เวียนบรรจบ…เป็นอีกโอกาสอันสำคัญที่ปวงไทยทุกหมู่เหล่าจะได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี” และร่วมกันแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นหาที่สุดมิได้แห่งพระองค์
ทั้งนี้ วันที่ “5 ธันวาคม” สำหรับประเทศไทยยังเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” ด้วย ซึ่งก็เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่เป็นลูกทั้งหลายที่จะได้แสดงออกถึงความรักและตระหนักถึงพระคุณของพ่อ ซึ่งกับการจะเป็นพ่อ โดยเฉพาะจะเป็นพ่อที่ดีสำหรับลูก ก็มิใช่เรื่องง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เป็น “พ่อในยุคปัจจุบัน” ยุคที่สภาพสังคมไทยรายล้อมไปด้วยความเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้าน…
ยุคนี้เหล่าคุณพ่อต้องมีบทบาทมิติใหม่
“พ่อยุคใหม่” นี่ “ยิ่งเผชิญความท้าทาย”
ก็ “ยิ่งไม่ง่ายที่จะเป็นพ่อที่ดีสำหรับลูก”
อย่างไรก็ดี สำหรับ “พ่อยุคใหม่” สำหรับผู้ที่เป็นพ่อภายใต้ “ยุคที่สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ ด้าน” เช่นยุคนี้… ก็มีแง่มุม-แง่คิดจาก จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ซึ่งได้สะท้อนกรณี “บทบาทของคุณพ่อยุคใหม่” ผ่านทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาว่า… ท่ามกลางสถานการณ์สังคมยุคปัจจุบันนี้ เพศชาย-ผู้ชาย ที่ “เป็นพ่อ” นั้น…คง “ไม่สามารถยึดติดหรือใช้อำนาจแบบสังคมเดิมได้อีกแล้ว” โดยเฉพาะกับทัศนคติเดิม ๆ อย่างชายเป็นใหญ่ เพราะเป็นยุคที่ไม่ว่าจะเพศใดก็ล้วนมีสิทธิเสรีภาพและความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ดังนั้น คนที่เป็นพ่อในยุคนี้ก็จะต้องปรับเปลี่ยน…
“ต้องเปลี่ยน” เพื่อ “เป็นคุณพ่อยุคใหม่”
เพื่อ “ไม่ให้เป็นพ่อที่ล้าสมัย-พ่อตกยุค”
ทาง จะเด็จ ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สะท้อนเรื่องนี้ต่อไปว่า… การจะเป็นคุณพ่อยุคใหม่นั้น ผู้เป็นพ่อต้องยึดหลักสำคัญ นั่นคือ… ต้องไม่ลุแก่อำนาจต้องรู้จักแบ่งปันอำนาจภายในครอบครัว ซึ่งที่ผ่าน ๆ มานั้น ผู้ชายมักจะยึดติดกับคำว่า “หัวหน้าครอบครัว” จนเคยชินกับแนวคิดนี้กันมาตลอด ทำให้เพศชาย หรือผู้ที่เป็นพ่อ รู้สึกมีอำนาจเหนือกว่าผู้ที่เป็นแม่และสมาชิกครอบครัวคนอื่น จึงส่งผลให้ยังมีคุณพ่อที่มักเลี้ยงลูกและดูแลครอบครัวแบบชี้นิ้ว ซึ่งกับลูกมักจะเน้นสั่ง สั่งให้ลูกจะต้องเป็นอย่างนั้นจะต้องเป็นอย่างนี้ “กำหนดชีวิตลูกให้เป็นแบบที่พ่อคิดหรือต้องการ” ซึ่งเป็น “แนวคิดที่ตกยุค” แล้ว…
“การแบ่งอำนาจร่วมกันในครอบครัวสำคัญมากกับคนเป็นพ่อในยุคนี้ โดยการแบ่งปันอำนาจนี้หมายความว่า การที่จะทำอะไรกัน คุณพ่อก็ต้องให้ลูกหรือสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วม เช่น ลูกอยากเรียนอะไร ก็ต้องให้ลูกเป็นคนเลือก ไม่ใช่พ่อเป็นคนกำหนดหรือตัดสินใจแทน”…จะเด็จ อธิบาย “นิยาม” ของคำว่า “แบ่งปันอำนาจในครอบครัว”
