12 ธ.ค. ตี 3 เศษ กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน) ได้จากไปอย่างสงบในวัย 94 ปี ขอใช้พื้นที่ไม่มากตรงนี้ ร่วมรำลึกถึงคุณกิตติที่เรารู้จักกว่า 30 ปี คนที่ทั้งน่าทึ่ง ขยัน กตัญญู เป็นนักบุกเบิก กระหายเรียนรู้ สมถะ ลงทุนกับเทคโนโลยี ลงทุนกับคน เป็น “อัจฉริยะ” เป็นคนจริงจังมาก จนดูเครียดเกินด้วยซ้ำ

ณ อาคารศูนย์เรียนรู้ ที่เป็นบ้าน คุณกิตติ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา สถานที่ทำพิธีศพนั้น เนืองแน่นไปด้วยผู้คน ลูกชายคนโต โยธิน และภริยา ลดาวัลย์ ดำเนินชาญวนิชย์ เป็นแม่งานพร้อมพี่น้องและหลาน ๆ หลายสิบคน บนเสาต้นหนึ่ง มีป้ายสีดำ อักษรจีน มีภาษาไทยกำกับ ว่าด้วย หลัก 5 ใจ…สนใจ ตั้งใจ วิจัยจนเข้าใจ มั่นใจ และ ตัดสินใจ คติที่ “มหาเศรษฐี” คนนี้ใช้เป็นแนวทางชีวิต ส่วนอีกใจที่ไม่ได้อยู่ในป้าย ใจที่ 6 ทำใจ “หากทำทุกอย่างถึงที่สุดแล้ว ล้มเหลว ต้องทำใจ อย่ามัวจมกับทุกข์ ต้องตั้งสติใหม่ให้เร็ว”เจ้าสัวบอกเรากับ “หมาแก่” ดนัย เอกมหาสวัสดิ์

เจ้าสัวกิตติไม่เคยจบหลักสูตรบริหารจากที่ไหนเลย “ผมเรียนไม่จบ ป.3 ด้วยซ้ำ เพราะพ่อแม่ยากจนมาก” ที่เหลือคือการขวนขวาย เรียนรู้ ฝึกฝนด้วยตัวเองจนช่ำชอง ทั้งภาษาไทย ภาษาจีน กลยุทธ์การค้า มันน่าทึ่ง ?!?

ผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา และคณะเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้บ้านคุณกิตติ - Double A

ความสำเร็จในการค้าข้าวของคุณกิตตินั้น เลื่องลือ “ผมตามอัตราแลกเปลี่ยนใกล้ชิด เพราะเวลาเปิดปิดตลาดเงินของยุโรปของสหรัฐกับไทยคนละเวลา ตี 2 ตี 3 ไม่หลับไม่นอน หมกมุ่นจนทีมงานอิดหนาระอาใจ เหมือนคนบ้า” และทั้งที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ตอนวิกฤติราคาข้าวตกต่ำ “ผมส่งเรือมหาสมุทร 6 ลำ มีข้าวเต็มกว่าแสนตัน ออกจากท่ามุ่งหน้าลอยลำที่ แอฟริกา ทั้งที่มีใบสั่งซื้อแค่ลำเดียว ผมบ้าบิ่น แต่มั่นใจว่า วิธีนี้เรียกความสนใจได้ มีการลือว่า มีข้าวปริมาณมหาศาลออกจากไทย ราคาข้าวจึงสูงขึ้น แค่ 3 เดือน ข้าว 6 ลำ ขายเกลี้ยง คนอื่นได้ระบายข้าวไปด้วย” ยังเปิดศักราชใหม่ ขายข้าวโดยไม่ต้องผ่านโบรกเกอร์ฝรั่งเป็นครั้งแรก

จากโรงสีเล็ก ๆ ที่บางปะกง กลายเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของไทย และอันดับ 1 ของโลก นี่คือ อัจฉริยะ

