ยกให้เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ที่นับวันออร่าซุป’ตาร์ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับ“น้องอินเตอร์-รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ” ที่โด่งดังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นจากละครเรื่อง เมีย 2018 และ ซิตคอมสุภาพบุรุษสุดซอย และล่าสุดกับละคร “ไลลาธิดายักษ์ 2” ทางช่องวัน 31 ที่เข้มข้นจนมาถึงโค้งสุดท้าย เลยไม่พลาดขอนัดซุป’ตาร์ตัวน้อย มานั่งพูดคุยกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

พูดถึงบทบาทของอินเตอร์ในไลลาธิดายักษ์ 2?

“เรื่องนี้หนูรับบทเป็นไลลาค่ะ ตั้งแต่จบภาคแรก หลาย ๆ คน ก็บอกว่าอยากให้มีภาค 2 พอได้มีภาคต่อจริง ๆ ก็ดีใจมากค่ะ ห่างจากภาคแรกประมาณ 4 ปี ภาคแรกที่เล่น ตอนนั้นหนูอายุ 7 ขวบ ตอนนี้อายุ 11 ขวบแล้วค่ะ บทบาทก็ค่อนข้างโตขึ้นมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น มีความดื้อ ๆ แล้วก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย เพราะระหว่างที่ไลลาต้องสู้หรือต้องผจญภัย มีอุปสรรคเกิดขึ้นเยอะมากขึ้นค่ะ”

การถ่ายทำยากขึ้นด้วยไหม?

“ภาคนี้มีแฟนตาซีเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ซีจีจัดเต็ม การถ่ายทำเลยยากขึ้น เพราะเราต้องต่อสู้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราจะได้ยินแค่จากสิ่งที่ผู้กำกับเล่าให้ฟัง ว่าตัวละครอยู่ตรงนี้จะมีรูปร่างยังไง เราก็ต้องมาจินตนาการต่อเอง เวลาอยู่ในโลกยักษ์ ก็จะต้องถ่ายทำในโลเกชันที่เป็นป่า เขา คุณแม่ก็จะพกพัดลมตัวใหญ่ ๆ ไปให้ แล้วก็พกยากันยุงด้วย”

ไลลากับอินเตอร์ มีความคล้ายหรือต่างกันยังไงบ้าง?

“น่าจะเป็นเรื่องของช่วงวัยค่ะ ที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความรับผิดชอบประมาณนึง ส่วนสิ่งที่แตกต่างกัน ก็คงเป็นความเป็นยักษ์นี่แหละค่ะ (หัวเราะ) เพราะเราเป็นคนปกติ แต่ไลลามีความเก่งเหนือมนุษย์”

นอกจากไลลาธิดายักษ์ 2 ยังมีผลงานอะไรอีก?

“มีผลงานซิตคอมเรื่อง สุภาพบุรุษสุดซอย ค่ะ เล่นมายาวนานถึง 6 ปี ถือว่าเป็นอีกครอบครัวหนึ่ง เพราะโลเกชันที่เราถ่ายเป็นบ้าน เราเลยรู้สึกว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ของหนูเลย ที่มีพี่ ๆ อย่าง พี่เอิร์ธ (อาร์ อาณัตพล),พี่วิน (เต๋า-เศรษฐพงศ์), พี่ซัน (มาร์ช-จุฑาวุฒิ) เพราะในชีวิตจริงหนูจะเป็นพี่สาวของน้องชาย ต้องคอยดูแลน้อง แต่พออยู่ในกองเราเป็นน้องเล็กสุดก็จะโดนแกล้งตลอด พี่ ๆ เขาจะรู้ว่าหนูเป็นคนเซนซิทีฟ ร้องไห้ง่าย เขาก็แกล้งไปเรื่อยเลย พี่ ๆ ทีมงานก็ช่วยแกล้งด้วย เหมือนหนูโตมากลางกองเลย เพราะ 6 ปี ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่หนูเข้าวงการมาเลย”

การแบ่งเวลาเรียนยังไง?

“จะมีคุณแม่ช่วยแบ่งเวลาเรียนกับเวลาทำงานไม่ให้ชนกัน แล้วก็ถ้าชนกับวันเรียนจริง ๆ เราก็จะถามเพื่อน ถามคุณครูว่ามีการบ้านอะไรไหม แล้วก็จะเอาหนังสือมาอ่าน เอาการบ้านมาทำที่กองถ่าย เราพยายามส่งงานให้ครบ และให้ตรงเวลา”

อาชีพในฝันของอินเตอร์นอกจากนักแสดง?

“ตอนนี้หนูอยู่ชั้น ป.6 กำลังจะขึ้น ม.1 เลยเป็นช่วงที่คิดว่าจะเรียนสายอะไรต่อดี เพราะใกล้ที่จะต้องเลือกแล้ว ตอนแรกหนูคิดว่าจะเรียนด้านบริหาร เพราะเราไม่ค่อยถนัดเลข กับวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังไม่ได้ติดใจ เพราะจริง ๆ ก็มีอีกสายงานหนึ่ง อย่างหมอ หรือพยาบาล ที่มีความมั่นคง เลยเป็นช่วงที่หาข้อมูลอยู่”

มีเวลาพักบ้างไหม?

