ชาวเกาหลีเหนือหลายหมื่นคน หลบหนีไปยังเกาหลีใต้ นับตั้งแต่คาบสมุทรเกาหลี ถูกแบ่งแยกด้วยสงครามเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1950 แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะเดินทางทางบก ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนก่อน เนื่องจากการลี้ภัยทางทะเล อันตรายกว่าอย่างมาก และมีเพียงไม่กี่เท่านั้น ที่สามารถข้ามพรมแดนทางทะเลโดยพฤตินัย หรือ “แนวจำกัดตอนเหนือ” ได้

กระนั้น คิม ชาวประมงวัย 31 ปี มั่นใจว่าเขาสามารถไปถึงเกาหลีใต้โดยใช้เส้นทางทางทะเลได้ ซึ่งหลังจากความพยายามของเขาประสบความล้มเหลว 2 ครั้ง ท้ายที่สุด คิมก็สามารถพาครอบครัวของเขา ที่มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ออกจากเกาหลีเหนือได้สำเร็จ

Nippon TV News 24 Japan

คิมใช้เวลาหลายเดือน ในการศึกษารูปแบบการลาดตะเวนชายแดนของทหาร และรอจนกว่าโอกาสจะมาถึง นั่นคือ ช่วงที่เกาหลีเหนือยกเลิกการปิดล้อมชายฝั่ง หลังการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19

ภายหลังการสอบสวนอย่างละเอียดนานหลายเดือน ตอนนี้คิมและครอบครัวพร้อมใช้ชีวิตใหม่ และเข้าร่วมมหกรรมจัดหางานครั้งใหญ่ สำหรับชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ ซึ่งเกาหลีใต้จัดงานดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ

มหกรรมจัดหางาน สำหรับชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ หรือผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

คิมรู้สึกทึ่งที่ได้เห็นโอกาสในการทำงานหลายสิบตำแหน่ง ภายในงานที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ “โคเอ็กซ์” (COEX) ซึ่งมีบริษัท และสถาบันภาครัฐประมาณ 100 แห่ง เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ คิม ซึ่งเคยทำงานในอุตสาหกรรมประมงของเกาหลีเหนือเป็นเวลาหลายปี กล่าวว่า เขาใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็น “นักเดินเรือ” มานานแล้ว แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในบ้านเก่าของเขา เพราะอุตสาหกรรมประมงของเกาหลีเหนือ ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และถูกจำกัดการเข้าถึงงานอย่างมาก อีกทั้งยังต้องพึ่งพาภูมิหลังและความสัมพันธ์ที่เหมาะสมด้วย

ในอดีต คิมใช้ชีวิตอย่างสงบและขยันขันแข็งในเกาหลีเหนือ เขาทำงานเพื่อพยายามมีเรือเป็นเป็นของตัวเองในวันหนึ่ง โดยเริ่มจากการเป็นลูกเรือบนเรือประมง จากนั้นเขาจึงเรียนรู้การดำน้ำ เพื่อหารายได้เพิ่มเติม จนในที่สุด คิมก็มีเงินมากพอที่จะต่อเรือไม้ลำหนึ่ง ซึ่งเขาใช้งานมันมาประมาณ 5 ปี ก่อนที่จะเสี่ยงอันตรายในทะเล ในการเดินทางไปยังเกาหลีใต้

คิม กล่าวว่า เขาตัดสินใจแปรพักตร์ เมื่อบุตรของเขากลับมาถึงบ้านในวันหนึ่ง หลังจากการทำ “กิจกรรมล้างสมองที่ไร้สาระ”

“ผมอยากให้พวกเขาสามารถทำ พูด และเห็น ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว มันไม่มีอยู่ในเกาหลีเหนือ ผมอยากแสดงให้พวกเขาเห็นว่า มันมีโลกที่ดีกว่า มันมีโลกที่ใหญ่กว่า อยู่ข้างนอกนั้น” คิม กล่าว “ในตอนนี้ คุณอาจมีชีวิตที่มั่นคงในเกาหลีเหนือ หากคุณวางแผนเป็นอย่างดี และทำงานหนัก แต่มันไม่มีอิสรภาพเลย”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP