เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ
ผมอายุ 76 มี ตกเป็นพ่อม่ายมากว่า 2 ปี อยากเรียนปรึกษาเรื่องการใช้ยาพีดีอี 5 ไอ ขนาด 100 มิลลิกรัม ปัจจุบันร่างกายยังแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวใดๆ เป็นอดีตนักกีฬาเก่ายังชอบออกกำลังกายรักษารูปร่างตลอด ตรวจร่างกายทุกปีครับ นอกจากนี้ต้องไปปลดปล่อยอารมณ์กับหญิงบริการทั้งหมอนวดแผนโบราณ และสาว ๆ ไซด์ไลน์มีเพื่อน ๆ แนะนำมาให้ใช้บริการ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง อวัยวะเพศแข็งตัวดี สามารถหลั่งได้ทุกครั้งใช้เวลา 20-30 นาที กระทั่ง 4 เดือนก่อนมีโอกาสได้พบสาวไซด์ไลน์ เธอเพิ่งจะอายุ 23 ปี ยอมรับว่าผมหลงใหลเสน่ห์ชอบเธอมาก ๆ ทำให้ต้องนัดพบกับเธอสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นประจำ ทุกครั้งเธอยังเอ่ยปากเอง ขอให้ร่วมเพศกับเธอ 2 รอบ แถมชมผมอยู่บ่อย ๆ ไม่เชื่อว่าจะอายุ 76 จริง จนทำให้ผมก็ต้องพึ่งยาพีดีอี 5 ไอ ขนาด 100 มิลลิกรัม เพื่อร่วมเพศครั้งที่ 2 (การร่วมเพศครั้งแรกไม่ต้องทานยา) ระยะแรกไม่มีความผิดปกติใด ๆ แต่ล่าสุดหลังจากใช้ยาและร่วมเพศจนเสร็จในครั้งที่ 2 จู่ ๆ มีอาการเวียนศีรษะ รู้สึกเหนื่อย ใจสั่น ต้องหยุดพักอยู่ประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นตัดสินใจไปพบแพทย์ ตรวจเช็กหัวใจด้วยเครื่องไฟฟ้า หมอบอกว่าปกติดี ร่างกายก็ปกติเช่นกัน แต่ผมไม่หายกังวลอยากเรียนถามคุณหมอโอว่า อาการที่เกิดขึ้นเป็นฤทธิ์ของยา หรือเป็นเพราะร่วมเพศเกินกำลังมากไป

ด้วยความนับถือ
เจษ 76

ตอบ เจษ 76
อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือที่เรียกว่าโรคอีดีนั้นพบได้กับชายทั่วโลกจึงทำให้เกิดการคิดค้นวิธีการรักษาเพื่อที่จะได้มาซึ่งการแข็งตัวที่เต็มที่ นับตั้งแต่ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอ ถูกค้นพบโดยบังเอิญก็กลายเป็นทางออกที่ดูเหมือนจะง่าย เพียงแค่กินยาเม็ดเดียวจากนั้นเพียง 1-2 ชั่วโมง อวัยวะเพศก็แข็งตัวพร้อมใช้งาน หลังจาก ยากลุ่มนี้ออกสู่ตลาดก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลก แม้แต่ปัจจุบันประเทศไทยก็สามารถผลิตยากลุ่มนี้ได้เอง แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าในเมื่อยาออกสู่ตลาดทำให้การหาซื้อง่ายแสนง่าย แล้วความปลอดภัยในการใช้ยาดีพอหรือไม่

ตามที่คุณระบุปัจจุบันอายุ 76 ปีซื้อยามากินเอง เพื่อหวังแลกกับความสุขของหญิงสาว จนกินแล้วเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ รู้สึกเหนื่อย ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอ จะออกฤทธิ์โดยการขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ฟอสโฟ ได เอสเตอเรส-5 ทำให้ไซคลิกจีเอ็มพี (cGMP) เพิ่มขึ้นในกล้ามเนื้อเพศ (corpus cavernosum) กระตุ้นให้มีการสะสมของไนตริกออกไซด์ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบ คลายตัวและเกิดเลือดเข้าไปสะสมในกล้ามเนื้อเพศ (corpus cavernosum) ทำให้หลอดเลือดที่อวัยวะเพศชายมีการขยายตัว เกิดการแข็งตัวแต่การขยายตัวของหลอดเลือดไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศเท่านั้น ยังเกิดขึ้นกับหลอดเลือดทั่วร่างกายด้วยเช่น ขยายหลอดเลือดที่เรติน่า ขยายหลอดเลือดที่สมอง และที่หัวใจด้วย ซึ่งผลพวงนี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาแบบที่ทราบกันทั่วไปคืออาการมองเห็นอะไรก็เป็นสีฟ้า หรือสีเขียว เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง เวียนศีรษะ อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือว่ามีอาการใจสั่น

ดังนั้นขอแนะนำให้คุณควรจะหยุดกินยาดังกล่าว แล้วเข้ารับการฟื้นฟูที่ถูกต้องและปลอดภัยคือวิธีกระตุ้นกล้ามเนื้อเพศโดยตรง วิธีหนึ่งคู่กับวิธีฝึกกล้ามเนื้อเพศให้แข็งตัวจนร่วมเพศได้ 30 นาทีทุกวัน โดยไม่ต้องกินยาก่อนร่วม ถือว่าปลอดภัยที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป.

……………………………………………
ดร.โอ สุขุมวิท52