พร้อมทั้งสะท้อนผ่านทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาอีกว่า… การแบ่งปันอำนาจร่วมกันในครอบครัวเช่น การให้ลูกตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง หรือการให้อำนาจคุณแม่ร่วมตัดสินใจหรือเสนอทางเลือกร่วมกันนั้น จะส่งผลต่อการที่ลูก และครอบครัว จะมีอนาคตอย่างไรต่อไป โดยสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การทำให้เกิด “แนวคิดการแบ่งปันอำนาจในครอบครัว” ได้นั้น ผู้ที่เป็นพ่อต้องลบล้างแนวความคิดความเชื่อแบบเดิม ๆ ให้ได้เสียก่อน เพราะหลาย ๆ อย่าง เช่น การสำคัญตนเองว่าเป็นคนหาเงินเลี้ยงครอบครัว ในยุคนี้อาจใช้ไม่ได้แล้ว เพราะยุคนี้ภรรยา ผู้ที่เป็นคุณแม่ของลูก ก็สามารถหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ไม่แพ้ผู้ชาย
ผู้ที่เป็นพ่อจะต้องลบล้างแนวคิดเดิม ๆ
“ปัจจุบันคนเป็นแม่จำนวนมากก็ทำงานหาเงินเก่งไม่แพ้คนเป็นพ่อ การใช้อำนาจในครอบครัวแบบคุณพ่อเป็นใหญ่ การรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่ตัวคุณพ่อคนเดียวจึงใช้ไม่ได้อีก ซึ่งถ้าคุณพ่อคนใดยังยึดติดอำนาจนี้ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือความรุนแรงในครอบครัวตามมาได้ง่าย ๆ” …จะเด็จ เน้นย้ำ…ซึ่งเป็นเรื่องที่ “มีผลเสียต่อลูก”…
ถ้า “หากผู้เป็นพ่อในยุคนี้ไม่ปรับตัว”…
เช่นนี้ “ก็เสี่ยงจะเกิดปัญหาครอบครัว!!”
ทั้งนี้ สิ่งที่ “คุณพ่อยุคใหม่ต้องปรับตัว” ก็มีตั้งแต่กับภรรยาจนถึงลูก เช่น… ภาระงานบ้าน ต้องช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านคนเป็นคุณแม่มากขึ้น จากเดิมที่งานบ้านมักถูกผลักภาระให้คนเป็นคุณแม่เป็นหลัก จนส่งผลให้คุณแม่หลายคนเกิดความเครียด ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านด้วยและทำงานบ้านคนเดียว ขณะที่อีกบทบาทที่คนเป็นคุณพ่อยุคใหม่ควรมีด้วยคือ… การ เปิดใจยอมรับความหลากหลายทางเพศ เพราะยุคนี้ไม่ได้มีแค่เพศหญิง-เพศชาย ซึ่งถ้าทำได้ก็จะลดความขัดแย้งและความรุนแรงในครอบครัวที่อาจเกิดจากกรณีความหลากหลายทางเพศ…โดยเฉพาะกับลูก
“คุณพ่อยุคใหม่จะต้องไม่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร แต่ต้องมองคนในครอบครัวเท่าเทียมกัน รวมถึงต้องไม่เป็นคุณพ่อที่คอยสั่งลูกอย่างเดียว แต่ควรต้องเป็นเพื่อนของลูกมากกว่า ซึ่งถ้าคุณพ่อคนใดไม่ยอมปรับตัว-เปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ สุดท้ายก็จะตามโลก-ตามลูกไม่ทัน กลายเป็นคุณพ่อที่ตกยุค” …ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เน้นทิ้งท้าย
เหล่านี้มิใช่แค่ “เสมอภาคในครอบครัว”
นี่ยึดโยง “เป็นพ่อยุคใหม่ที่ไม่ตกยุค”…
และ “เป็นพ่อที่ดีสำหรับลูกยุคใหม่”.
