ในยุคที่เกียร์ออโตเมติกครองเมือง ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็พานพบแต่รถยนต์เกียร์ออโตเมติก สืบเนื่องมาจากความสะดวกสบายในการขับขี่ ซ้ำยังมีการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและแม่นยำ แต่เมื่อได้ความสะดวกสบายมาถึงแบบนี้ ก็มีสิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้ามจากผู้ขับขี่หลายๆ ท่าน คือ “การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอ” จนบางครั้งอาจถึงขั้นกระเป๋าฉีกกันเลยทีเดียว

“หน้าที่ของน้ำมันเกียร์ออโตเมติก” โดยหลัก ๆ แล้วจะทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังไฮดรอลิก ในการสั่งควบคุมระบบต่าง ๆ ในห้องเกียร์ ไม่ว่าจะเป็นคลัตช์ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ หล่อลื่นและระบายความร้อนชิ้นส่วนภายในต่าง ๆ ทั้งนี้ เมื่อน้ำมันเกียร์ออโตเมติกเริ่มเสื่อมสภาพ ก็จะส่งผลให้เกิดการสึกหรอสูงจนเกิดการเสียหายในที่สุด

เทคนิคควรรู้ การตรวจวัดน้ำมันเกียร์
– ดึงเบรกมือ ติดเครื่องยนต์ 2-3 นาที
– เหยียบเบรก โยกคันเกียร์ไปตำแน่งต่าง ๆ ให้ครบทุกตำแหน่งก่อนหยุดที่ตำแหน่ง P
– ดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ ออกมาเช็ดด้วยผ้าสะอาด
– เสียบก้านวัดลงไปใหม่แล้วดึงขึ้นมาอ่านค่า
– สังเกตระดับน้ำมันเกียร์ที่ก้านวัด จะต้องไม่ต่ำกว่าขีดล่าง (cool) ในกรณีเครื่องเย็น และไม่สูงเกินขีดบน (hot) ในขณะเครื่องร้อน
– หากน้ำมันเกียร์ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ต้องหาน้ำมันเกียร์เกรดที่ผู้ผลิตกำหนดมาเติม (ดูได้จากคู่มือรถ) โดยไม่จำเป็นต้องยี่ห้อเดียวกันก็ได้
– น้ำมันเกียร์บอกสภาพของเกียร์ได้ โดยเกียร์ที่สมบูรณ์ น้ำมันเกียร์จะต้องมีสีแดงหรือเหลือง สะอาด ไม่เป็นฟอง-ไม่มีเศษโลหะ
– หากน้ำมันเกียร์มีสีขุ่น ๆ คล้ายโคลน แสดงว่ามีการรั่วซึมของระบบน้ำหล่อเย็นออยเกียร์เข้าไปในระบบเกียร์ ให้รีบหาต้นเหตุแล้วซ่อม ร่วมทั้งเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่ด้วย
– การตรวจวัดน้ำมันเกียร์จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด ไม่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้
– แม้คู่มือรถยนต์ของท่านจะกำหนดให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ที่ทุก 40,000 กิโลเมตร แต่อย่าลืมว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน แถมการใช้รถในเมืองใหญ่ที่มีสภาพการจราจรติดขัด เพื่อให้ได้การปกป้องสูงสุด ขอแนะนำให้ท่านเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร..

………………………..
คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ
โดย “ช่างเอก”
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ [email protected]