ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กก.รองผจก.ใหญ่แบงก์กรุงเทพ เคยคาดการณ์ไว้ว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทยจะเหมือน กระต่ายน้อยวิ่งวนในเขาวงกตที่มืดมิด ฟังแล้วถอนใจ เฮ้อ แต่แล้วก็จริง ปี 66 ที่กำลังจะผ่านพ้น เศรษฐกิจไทยซึมเซาเหมือนคนไม่ฟื้นไข้ หนี้ครัวเรือนสูงลิ่วที่ 90% ของจีดีพี ผู้คนชักหน้าไม่ถึงหลัง ธุรกิจ การค้าขายซบเซา กำลังการผลิตอยู่แค่ 60% สินค้าขายไม่ออก จีดีพีที่คาดจะโต 3.5% ได้แค่ 2.5% เงินบาทสุดผันผวน ไตรมาสแรก แตะ 39 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ ปลายปีเหลือ 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ นักศึกษาจบใหม่เตะฝุ่น คนเก่าไม่รู้จะรักษาอาชีพได้นานแค่ไหน ที่ได้โบนัสปลายปี 8-9 เดือน ยินดีด้วยสุด ๆ ถือเป็นความสุขส่งท้ายปี 2566 ขณะส่วนใหญ่ ยังหาทางออกไม่เจอ

ในด้านการเมือง เป็นปีแห่งที่สุดของที่สุด การเลือกตั้งใหญ่สร้างความตกตะลึงให้พรรคการเมืองเก่าๆ และฝ่ายอนุรักษ์ชนิดตั้งตัวไม่ติด พรรคก้าวไกลที่ประกอบร่างจากพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ ได้รับเลือกตั้งมากสุด 151 เสียง ขณะพรรคเพื่อไทยพลาดเป้าแลนด์สไลด์หลุดลุ่ย ได้แค่ 141 เสียง แต่ถึงยังไง 2 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยก็ได้ สส. รวม 292 เสียง เกินครึ่งสภาไปแยะ และปาร์ตี้ลิสต์กว่า 26 ล้าน หรือ 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตีแตกพรรคทหารหนียะย่าย พ่ายจะแจ มีเซ็นเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม ชู พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่รถไฟถูก “ทักษิณ” ระเบิดตกเหว

ท่ามกลางกระแสข่าวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ทำ “ดีลลับ” กับกลุ่มอนุรักษ์แลกการได้กลับบ้านหลังจากไป 17 ปี พรรคเพื่อไทย “ตระบัดสัตย์” จับมือพรรค 2 ลุง รวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ ตั้ง “รัฐบาลข้ามขั้ว” ฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมทิ้ง ประกาศเป็นรัฐบาลพิเศษ เพื่อความสมานฉันท์ ทักษิณกลับบ้าน 22 ส.ค. 66 วันเดียวกับ 152 เสียง สว.ลากตั้ง สาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท 152 เสียง โหวต เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ชนิดม้วนเดียวจบ

การตระบัดสัตย์ เปิดเผยโจ่งแจ้งโดย พล.ต.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศรภ. ว่า เป็นการทำ “ดีลลับ” พรรคเพื่อไทยต้องสลับขั้วทิ้งพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคอันตรายกับฝ่ายอนุรักษ์ ไม่ให้เป็นรัฐบาลและสกัดไม่ให้โตไปกว่านี้

ทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยยอมรับผิด ได้รับการลดโทษจาก 3 คดีที่ศาลตัดสินจำคุกรวม 8 ปี เหลือจำคุก 1 ปี แต่ไม่คาดคิด ไม่ติดคุกแม้วันเดียว เจ้าตัวไปพักรักษาตัวอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจจนถึงขณะนี้ ดูกันว่า 22 กุมภาพันธ์ปี 67 ที่จะได้พักโทษ การเมืองจะเข้มข้นขึ้นเพียงไหน เมื่อพยัคฆ์กลับเข้าป่าอีกครั้ง

ตลอดปี 66 การเมืองไทยคือ “ตระบัดสัตย์” รวม 2 ลุง จูบปากงูเห่า อยู่นอกคุก เริ่มด้วยความหวังเรืองรองของฝ่ายประชาธิปไตยจบด้วยชัยชนะฝ่ายอนุรักษ์ พรรคเพื่อไทยไหลไปอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายอนุรักษ์อย่างน่าใจหายสุด ขณะพิธาและพรรคก้าวไกล ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาพิธาในคดีถือหุ้นไอทีวีและคดีหาเสียงแก้ ม.112 โดนยุบพรรคหรือไม่ แล้วการแก้รัฐธรรมนูญก็กำลังถูกยื้อสุดชีวิต ทั้งที่เคยบอกเป็นวาระแรกที่จะทำ ขณะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่เห็นฝั่งเลย

หากไม่มีโพลส่งท้ายปี 2566 จากนิด้า และ Line Today ที่สอดคล้องกัน โดย นิด้าโพล พิธา ยังได้ความนิยมถึง 39.40% ชนะเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ 22.35% (แพทองธาร ได้แค่ 5.75%) พรรคก้าวไกลได้ 44.05% ชนะเพื่อไทยที่ได้ 24.05% ชนะกว่าครึ่งทั้ง 2 อย่าง นักการเมืองแห่งปีใน Line Today พิธา ได้ 36.35% เศรษฐา ได้ 16.50% นี่ย่อมแสดงว่า ภูมิทัศน์การเมืองของประชาชนยังไม่เปลี่ยน แม้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลผ่านมา 100 วัน ทำประชานิยมลดแลกแจกแถม ค่าน้ำ ค่าไฟ ลดราคาน้ำมัน และยืนยันแจกเงิน
ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น (ไม่ทุกคน มีเงื่อนไข ไม่ตามสัญญา)

2 โพลยืนยันว่า สิ่งที่ประชาชนยังต้องการ คือการเมืองใหม่ (ผ่านพิธา) เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างยั่งยืน มากกว่าปะผุเปลี่ยนผู้เล่นไปวันๆ แล้ววนลูปกลับที่เดิม…เพื่อไทยควรเอาไปตรึกตรองมากกว่าแก้ตัว เพิ่งเริ่มต้น

ที่สุดนี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยดลบันดาลให้ผู้อ่านมีสุขภาพแข็งแรง คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง สมปรารถนาดังหวังทุกประการ สิ่งใดที่คอลัมน์นี้อาจทำมากไปหรือน้อยไป ก็กราบขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย ขอความสุขสดชื่นทั้งกายใจจงบังเกิดแด่ทุกท่านตลอดปีมังกรทองด้วยเทอญ

ลาแล้วปีเก่า พบกันใหม่ปีหน้า

——————-
ดาวประกายพรึก