“จริง ๆ หนูเป็นคนนอนง่าย ถ้าระหว่างที่คุณแม่ไปรับที่โรงเรียนไปส่งที่กอง ขึ้นรถแป๊บเดียว ถ้าแอร์เย็น ๆ ก็คือหลับได้เลยค่ะ หัวถึงหมอนก็หลับเลยค่ะ ถ้ามีเวลาในกองก็จะนอนเลย เก็บแรง นอนเก่ง (ยิ้ม)”

ไอดอลในวงการบันเทิง?

“คนที่หนูยกให้เป็นไอดอลเลย คือ พี่ญาญ่า-อุรัสยา กับ พี่ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ค่ะ แต่ยังไม่เคยได้ร่วมงานกัน หนูชอบที่พี่เขาสวย เก่ง และมีความสามารถหลายด้าน เราเลยอยากมีความสามารถและเก่งให้ได้แบบพี่ ๆ”

ย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการจนถึงวันนี้?

“ตอนแรกหนูไม่ได้คิดเลยว่าอยากจะเป็นนักแสดง แต่ตอนเด็ก ๆ ตั้งแต่อนุบาล หนูเป็นคนชอบลองโน่นลองนี่ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุน เมื่อก่อนหนูเรียนเยอะมาก เรียนเปียโน เรียนบัลเลต์ ร้องเพลง ว่ายนํ้า เรียนทุกอย่าง แล้วหนูก็เริ่มอยากไปแคสงาน คุณแม่ก็พาไป แคสโฆษณา แคสละคร มีได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตอนนั้นเรายังไม่มีชื่อเสียงอะไรเลยนะคะ เป็นเด็กแคสงานธรรมดา จนได้มาแคสเรื่อง สุภาพบุรุษสุดซอย เลยทำให้เราเริ่มมีชื่อเสียง มีงานโฆษณา มีอีเวนต์ มีละครเรื่องอื่น ๆ ต่อมา ซึ่งทุกอย่างเกิดจากความชอบของหนู ไม่ได้ถูกบังคับ พอเราได้ไปแคสงานไปถ่ายโฆษณา เลยรู้สึกสนุกที่ได้ไปเจอเพื่อน ๆ แล้วเวลาไปกองก็ได้ไปสถานที่ใหม่ ๆ ทำให้เรารูสึกตื่นเต้นกับการทำงาน เหมือนได้ไปเที่ยวเลยไม่งอแงเลย”

ตอนนั้นอ่านบทยังไง?

“ตอนนั้นหนูยังอ่านหนังสือไม่ออก เลยให้คุณแม่อ่านให้ และหนูก็จำอย่างเดียวเลยค่ะ”

บทบาทที่อยากเล่น?

“หนูยังไม่เคยเล่นบทฝาแฝด ที่เป็นสองตัวละคร หรือสามตัวละครมาก่อนค่ะ ก็คิดว่าเขาทำได้ยังไง เก่งมาก ๆ เพราะต้องเล่นหลาย ๆ
รอบ แล้วแต่คาแรกเตอร์ที่เล่นก็ต้องเล่นให้
ไม่เหมือนกันเลย แล้วก็อยากเล่นหนังด้วยค่ะ”

เห็นคุณแม่เคยลงรูปว่าน้องอินเตอร์ ซื้อรถให้ครอบครัวด้วย?

“จริง ๆ หนูไม่ได้ซื้อนะคะ เป็นเงินของคุณพ่อคุณแม่ เพราะเป็นเงินของครอบครัวบางคนที่เห็นอาจจะคิดว่าหนูซื้อหรือเปล่า ใช้เงินหนูหรือเปล่า แต่ก็ไม่ผิดนะคะที่จะคิด ก็คิดได้ แต่ว่าจริง ๆ เงินของหนู คุณพ่อคุณแม่ก็จะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา หรือหนูจะเอามาใช้ตอนซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อน ส่วนเงินค่าขนมหนู หรือเวลาซื้อของใช้ต่าง ๆ ของตัวเองก็ยังใช้เงินคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”

พอเก็บเงินได้เยอะ ๆ แล้วรู้สึกภูมิใจไหม?

“ภูมิใจนะคะ หนูก็จะถามคุณแม่ที่เก็บเงินให้เราในบัญชีว่าตอนนี้มีเงินเท่าไหร่แล้ว มีการเช็ก (ยิ้ม) พอรู้แล้วก็คิดว่า ถ้าเราไม่ได้ทำงานในวงการก็คงไม่มีเงินเก็บตั้งแต่เด็ก ๆ บางทีก็ชมตัวเองว่าเก่งจังเลย”

เป้าหมายในวงการหลังจากนี้?

ตอนนี้หนูตั้งเป้าหมายเรื่องการเรียน ส่วนงานแสดงในวงการบันเทิงก็ยังรับหมดทุกอย่าง หนูพยายามบริหารเวลาเรื่องงานกับการเรียน ไม่ให้หนักจนเกินไป เพราะตอนนี้เราเรียนเยอะขึ้น มีการบ้าน มีโปรเจกต์
ทั้งงานกลุ่ม งานคู่ด้วยค่ะ”

สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย?

“ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ติดตามน้องอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนี้ก็ยังติดตามกันอยู่ ก็อยากฝากให้ติดตามและซัพพอร์ตผลงานของน้องอินเตอร์ไปเรื่อย ๆ จนโตเลยนะคะ”.

นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง / พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