เมื่อไม่นานมานี้ มีกลุ่ม LGBTIQ+ เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ซึ่งนายเศรษฐาได้รับปากที่จะเสนอ “กฎหมายเกี่ยวกับเพศ” เข้าสู่ที่ประชุมสภาในช่วงต้นสมัยประชุมที่จะถึงนี้ ( 12 ธ.ค.) คือร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ…. หรือ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งร่างที่เสนอ จะเป็นร่างของรัฐบาล ยกร่างโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ขณะที่พรรคก้าวไกลก็จะเสนอร่างของตัวเองประกบ ..ส่วนร่างที่คาในสภาสมัยรัฐบาลบิ๊กตู่นั้นถือว่าตกไปหมดแล้ว เพราะไม่มีการหยิบมายืนยันพิจารณาต่อในช่วงเปิดประชุมสภาครั้งแรก 60 วัน ดังนั้น..กฎหมายก็เข้าวาระหนึ่งใหม่ แต่คิดว่าไม่น่าจะล่าช้า เพราะไทยพยายามสร้างภาพลักษณ์เป็น gay destination ถ้าไม่ให้ปลอมเปลือก ก็ต้องมีกฎหมายที่รับรองคุ้มครองสิทธิของกลุ่มหลากหลายทางเพศ
กฎหมายอีกฉบับคือ พ.ร.บ.รับรองอัตลักษณ์ทางเพศ คือกฎหมายรับรองให้คนข้ามเพศใช้สิทธิ์ตามเพศใหม่ได้ เช่น เคยเป็นนายก็เป็นนางสาว ใช้สิทธิ์ตามความเป็นนางสาวได้ แต่ถ้าสมมุติเป็นพวก non-binary คือ ไม่ขอนิยามตัวเองในกรอบเพศไหน ก็จะใช้คำนำหน้านามว่า ‘นาม’ ได้ และให้สิทธิ์เด็กเพศกำกวม ( intersex ) คือเกิดมามีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิงสามารถเลือกเพศได้เอง ..กฎหมายนี้ก็คิดว่าคงจะมีข้อถกเถียงกันพอสมควร โดยเฉพาะการที่จะต้องแปลงเพศหรือไม่ ในแนวคิดเกี่ยวกับเพศปัจจุบัน เพศไม่ใช่เรื่องตายตัว เพศมีความลื่นไหล วันนี้เป็นทรานส์ที่ยังไม่แปลงเพศ อยู่ๆ อยากกลับเป็นชายแท้ แล้วช่วงเป็นทรานส์ต้องการใช้นางสาว แต่จะขอเปลี่ยนกลับมาเป็นนายได้หรือไม่
และที่น่าสนใจคือ ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ซึ่งทาง ilaw.or.th กำลังเปิดให้ลงชื่อสนับสนุนอยู่ ก็จะมีรายละเอียดแนวๆ ว่า ผู้ให้บริการทางเพศจะไม่มีความผิดฐานติดต่อหรือชักชวนเพื่อค้าบริการทางเพศ ,ฐานเข้าไปมั่วสุมในสถานค้าประเวณี , ฐานโฆษณาไปยังที่สาธารณะเพื่อค้าประเวณี
ข้อมูลจาก ilaw.or.th ระบุว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 กำหนดความผิดของบุคคลสองประเภท ด้วยกัน อันได้แก่ ความผิดที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางเพศ และความผิดของผู้ที่มีส่วนส่งเสริมหรือเกี่ยวข้องกับการค้าบริการทางเพศ ในส่วนความผิดที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางเพศ มีสามกรณี คือ
