บริเวณที่ดิน 5 ไร่ ภายในสวน “รัตน์ชา” ที่ปากทางเข้าบ้านโปร่งสนวน หมู่ที่ 7 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่ว่างเว้นหลังจากการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง และรอฤดูกาลเพาะปลูกรอบใหม่ในช่วงเริ่มต้นฤดูฝนในปีหน้า ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้กลายมาเป็นไร่กะหล่ำปลี ที่กำลังให้ผลผลิตเขียวขจีเต็มพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะสมในช่วงฤดูหนาวตอนนี้ ก็ยิ่งทำให้กะหล่ำปลีภายในไร่แห่งนี้แลดูสวยงาม และมีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด ซื้อง่าย ขายได้ราคา ยิ่งตอนนี้ราคากะหล่ำปลีกำลังมาดี กิโลกรัมละ 13-15 บาท ก็ยิ่งสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขให้กับเกษตรกรครอบครัวนี้มากขึ้นไปอีก
นายรัษฎากร ตากิ่มนอก และนางสาวสุรัตน์ ละอองดิน สองสามีภรรยา เล่าให้ฟังว่า ในช่วงปลายปีหลังเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชหลัก เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูหนาวพอดี ทำให้สภาพเหมาะสมต่อการเพาะปลูกผักกะหล่ำปลี ที่เป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นและใช้น้ำน้อย อีกทั้งยังใช้เวลาปลูกไม่นาน เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น จึงตัดสินใจทดลองปลูกเพื่อที่จะสร้างรายได้เสริมยามช่วงที่ต้องรอฤดูกาลเพาะปลูกมันสำปะหลังชุดใหม่ ซึ่งจะต้องรอรอบแรกประมาณเดือนมีนาคม โดยหลังจากทดลองปลูกก็พบว่าได้ผลผลิตดีเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งแต่ละชุดกะหล่ำปลี จะให้ผลผลิตถึงไร่ละ 5-7 ตัน ถือเป็นผลผลิตที่สูง
ขณะเดียวกันในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้กะหล่ำปลีมีราคาพุ่งสูงทุกปี โดยราคากะหล่ำปลีเฉลี่ยที่เกษตรกรจะพออยู่ได้ จะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท แต่ในช่วงนี้ราคาจะสูงถึง 10-20 บาท และตอนนี้เท่าที่รู้ ราคาขยับขึ้นไปที่กิโลกรัมละ 13-15 บาทแล้ว ทำให้กะหล่ำปลีกลายเป็นพืชเสริมที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวของตนเองอย่างมาก
เพราะแต่ละปีในพื้นที่ 5 ไร่ จะเก็บผลผลิตได้ไม่น้อยกว่ารอบละ 25 ตัน หากได้ราคากิโลกรัมละ 10 บาทขึ้นไป ก็จะทำให้ได้เงินจากการปลูกกะหล่ำไม่น้อยกว่า 250,000 บาทเลยทีเดียว อีกทั้งหลังจากการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีแล้ว หากปล่อยไว้ก็ยังจะเกิดยอดใหม่ขึ้นมา ที่เรียกกันว่า “แขนงกะหล่ำ” ก็สามารถเก็บไปขายได้อีก กิโลกรัมละประมาณ 20 บาท เรียกได้ว่าได้เงินสองต่ออีกด้วย โดยตัวเองใช้ไร่มันสำปะหลังแปลงนี้ ปลูกกะหล่ำปลีเสริมมานานกว่า 10 ปีแล้ว
“สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ต้องตัดสินใจหาพืชเสริมมาปลูกสร้างรายได้ทดแทนในช่วงสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังก็คือ ลูกชายและลูกสาว 2 คน ที่กำลังอยู่ในวัยเรียน ยิ่งเรียนสูงเท่าไรก็ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้น หากทำมันสำปะหลังอย่างเดียวก็ต้องรอเงินปีละครั้ง เพราะอายุยาวนานนับปี แต่กะหล่ำปลีเป็นพืชอายุสั้น ที่จะเข้ามาแทนในช่วงที่รอฤดูกาลเพาะปลูกรอบใหม่พอดี จึงเป็นพืชทางเลือกที่เหมาะสมที่จะสร้างรายได้ให้ทันกับค่าใช้จ่ายของลูกที่ต้องใช้เป็นประจำ
ยิ่งตอนนี้ลูกทั้งสองคนเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนศึกษาก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย กะหล่ำปลีจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครอบครัวหมุนเงิน ดำเนินชีวิตกันอย่างไม่มีปัญหา”
นอกจากการทำมันสำปะหลังและปลูกกะหล่ำปลีแล้ว ตอนนี้ทางครอบครัว “ตากิ่มนอก” ยังได้เตรียมแผนการสร้างรายได้ขั้นต่อไปให้กับครอบครัวเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการเริ่มทำสวนทุเรียน ที่ตอนนี้เป็นพืชที่กำลังได้รับความนิยม สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ เพื่อหวังที่จะสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพ่อแม่ หรือรุ่นลูกที่จะมาสานต่อในอนาคต
“นับวันอายุรุ่นพ่อแม่ก็จะเริ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ตอนนี้ยังทันพอมีกำลังมีแรง จึงอยากปลูกพืชสวนอย่างทุเรียน ที่สามารถทำเงินได้ดีและมีรายได้ระยะยาวอย่างมั่นคงในยามที่แก่ตัวลงไป ตอนนี้เริ่มปลูกไปแล้ว 8 ไร่ และพื้นที่ที่เหลือตอนนี้ ที่กำลังใช้ปลูกมันสำปะหลัง และกะหล่ำปลีตรงนี้ หากส่งลูกถึงฝั่งฝันแล้ว ก็จะปลูกทุเรียนแทน เพื่อที่จะมีรายได้เพิ่มเติมต่อไปในอนาคตด้วย”
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : รณฤทธิ์ นวนครบุรี จ.นครราชสีมา
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..