เพราะแผ่นดินไหวจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 5 รมว. ที่นำมาซึ่งการสอยหนามตำเท้าผู้นำอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จนตกเก้าอี้ รมช. เมื่อสัปดาห์ก่อน และสงครามยังไม่ยุติง่าย ๆ ทำให้กลบข่าวอื่นไปสิ้น โดยเฉพาะเรื่องที่ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลผลสอบสวนคดีนาฬิกายืมเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หน.พรรค พปชร. สมัยเป็นรองนายกฯ ยุค คสช. เมื่อ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา

ศาลสั่ง ป.ป.ช. เปิดเผย 2 ประเด็น 1.รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งคณะทำงานฯ เสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันที่มีมติเกี่ยวกับคดีนี้รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 2.คำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร จำนวน 4 ครั้ง และให้เปิดเผยภายใน 15 วันนับแต่คดีถึงที่สุด

ที่เป็นไฮไลต์และต้องไม่มองข้ามคือ เหตุผลที่ศาลปกครองกลางระบุว่า “เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้อันจะก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือศรัทธาในการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. อีกทั้งผู้ฟ้องคดีสมควรจะได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องเปิดเผยตาม รธน.2560 ม.41 และ 59 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย ตามหลักการและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช. ให้สิ้นสงสัย อันแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจที่ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ”

ขอบคุณศาลปกครองกลางที่พูดแทนใจประชาชนอย่างถึงที่สุด ครบถ้วน ตรงประเด็น สง่างาม กล้าหาญ และเที่ยงธรรม ขณะการทำงานของหลายองค์กรอิสระถูกมองว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้มีอำนาจไว้กำจัดฝ่ายตรงข้ามชนิดเบ็ดเสร็จมากกว่าทุกยุคทุกสมัยรวมกัน

สนง.ข่าวออนไลน์ “THE MATTER” คือผู้ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. กรณีไม่ยอมเปิดเผยผลสอบคดีนี้ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร กระทั่งศาลมีคำสั่งดังกล่าว อย่างที่รู้ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 ชี้มูลให้ พล.อ.ประวิตร ไม่ผิด กรณีแจ้งบัญชีหนี้สินและทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จากการมีนาฬิกาหรูและแพงมาก 22 เรือนในครอบครอง แต่ไม่ได้แจ้ง ป.ป.ช. แล้วถูกแฉจากเพจ “CSILA” โดยอ้างว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนร่วมรุ่น “เซนต์คาเบรียล” ซึ่งเสียชีวิตแล้วให้ยืมมาใช้ (ใส่เป็นปีนะ) และได้คืนให้ลูกนายปัฐวาทไปแล้ว (หลังนายปัฐวาทเสียชีวิตเพราะเป็นข่าวนะ) โดย ป.ป.ช. ระบุว่า เป็นการยืมใช้ “ทรัพย์สินคงรูป” และมีการคืนไปหมดแล้ว จึงไม่มีความผิด ทำให้ ป.ป.ช.ขณะนั้นเป็นหมู่บ้านกระสุนตก เพราะกล้าลุยไฟชี้มูลคดีด้วยเหตุผลดังว่า

คดีนี้ผู้ยื่น ป.ป.ช.คือ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เมื่อ 3 ม.ค. ปี 62 และตอนนี้นายเรืองไกร ที่โชว์รูปเบนซ์ 2 คัน กลายเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ที่ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคไปเรียบร้อยแล้ว?!?

จะว่าไป จึงไม่ได้หวังอะไรจาก ป.ป.ช.หรอก การรื้อฟื้นคดีก็คงไม่มี แถมอาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอีกด้วย แต่ไม่ทันไร ก็กางปีกป้องเต็มที่ เช่น ถ้าเป็นส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนคดีเปิดไม่ได้ ถ้าเกิดผลกระทบให้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมประสิทธิภาพเปิดไม่ได้  ถ้ากระทบเสรีภาพส่วนบุคคล ถ้าขัด รธน.เปิดไม่ได้ ฯลฯ ทั้งที่เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร คือ เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น แต่ที่ ป.ป.ช.ทำคือ ปกปิดเป็นหลัก เปิดเผยเป็นข้อยกเว้น อะไร ๆ ก็ไม่ได้หมด แต่กำลังจะขุดเรื่องการซื้อเครื่องบิน เมื่อ 17 ปีที่แล้วของ ทักษิณ ชินวัตร มาสอบใหม่??

ที่ผ่านมา ผลสำรวจโพลดัง ๆ ประชาชนมองว่า ป.ป.ช. ติดลบจนแทบไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช.ควรลืมตาดูโลกและเหตุผลที่ศาลปกครองกลางท่านระบุไว้หน่อยก็ดี เผื่อจะสะกิด “ต่อมสำนึก” มาได้บ้าง ช่วยเหลือศรัทธาและความน่าเชื่อถือฝากไว้ในแผ่นดินกันบ้างเถอะนะ.

————————-
ดาวประกายพรึก