- ผู้ใดที่ติดต่อหรือชักชวนบุคคล เพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายหรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ผู้ให้บริการที่เข้าไปมั่วสุมในสถานที่ค้าประเวณีเพื่อประโยชน์ในการค้าประเวณีของตนหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีนี้อาจผู้ที่เสี่ยงผิดกฎหมายอาจจะเป็นได้ทั้งตัวผู้ให้บริการทางเพศเอง หรือผู้อื่นที่ปฏิบัติงานในสถานบริการ อย่างไรก็ดี ถ้าถูกบังคับหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ไม่มีความผิด
- ผู้ให้บริการที่โฆษณาหรือทำให้แพร่หลายไปยังสาธารณะเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 – 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีนี้ผู้ที่มีความผิดทางกฎหมายมีทั้งผู้ให้บริการทางเพศ รวมไปถึงบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่โฆษณาการค้าประเวณีเพื่อประโยชน์ของตัวผู้ให้บริการทางเพศ โดยทาง ilaw ระบุว่า การกำหนดให้การติดต่อและการโฆษณาเพื่อค้าประเวณีเป็นความผิด ทำให้ผู้ให้บริการทางเพศต้องประกอบอาชีพอย่างหลบซ่อน หรือพึ่งพาผู้มีอิทธิพลเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน เมื่อสูญเสียอำนาจในการต่อรอง ก็มักจะถูกนายหน้าหรือนายจ้างเอาเปรียบค่าจ้างหรือเวลาทำงาน และเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมอื่นๆ เช่น การค้ามนุษย์ ยาเสพติด การทำร้ายร่างกาย หรือแม้แต่การล่วงละเมิดทางเพศ โดยที่ผู้ให้บริการอาจไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากกระบวนการยุติธรรมตามปกติเพราะกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายฉบับนี้เสียเอง
และยังมีกฎหมายเกี่ยวข้องในส่วนของ‘แม่เล้า’ ซึ่งจะตีความเป็นเจ้าของสถานค้าประเวณี หรือผู้ให้บริการจัดหาก็ได้ เดี๋ยวนี้ก็เห็นข่าวชวนขนหัวลุกเยอะอยู่ ที่แม่เล้าบางคนยังไม่ได้ใช้นางสาวด้วยซ้ำ แต่อารมณ์ประมาณเคยค้าประเวณีมาแล้วก็ชวนเพื่อนไปหาเงิน ในส่วนการเป็นแม่เล้าก็หาอ่านได้ในเวบไซด์ไอลอว์
ปัญหาที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดคุยเมื่อพูดถึงกฎหมายฉบับนี้คือ “ผู้ค้าประเวณีต้องขึ้นทะเบียนหรือไม่” ฝั่งหนึ่งก็บอกว่า จำเป็นต้องขึ้น เพื่อมีการติดตามประเมินผลทางสุขภาพ อย่างต้องตรวจเลือดได้บ่อยขึ้น หรือสามารถติดต่อรับยา PEP คือยาที่ต้องกินหลังมีเพศสัมพันธ์แบบเสี่ยงได้ทันที ..เพศสัมพันธ์แบบเสี่ยงคืออะไร ? ก็อารมณ์ประมาณแขกแอบถอดถุงยาง แขกขอสดจ่ายพิเศษโดยแขกอ้างว่าออน PrEP อยู่ แขกชวนเล่นยาแล้วคุมอารมณ์ไม่อยู่ ไม่ได้ป้องกัน หรือไม่ก็มีการเล่นยาแบบใช้เข็มเวียน ซึ่งกรณีเล่นยาแบบเข็มเวียนนี่ได้ข่าวว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่เชื้อเอชไอวีอยู่พอสมควร
