึงปัจจุบัน แบงก์ชาติโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 8 ครั้ง จากระดับ 0.50% มาสู่ปัจจุบันที่ 2.50% โดยให้เหตุผลว่าต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เคยแตะระดับสูงสุด 8% ในปี 65 และการขยายตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น จึงทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ

ช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ยังต่ำอยู่ที่ 1.9% จีดีพีโตต่ำทุกปีตั้งแต่มีการรัฐประหารในปี 57 พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ในอันดับรั้งท้ายในอาเซียน

ขณะที่หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นไปถึง 11.12 ล้านล้านบาท (31 ..66) หรือ 62.1% ของจีดีพี รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณปี 67 เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ 118,320 ล้านบาท และชำระคืนดอกเบี้ย 228,060 ล้านบาท ส่วนหนี้ครัวเรือนขยับไปถึง 16.5 ล้านล้านบาท (กว่า 90% ของจีดีพี)

ที่น่าห่วงมาก! โผล่มาทีละบริษัทในเรื่องความเสี่ยงของ “หุ้นกู้” ผิดชำระหนี้! หลังจากเริ่มมีบริษัทขนาดใหญ่ในไทยขอเลื่อนชำระหนี้ โดยปี 67 มีหุ้นกู้ครบกำหนดประมาณ 1 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 60% เป็นบริษัทไฟแนนซ์-อสังหาริมทรัพย์-รับเหมาก่อสร้าง

แล้วแบงก์ชาติ-กนง.ไปสอบถามใครมา? ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น หรือว่าไปถามคนในแบงก์ชาติ ถามผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ที่ฟันกำไรในปี 66 มากมายถึง 2.2 แสนล้านบาท ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศ 80-90% รวมทั้งบริษัทห้างร้าน-ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กำลังเดี้ยงกันหมด!

จากปัญหา “ดอกเบี้ยแพง” ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยแพง! สวนทางกับจีดีพี-เงินเฟ้อ และรายได้ของประชาชน

คิดง่าย ๆ เดือน ม.ค. 67 ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำอยู่ที่ 1.6-1.75% แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ ปาเข้าไป 7.30-7.57% ทำไม? ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝาก กับดอกเบี้ยเงินกู้จึงห่างกันมากกว่า 5% ? คนที่มีเงินฝากกินดอกเบี้ย แต่เจอปัญหาค่าครองชีพปรับตัวสูงและภาวะเงินเฟ้อ จึงไม่เหลืออะไร!

ในยุค “ดอกเบี้ยแพง” ถ้าเอาหนี้ 2 ก้อนมากองรวมกัน (หนี้สาธารณะ+หนี้ครัวเรือน) เท่ากับ 27.62 ล้านล้านบาท และต้องจ่ายดอกเบี้ย 7% ต่อปี คือ 1.93 ล้านล้านบาท หรือเดือนละกว่า 1.6 แสนล้านบาท มันเป็นตัวเลขน้อย ๆ เสียที่ไหนเล่า? แทนที่เงินก้อนนี้จะถูกนำไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นภาระหนักที่ต้องนำไปชำระหนี้

Photo top view of stressed young sitting asian woman hands holding the head worry about find money to pay credit card debt and all loan bills.

คนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บ่นกันว่าสภาพปัจจุบันเหมือนมีข้าวอยู่จานเดียวแต่แย่งกันกิน ดอกเบี้ยแพงแต่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยกู้ให้ลูกค้ารายละ 3-5 ล้านบาท เป็นอย่างมาก แล้วเศรษฐกิจดี หรือฟื้นตัวตรงไหน?

ปี 66 แบงก์ชาติบอกว่า “จีดีพี” ของประเทศไทยจะอยู่ที่ 2.8% ส่วนทั้งปี 67 จะโต 4.4% ถามว่าใครจะเชื่อคุณ?.

——————-

พยัคฆ์น้อย