เปิดศักราช ปีมังกร กับการฉลองเปิดเวทีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชำแหละงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ค้างเติ่งมานาน เพราะถูกแช่แข็งจากการล่าช้า กว่าจะมาเป็น “รัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม”

งานนี้ “นายกฯ เศรษฐา” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้าน ชู 6 ยุทธศาสตร์ใหญ่ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 390,149.3 ล้านบาท 2.ยุทธศาสตร์สร้างความสามารถในการแข่งขัน 393,517 ล้านบาท 3.ยุทธศาสตร์ด้านพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ 561,954 ล้านบาท 4.ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 834,240 ล้านบาท 5.ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 131,292 ล้านบาท และ 6.ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 604,804 ล้านบาท โดยเน้นพลิกฟื้นเศรษฐกิจเศรษฐกิจ แก้ปากท้องประชาชน พลิกโฉมพัฒนากองทัพให้ทันสมัย เดินหน้าทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้ดีที่สุด เน้นบังคับใช้ ก.ม. เข้มงวดปราบโกง

เจอของร้อนจาก พรรคก้าวไกล ทันที นำโดยแม่ทัพก้าวไกล “เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามด้วยขุนพลหญิง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และพลพรรค ช่วยกันชักดาบออกมาสับชำแหละงบปี 67 พบว่า เป็นการจัดทำงบประมาณฯ แบบเบี้ยหัวแตกสะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ เป็น “รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ” แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ชั่วคราว ระบบนิติรัฐ-นิติธรรมย่ำแย่ ตอกย้ำกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน

งบดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นล่องหนและงบซอฟต์พาวเวอร์ก็ไม่เห็นเขียนไว้ในรายงาน อยากให้ประชาชนทบทวนฝีมือบริหาร “พรรคเพื่อไทย” จัดงบฯ 67 มีปัญหา สงสัยมีกระบวนการสมรู้ร่วมคิด หวังดึงงบกลางมาใช้ หลังหลายนโยบายไม่ตั้งงบชดเชยเงินคงคลังไว้ การจัดทำงบฯ เป็นเหมือนภาคต่อของรัฐบาลชุดที่แล้ว เดินตามรอย “รัฐบาลบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดทำงบผูกยึดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นการฉุดรั้งก่อวิกฤติให้ประเทศ สวนทางคำพูดที่เคยบอกไว้ว่า ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลจะโละยุทธศาสตร์ 20 ปี เพราะยาวเกินไป จะก้าวไม่ทันโลก

พร้อมจัดหนัก “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เจอชำแหละงบกลาโหม 1.98 แสนล้าน เพิ่มขึ้นกว่า 3.8 พันล้าน ลอกการบ้าน “บิ๊กตู่” และให้จับตา “กองทัพเรือ” ส่อมีเงินทอนโครงการสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภาหรือไม่ นอกจากนี้ ภาพรวมการจัดหายุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม ในปี 67 ลดลง 2,400 ล้านบาท ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่พอดำดิ่งลงไปในคลังแสง ก็ต้องผงะพบกับนวัตกรรมใหม่ที่ซ่อนอยู่ ก็คือ ถ้าอยากให้ยอดการจัดหาอาวุธในปีนี้มันดูน้อยโดยที่ไม่ลดโครงการจัดหาอาวุธ ก็แค่ดาวน์น้อยๆ และผ่อนนานๆ จนฝ่าย ก้าวไกล ต้องให้ฉายา ว่า “สุทินดาวน์น้อย”

พรรคก้าวไกลประกาศเรื่องนี้ต้องขยี้ เพราะเป็น “ดาวน้อยซ่อนเคราะห์ใหญ่” คือ เป็นการก่อหนี้ผูกพันให้ผ่อนกันไปยาวๆ มีมูลค่ามากถึง 57,816 ล้านบาท มากกว่าปี 66 กว่าถึง 2-3 เท่า เป็นการซ่อนหนี้ก้อนโต หากตรวจสอบแค่ปีต่อปี อาจมองไม่เห็น แต่เพราะเป็นภาระหนี้ผูกพัน

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ “จุรินทร์” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้ฉายางบฯ 67 ว่า “เป็ดง่อย” มีเวลาใช้เพียง 5 เดือน จากปกติ 12 เดือน ไม่สามารถนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มร้อยตามที่พูดไว้ สาเหตุงบฯ ล่าช้า ก็เพราะมัวไปตั้งรัฐบาล “เพื่อนรัก หักเหลี่ยมโหด” แถมยังแขวะเป็นรัฐบาล 2 มาตรฐานหรือไม่ ในการบริหารงบประมาณของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่ต้องนำเงินไปเพื่อยกระดับควบคุมผู้ต้องขัง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และหลักสิทธิมนุษยชน โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ โดยมีสถานที่เป็นเรือนจำ และทัณฑสถาน ครอบคลุมผู้ต้องขัง 2.8 แสนคนทั่วประเทศ แต่มีข้อสงสัยเกิดขึ้นในสังคมวงกว้าง ว่าทำไมรัฐบาลนี้จึงปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้วกว่า 120 วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว

“นายกฯ เศรษฐา” ออกมาตอกกลับ “จุรินทร์” ง่อยไม่ง่อยไม่รู้ แต่ที่แน่นๆ ถ้าพูดถึงงานในกระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่า “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ทำงานเพียงปีเดียว มีผลงานมากว่า “จุรินทร์” ทำงานมา 4 ปี