แต่ทีนี้ ฝ่ายที่บอกว่า ไม่ต้องขึ้นทะเบียน ก็เยอะ เขาบอกว่า บางคนอารมณ์ประมาณรับงานเอนท์ นั่งกินข้าว กินเหล้าเฉยๆ แต่สักพักแขกให้พิเศษขอมีเซกส์ด้วย เขาก็ขายเป็นครั้งๆ ไม่ได้ขายเป็นอาชีพ หรือบางคน แค่มาหาเงินชั่วคราวแบบว่า จ่ายหนี้พนัน จ่ายดอกหนี้นอกระบบ เขาก็ไม่อยากถูกขึ้นทะเบียนกลัวจะติดเป็นประวัติ เกิดในอนาคตเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาแล้วมีคนขุด ( แต่จากการยอมรับเรื่องเพศในปัจจุบันนี้คิดว่า ในอนาคตคงไม่มีคนสนใจ คนขุดเสียอีกจะโดนด่าเรื่องละเมิด )…และถ้าใครเที่ยวในสถานอโคจรเหล่านี้ ก็คงจะรู้ว่า ‘เด็กบางคน profile ดีมาก’ แต่มาขายแบบว่า อยากรู้รสชาติความเป็น sex worker , รับจ๊อบเสริมเพราะรายได้มันดี , เข้ามาหาคอนเนคชั่น แบบทำให้ลูกค้ามีหน้ามีตาในสังคมจำได้ แล้วล่อให้เอื้อประโยชน์บางอย่างให้ …นี่คือโลกแห่งความจริงไม่ได้พูดเล่น ..profile ดี ใครจะอยากไปขึ้นทะเบียนให้มีประวัติ
การใช้เสน่หาหาเงินนี่มันไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรมาก ก็มีพวกหวังมาขุดทองเยอะ สำเร็จไปก็มาก แต่สักพักก็เกิดอาการอยากเป็นตัวของตัวเองก็เลยไปกันไม่ได้กับคนเลี้ยง .. บางคนสามารถกล่อมคนเลี้ยง ( หรือจะเรียก ‘ผู้ดูแล’ก็แล้วแต่ ) ให้เลี้ยงดูกินหรูอยู่แพงแถมลงทุนให้ได้ .. แต่เท่าที่เคยคุยกับคนในวังวนนี้หลายคน บอกว่า “เงินแบบนี้มันเป็นเงินร้อน เก็บไม่ค่อยอยู่ บางคนนิสัยได้มาง่ายก็ประมาท เอาไปเปย์อย่างอื่นต่อทั้งพนัน ยาเสพติด กระทั่งซื้อบริการทางเพศ คนฉลาดจริงๆ รักดี ไปดีแบบคนพาไปแล้วก็ออกจากวงการไปเลยก็มี แต่น้อยกว่าคนที่กลับมา” อันนี้จริงเท็จไม่รู้ เพราะขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่ละคนที่ต้องเดินเข้าๆ ออกๆ และฟังเรื่องจากคนวงการนี้มา และเลือกจะเชื่อ
เอาง่ายๆ คือ ‘ขอแค่ขายแล้วไม่ต้องถูกจับ’ และ ‘ถ้าลูกค้ามีปัญหาเรียกตำรวจมาเคลียร์ได้’ แค่นั้นพอ ส่วนเรื่องการตรวจสุขภาพนั้นแล้วแต่ว่าใครจะตระหนักแค่ไหน ..พวก profile ดี มีการศึกษา ระวังสุขภาพหน่อยก็อาจระวังเรื่องการตรวจ แต่อย่าลืมว่า คนที่ต้องเข้าสู่ระบบนี้จำนวนไม่น้อย เป็นคนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา สำหรับผู้ค้าประเวณีชาย แค่ให้ใส่ถุงยางได้ก็ถือว่าดีแล้ว อย่าไปพูดถึงยา PrEP ยา PEP , การตรวจซิฟิลิส หนองในเลย แล้วตอนนี้เกิดการระบาดของฝีดาษลิงอีก ซึ่งกลายเป็นว่า พบในกลุ่มเกย์มาก แถมส่วนมากติดเชื้อ HIV ..พูดไปหาว่าตีตรา แต่ว่ามันจริง