ย้อนถึงจุดเปลี่ยนจากแชมป์ค้าข้าวสู่นักอุตสาหกรรมกระดาษครบวงจร แม้เส้นทางใหม่จะสำเร็จงดงาม แต่เริ่มแรกนั้นกลับสร้างแผลใจใหญ่หลวง “ผมเหมือนหมาตัวหนึ่ง” คุณกิตติรำพึง จากเริ่มต้นโดยคุณสุรางค์ ภรรยา คุณกิตติรับไม้ต่อลงทุนปลูก “ยูคาลิปตัส” จริงจัง เพราะเห็นศักยภาพ ไม่ใช่แค่ขายไม้ท่อน แต่คือ อุตสาหกรรมกระดาษส่งออก ขณะนั้นยูคาลิปตัสไม่ใช่ “ต้นไม้กระดาษ” เอ็นจีโอปลุกกระแสต่อต้านหนักหน่วง เป็นต้นไม้ปิศาจ ใบมีนำ้มันมาก จนหญ้าก็ขึ้นไม่ได้ ในป่ายูคายังไร้เสียงนกร้อง เพราะนกก็ตาย จินตนาการได้ไกลขนาดนั้น

ดร.นิกร วัฒนพนม เป็นผู้ชวนเรา และ ชลิต กิตติญาณทรัพย์ บินข้ามโลกไป บราซิล กับคุณกิตติพร้อมลูก ๆ มี คุณโยธิน พูนสมบัติ ศิริวรรณ ฯลฯ เพื่อดูงานสวนป่า “อราครูซ” เมืองที่ปลูกต้นยูคาไกลสุดลูกหูลูกตานับพันไร่ และเป็นโรงงานผลิตเยื่อกระดาษทันสมัยครบวงจร ได้เห็นความร่มรื่น มีผีเสื้อ มีเสียงนกร้อง ด้วยตา ด้วยหู ตัวเองเต็ม ๆ ขณะตัวละครอย่าง พล..สนั่น ขจรประศาสน์ รมว.เกษตรจาก ปชป.ถูกหาว่า เปิดให้พ่อค้ารุกป่า ขายชาติ สวนป่ากิตติภาษาอังกฤษ S/K กลายเป็นชื่อย่อสนั่น (S) ขจรประศาสน์ (K) นั่นทำให้คุณกิตติใจสลาย

ตอนนั้น คนมาก่อนกาล กลายเป็นผู้ร้าย (ได้ยิน “เครดิตคาร์บอน” ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วก็จากคุณกิตติ) ตอนนี้ดับเบิลเอใต้เงา โยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ มี 340 สาขาทั่วโลก นำรายได้เข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้าน ซื้อโรงกระดาษใหญ่สุดในยุโรป “อลิเซ่” ที่เมืองรูอ็อง ฝรั่งเศส เป็นฐานขยายตลาด เกษตรกรไทยเองที่ปลูกเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมตามท้องไร่ปลายนา มีรายได้มั่นคงเลี้ยงครอบครัว เพราะการวิจัย (R&D) ที่คุณกิตติลงทุนจริงจัง จนได้ “ยูคาฯดีสุด” พันธุ์ใหม่ มีใบน้อย ต้นสูงเร็ว 3-4 ปี ก็ตัดขายได้ แม้แต่ “อราครูซ” ยังส่งทีมมาขอดูงานที่สวนป่ากิตติ

จึงไม่แปลกที่คุณกิตติจะได้รับ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์หลายด้าน ทั้งจาก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ และเพื่อชดเชยที่เรียนน้อย คุณกิตติบริจาคเงินสร้าง รร.อาชีวศึกษา ที่เมืองผู่หนิง และส่งนักเรียนไทยไปเรียนซัมเมอร์ที่นั่นติดต่อกันหลายรุ่นแล้ว ได้ทั้งภาษา ได้ทั้งทักษะอาชีพ ตอนนี้ใคร ๆ ก็ฮิตเรียนภาษาจีน เมื่อมังกรตื่น กลายเป็นมหาอำนาจของโลก

ว่ากันว่า ตำแหน่งอยู่ชั่วคราว แต่ตำนานอยู่ตลอดกาล หนึ่งในนั้นคือ คุณกิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ ที่เรารู้จัก

———————
ดาวประกายพรึก