ต้องขออนุญาตหยิบยกเรื่องราว รัฐประหาร ในประเทศไทยมาเล่าสู่กันฟัง ย้ำเตือนความทรงจำกันอีกสักรอบ คงไม่ว่ากันนะครับ หลังเพิ่งจะครบรอบ “15 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย. 49” ผ่านมาไม่กี่วัน มีการจัดกิจกรรมรำลึกของ กลุ่มคาร์ม็อบ และ เครือข่ายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งขบวนรถจากสี่แยกอโศก
แสดงกิจกรรม ขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังจำลอง จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนวิ่งเข้าไปใจกลางเมือง ข้ามสะพานกรุงเทพฯ ไปถนนจรัญสนิทวงศ์ แล้ววิ่งมาข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าไปจบที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า ยังมีประชาชนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารและอำนาจเผด็จการ
ไม่มีใครตอบได้ว่า รัฐประหาร จะเกิดขึ้นมาอีกเมื่อไร? เพราะหลังจากรัฐประหาร 19 ก.ย.49 นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (ตท.6/จปร.17) ยึดอำนาจ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ถัดมาอีก 8 ปี 22 พ.ค.57 วงล้อประวัติศาสตร์ ก็หมุนวนกลับมาอีกครั้ง นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ตท.12/จปร.23)
เรียกว่าในรอบ 15 ปี ประเทศไทยเกิดการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง จนสถิติมากสุดเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน!
สาเหตุของรัฐประหาร ส่วนใหญ่อ้างเหตุผล ไล่ตั้งแต่เรื่องปัญหาทุจริตผลประโยชน์ทับซ้อน, การใช้อำนาจในทางมิชอบ, การละเมิดจริยธรรมคุณธรรมของผู้นำประเทศ, การแทรกแซงระบบการตรวจสอบทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ข้อผิดพลาดเชิงนโยบายที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิเสรีภาพ, การทำลายความสามัคคีของคนในชาติ, ความผิดต่อสถาบัน ไม่เว้นแม้กระทั่งมีการจัดตั้งและใช้กองกำลังติดอาวุธ ฯลฯ
จะรัฐประหารยึดอำนาจกี่ครั้ง ยังใช้สูตรเดิม ๆ เมื่อมี องค์ประกอบสำคัญ เกิดขึ้นในห้วงเวลานั้นครบถ้วนโดยเฉพาะปัญหาที่กระทบต่อเสาหลักของประเทศชาติและสถาบัน
คณะรัฐประหาร จะเคลื่อนกำลังทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ออกมายึดอำนาจ พร้อมให้คำมั่นสัญญาแบบจริงจัง เหมือนทุก ๆ ครั้ง คือ จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ชาติบ้านเมือง กวาดล้างการฉ้อราษฎร์บังหลวง ลดความตึงเครียดทางการเมือง ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและอื่น ๆ
แต่ผลงานในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา หลังจากกองทัพได้ทำรัฐประหารและยึดอำนาจรัฐบาล ถึง 2 ครั้งแล้ว ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตามที่เคยอ้างไว้ หรือคำมั่นสัญญาจะเข้ามาแก้ไขปฏิรูปสารพัดเรื่อง ปัจจุบันดีขึ้นหรือแย่ลง?
ถ้ามองกันด้วยเหตุผล รัฐประหาร 2 ครั้ง เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติได้จริงตามคำมั่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก บรรดาคนหนุ่มสาวและเยาวชน ซึ่งต่างเติบโตมาท่ามกลางกลิ่นอายของการยึดอำนาจ ต่างกระโดดเข้าไปมีบทบาททั้งต่อต้านและร่วมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว
พวกเค้ามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผู้นำรัฐประหาร แปลงร่างมาสู่ รัฐบาลพลเรือน ได้สืบทอดอำนาจมาอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถนำพาประเทศชาติไปได้อย่างแท้จริง
รอยแผลจากรัฐประหาร ในรอบ 15 ปี คงบาดลึกฝังในใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่น่าจะลบเลือนไปอย่างง่าย ๆ แน่นอน
เหนือสิ่งอื่นใด ยังได้ตอกลิ่มการแตกแยกทางความคิด ให้กับบรรดาอนาคตของชาติ ชนิดแบบคาดไม่ถึง!!.
—————-
เชิงผา