ลองรับฟังความเห็นรอบด้าน มีรายนึงบอกว่า กรมส่งเสริมบริการสุขภาพ ( สบส.) อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ เพราะการนวดไทยนั้น หมอนวด , ร้าน ต้องขึ้นทะเบียนกับ สบส. ถ้าให้ค้าประเวณีถูกกฎหมายขึ้นมา ร้านไหนมี‘แถม’ สบส.คงอยากยึดใบคืนเพราะทำเสียเกียรตินวดไทย แล้วเดี๋ยวนี้ ..ไม่นับอาบอบนวด คือการค้าประเวณีแฝงในร้านนวดเยอะมาก โดยเฉพาะค้าประเวณีชาย เป็นร้านนวด เป็นสปาทั้งนั้น ..ถ้าร้านไหนมีแถมต้องยึดใบคืน ก็ไม่รู้จะมีใครหน้าบางอีกบ้างที่กรุงเทพฯ, เชียงใหม่ , พัทยา , ภูเก็ต อาจมีสถานค้าประเวณีเต็มเมือง จนถูกว่าเป็นเมืองหลวงของการค้าบริการทางเพศ
แล้วผู้ค้าประเวณีที่ทำงานในร้านนวด ก็ไม่ได้อยากให้ร้านเปลี่ยนไปเปิดเผยว่า ‘มีนาบด้วย’ ก็มีคนอายถ้ารู้ว่าเขาทำงานในนั้น ..อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวนี้ใน X มีการโฆษณาร้านนวดเยอะ.. เอารูปเด็กมาลง และก็มีขารีวิวมาเปิดแอคลับให้เสียเงินเข้าไปอ่านประสบการณ์ทางเพศกับเด็ก ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เด็กยินยอมพร้อมใจหรือไม่ ..แต่ก็อาจให้เขียนก็ได้ เพื่อว่าจะได้เป็นการเชียร์แขกให้ตัวเอง เพราะผู้เข้าสู่ระบบการค้าประเวณีเดี๋ยวนี้มากขึ้น ต้องแข่ง ..เอาแค่ร้านนวดนาบคือเปิดเป็นดอกเห็ด
พอพูดถึงการโฆษณาใน X มันก็มีอะไรที่เชื่อมโยงกับการค้าประเวณีอยู่ คือ การถ่ายภาพโป๊ หนังโป๊ กรณีนี้ยังผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ข้อหานำสื่อลามกเข้าระบบ ..แต่ก็เป็นลู่ทางในการทำเงินของทั้งคนที่ค้าประเวณีและไม่ค้าประเวณี ..ปัจจุบันนี้ ‘sense ของการจ้องมอง’คือ ผู้ชายก็เป็นวัตถุทางเพศ จนมีคำว่า spornosexual หรือ sport +porn การฟิตหุ่นแน่นๆ ถ่ายนุ่งน้อยห่มน้อยหรือไม่นุ่งอะไรเลย แต่ถ่ายเพราะภูมิใจในรูปร่างที่บ่มเพาะมา ( เหมือนที่มีดาราสาวรายหนึ่งเคยพูดว่า กว่าจะได้หุ่นขนาดนี้ ต้องอดทน ต้องเหนื่อย ก็ภูมิใจจะโชว์ ) และพอถ่ายแล้วก็มีคนติดตาม เพิ่มโอกาสในด้านอื่นได้ เช่น ไปเป็นนายแบบตามงานอีเวนท์ นายแบบตามบูทขายสินค้า ไปจนถึงได้คอนเนคชั่นดีๆ