ขณะที่ “บิ๊กทิน” ต้องลุกขึ้นโต้ ไม่ได้ซูเอี๋ยกองทัพ ย้ำจุดยืนเดิม แต่ไม่เร่งปฏิรูปหวั่นกำลังพลเสียขวัญ พร้อมแจงยิบสูตรปรับลดกำลังพล ขณะที่ปมซื้ออาวุธดาวน์น้อยผ่อนนาน สาเหตุจากสำนักงบฯ ตัดเงิน เหตุหวั่นเหลือเวลา 4 เดือน ใช้งบไม่ทัน กางปีกป้อง “กองทัพเรือ” รัฐบาลขอให้ร่วมอีอีซีเอง ไม่มีเงินทอน  

สุดท้ายงบประมาณก็ได้ผ่านวาระแรก จากนั้นก็เข้าสู่การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ขึ้นมาพิจารณา เพื่อให้ทันกรอบ 105 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 143 กำหนดไว้ ดังนั้นการพิจารณางบฯ ต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เม.ย. เมื่องบประมาณออกมา ก็เหลือเวลาอีก 4-5 เดือน ที่ข้าราชการต้องเร่งใช้เพื่อเก็บค่า KPI ดัน GDP ให้พุ่งๆ ตามปก

ภาระหนักก็จะต้องตกอยู่ที่รัฐบาล ว่าจะมีประสิทธิภาพแค่ไหน ในการบริหารงานควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณที่อนุมัติไปให้มีประสิทธิภาพ ไม่มีทุจริต ให้เกิดความโปร่งใส ถ้าบริหารแล้วเกิดข้อผิดพลาด สร้างความเสียหายให้ประเทศ จะเปิดช่องให้ถูกนำไปขยายผลในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ 

คนตั้งความหวังไว้สูง เมื่อเทียบกับ “รัฐบาลทักษิณ” ไม่ว่าจะหยิบจับอะไร ทำงานออกมาตอบโจทย์ประชาชน แต่ 3 เดือนที่ผ่านมาของ “รัฐบาลเศรษฐา” ทำได้แค่เดินสายตัดริบบิ้น ออกงานอีเวนต์ จากนี้ไปจะมาลีลารีรอคงไม่ได้แล้ว ในเมื่อมีงบอยู่ในมือแล้ว 3.48 ล้านล้าน ต้องรีบปั่นผลงานออกมาให้เห็นด่วนๆ ด้วยผลงานยังไม่มี จึงเจอกระแสปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นช่องว่างในการปล่อยข่าวลือ แม้คีย์แมนในพรรคต่างออกมาปฏิเสธ ว่า ยังไม่มีการปรับ ครม. ตอนนี้ แต่ด้วยโมเดลที่ “รัฐบาลทักษิณ” ได้เคยทำไว้ ปรับ ครม. ทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี จึงเป็นแรงกดดันเร่งต้องถักทอผลงานให้ได้เห็นเป็นผลงาน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

แม้รัฐบาลจะเดินหน้า แต่ยังมีตัวฉุดความเชื่อมั่น “รัฐบาลเศรษฐา” กับเคสดูแลนักโทษชาย (นช.) ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังไม่เคยได้ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว เพราะมีระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ซึ่งระเบียบนี้เป็นที่จับตามองว่า ออกมาเพื่อเอื้อต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ โดยเฉพาะ “นช.ทักษิณ” ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และเลยกำหนดเวลา 120 วันแล้ว และในเดือน ก.พ. จะเป็นฤกษ์งามยามดี ที่ นักโทษเทวดา จะได้กลับบ้านหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นโมเดลให้กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้กลับบ้านด้วย จึงต้องจับตาดูว่า กระแสข่าวที่ “ยิ่งลักษณ์” จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยใช้วิธีการพิเศษเหนือนักโทษคนอื่น ดำเนินรอยตาม “นักโทษทิพย์” ก็จะเป็นชนวนเหตุทำให้อายุรัฐบาลสั้นลง และปลุกไฟขัดแย้งขึ้นมาได้หรือไม่

ขณะที่ “นายกฯ เศรษฐา” ได้ฤกษ์งามยามดี วันอาทิตย์ที่ 7 ม.ค. เข้านอนในทำเนียบฯ ได้ หลังจากที่เคยหลุดปากว่าจะไปนอน และได้จัดเตรียมเตียงที่นอน หมอน มุ้ง ไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่ปรากฏว่า ยังไม่ได้นอนจริง เพราะติดภารกิจต้องไปต่างจังหวัดพอดี

ไม่ว่าจะถือฤกษ์อะไร ก็ขอให้เร่งปั่นงานให้มีผลงานออกมาโชว์แบบด่วนๆ เพราะอีกไม่นาน ฝ่ายค้านเตรียมเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเขย่า “รัฐบาลเศรษฐา” และการอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ การทำหน้าที่ของ พรรคก้าวไกล เป็นอีกมิติใหม่ของฝ่ายค้าน โดยคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตาการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในอนาคต ไม่ได้มีเพียงแค่วาทกรรมอย่างเดียว

ต้องจับตาว่าเวทีศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นไม่ในช้านี้ น่าจะแซ่บซี้ด จี๊ดจ๊าด “รัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม” เตรียมตัวไว้ได้เลย แม้จะมีองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีก็ตาม ส่วนจะมีเลือดอาบถึงกับต้องมีการปรับ ครม. หรือไม่ ต้องรอดูผลงานก้าวไกลกันต่อไป.