เช่นนี้แล้ว ต่อไปก็คงจะมีการเรียกร้องให้เสรีสื่อเรื่องเพศ ( ในความหมายของสื่อลามก แต่เปลี่ยนคำให้มันดูดี ) ด้วย ฝั่งเสรีนิยมจ๋าเขาก็ว่า มันเป็นสิทธิในร่างกาย แต่ฝั่งอนุรักษ์นิยมเขาจะท่องคำว่า “เราต้องปิดกั้นเยาวชนจากสื่อลามกๆๆๆ” ซึ่งก็ไม่ทราบว่า พยายามไปจะปิดกั้นได้แค่ไหน ของโป๊มันเต็มอินเทอร์เนตไปหมด ..หรือไม่ผู้ปกครองเคยไปอ่านนิยายวายที่บุตรหลานซื้อมาหรือไม่ ? คือหลายๆ เรื่องฉากเซกส์มันโจ๋งครึ่มมาก อารมณ์แบบหนังสือปกขาวสมัยก่อน แต่ปัจจุบันนี้สามารถวางบนแผงหนังสืออย่างภูมิใจด้วยคำว่า “นิยายอีโรติก”
ปัจจุบัน มีคนทำสื่อโป๊ของตัวเองมากขึ้นในแพลทฟอร์มอย่าง onlyfans ที่ฮิตสุด แต่ข่าวว่าเบิกเงินยากจนกระทั่งเริ่มจะมีแพลทฟอร์มอื่นขึ้นแข่ง แล้วการทำสื่อโป๊ ‘ในพื้นที่ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าถึง’ นับว่าผิดหรือไม่ ..หรือต่อไปจะมีการเรียกร้องสิทธิในการเปิดเผยร่างกายด้วยความภูมิใจ เช่น หุ่นดี องคาพยพบางอย่างใหญ่ ว่า ต้องเคารพอัตลักษณ์กันและให้เสรีเหมือนการค้าประเวณีเสรี ? เซกส์เป็นสิ่งที่มีอำนาจมาก วันหนึ่งข้างหน้าอาจมีข้อเรียกร้องนี้ก็ได้
มันก็มีประเด็นที่ต้องพูดกันหลายเรื่องเกี่ยวกับเรื่องค้าประเวณีเสรี ถ้าไม่อยากขึ้นทะเบียน จะมีโอกาสไหนที่เอาผู้ประกอบอาชีพกลุ่มนี้เข้าระบบอบรมเรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกันตัวจากแขกที่ละเมิดสัญญา การป้องกันตัวจากการใช้ยาเสพติด สถานที่ติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ทั้งเรื่องสวัสดิภาพและเรื่องสุขภาพ .. แต่ข้อดีคือถ้าขึ้นทะเบียนแล้วให้อยู่ในสถานที่เฉพาะ อย่างร้านนวดนาบ ( ที่ก็ต้องให้ชัดว่าไม่เกี่ยวกับนวดไทย อันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทย ) ก็จะช่วยเรื่องความปลอดภัยผู้ค้าประเวณีได้ระดับหนึ่ง ไม่ต้องไปยืนมืดๆ แถวสวนลุม ย่านสนามหลวง..และเป็นข้อดีสำหรับผู้ซื้อบริการ ตรงที่ ‘มีปัญหาเคลียร์ในร้านได้เลย’ ไม่ใช่ไปออฟเด็กข้างทางแล้วกลายเป็นมิจฉาชีพ
แต่ถึงไม่ออฟเด็กข้างทาง มิจฉาชีพก็มักจะมาในรูปแบบขายทางอินเทอร์เนตอยู่แล้ว มีมานานแล้วในแอปพลิเคชั่นหาคู่ต่างๆ พอจะนัด ก็ขอมัดจำ ขอค่ารถก่อน หลงโอนไปอีกฝ่ายบล็อกหนี ไม่รู้จะเอาเงินคืนอย่างไรเพราะเผลอๆ profile ที่คุยก็ปลอม บัญชีที่รับเงินก็บัญชีม้า ..คนที่เคยโดนเขาถึงอยากให้ขึ้นทะเบียน เผื่อแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง..ก็ย้อนกลับไปที่เดิมว่า พวกรับจ๊อบเฉพาะกิจที่ไหนจะขึ้นทะเบียน เอางานสองงานพอหาเงินซื้อของที่อยากได้ก็จบ
มันมีประเด็นให้ถกเถียงกันตั้งเยอะ เกี่ยวกับค้าประเวณีเสรี ไปจนถึงของโป๊ ..แต่ส่วนค้าประเวณีแค่ใครใคร่ค้าก็ค้า ไม่มีมาตรการอะไรอื่นๆ มันพอจริงหรือ ?
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”