ถือเป็นศิลปินที่ร้อนแรงที่สุด และครองใจแฟนทั่วโลกในนาทีนี้ สำหรับ  ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล ไอดอลเกาหลีสายเลือดไทย จากเกิร์ลกรุ๊ป “แบล็คพิงค์ (BLACKPINK)” ที่ตอนนี้กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง  บนเวทีระดับโลก โดยหลังจากที่เธอได้ปล่อยซิงเกิลอัลบั้ม LALISA มินิอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของเธอ ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ที่เฝ้ารอต้องผิดหวัง เพราะ ลิซ่า จัดเต็มความปัง พร้อมกวาดสถิติมากมาย และยิ่งกว่าความสำเร็จใด ๆ อัลบั้มชุดนี้ของเธอยังได้ถ่ายทอดความเป็นตัวอง และที่สำคัญยังได้ยกเอาความเป็นไทย ใส่ในผลงานของเธอ สร้างความภูมิใจให้กับคนไทย และมอบความประทับใจให้แฟนทั่วโลก วันนี้ ฮาอึน เลยนำเรื่องราวความสำเร็จครั้งนี้ของศิลปินสาว รวมทั้งความปังที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาฝากแฟน ๆ กัน

อัลบั้มที่บอกความเป็น “ลลิษา” ที่สุด

โดย ลิซ่า ได้เปิดใจถึงโซโล่อัลบั้ม “Lalisa”  ว่าเป็นการบ่งบอก และแสดงความเป็นตัวเธอมากที่สุด ซึ่งศิลปินสาวได้เผยในงานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มนี้ “ฉันมีความสุขมากที่จะได้โชว์การแสดงโซโล่ครั้งนี้ และก็หวังว่าบลิงก์ จะดูแล้วให้ความรักกับผลงานนี้นะคะ เพราะว่านี่คืออัลบั้มโซโล่ครั้งแรกของฉัน และยังเป็นเพราะชื่ออัลบั้มนี้ คือชื่อของฉัน  ‘ลลิษา’ ด้วย มันมีความหมายกับฉันมาก ๆ ขอบคุณบลิงก์ทุกคน ที่รอคอยอัลบั้มโซโล่ของฉันมาอย่างยาวนาน และฉันก็ทำงานหนักเพื่อเตรียมการครั้งนี้” ส่วนเหตุผลที่เลือกให้ชื่อ “LALISA” เป็นชื่ออัลบั้มนั้น ลิซ่า อธิบายว่า “ฉันอยากแสดงให้เห็นด้านที่เจ๋งที่สุดของฉันผ่านอัลบั้มนี้ค่ะ ฉันอยากจะแสดงออกความเป็นตัวตนของฉัน ‘ลลิษา’ อย่างที่ฉันเป็น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันใช้ชื่อนี้”

นอกจากนี้เพลงไตเติลยังเลือกใช้ชื่อเดียวกับอัลบั้ม “LALISA” ซึ่งนื้อเพลงเป็นการบ่อบอกถึงความเป็นตัวลิซ่า ความมั่นใจและภูมิใจตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นท่อนฮุคติดหูที่ร้องว่า “Say, Lalisa, love me, Lalisa, love me Call me, “Lalisa, love me, Lalisa, love me” รวมทั้งท่อนแร็ปที่ทรงพลังว่า “จากเมืองไทยไปสู่เกาหลีใต้ และกระทั่งมาถึงจุด ๆ นี้ ใส่เต็มไม่ยั้ง การเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลไม่ใช่เรื่องที่เพ้อฝัน และมงกุฎสีดำชมพูก็เหมาะที่เป็นของเราแล้ว”

โดย ลิซ่า ยังได้อธิบายถึงเพลงไตเติ้ลของเธอ “Lalisa” ว่า “ฉันคิดว่ามันเป็นเพลงที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของชื่อฉัน และด้านที่มั่นใจของฉันได้อย่างแท้จริง ฉันหวังว่าผู้คนที่ได้ยินจะคิดว่า ‘ว้าว! นี่ไงล่ะ นี่คือสิ่งที่มีแต่ลิซ่าเท่านั้นที่ทำได้’  ในส่วนท่าเต้นก็ง่ายในการเต้นตาม ฉันก็หวังว่าคุณจะสนุกไปกับการเต้นเพลงนี้นะคะ” นอกจากนี้ ลิซ่ามีส่วนร่วมมากมายตลอดการทำอัลบั้มนี้ ตั้งแต่การเลือกรูปแบบของปกไปจนถึงชุดที่เธอใส่ “ถ้าคุณมองดี ๆ ก็จะเห็นตัวอักษร ‘L’ ของแพจเก็จนี้ด้วย ซึ่งย่อมาจาก ‘Lisa’ และ ‘Lalisa.’ ค่ะ”  แถมท่าเต้นที่เป็นพ้อยท์หลักของเพลงนี้ ยังมีการทำมือเป็นตัวอักษร ‘L’ และ ‘A’ ด้วย

เผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก ผ่านผลงานสุดปัง

หนึ่งในความปังของอัลบั้มนี้ คือการที่ ลิซ่า ได้นำความเป็นไทยเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านทั้งเพลงและเอ็มวีของเธอ ไม่ว่าจะเป็นคอสตูม ที่ ลิซ่า  ปรากฏตัวในชุดไทยประยุกต์สีทองสุดสง่า จากแบรนด์ไทยชื่อดัง “ASAVA”  โดย  หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์  ผู้ออกแบบชุดไทยสุดพิเศษเพื่อให้ ลิซ่า  สวมใส่ในซิงเกิ้ลนี้โดยเฉพาะ  ซึ่งได้มีการดีไซน์อย่างงดงามและพิถีพิถัน  ตัดเย็บจากผ้าไหมยกลำพูนลายพานจักรพรรดิยกทอง ประดับด้วยคริสตัลจาก “Swarovski”  ที่ปักด้วยมืออย่างประณีต  ช่วงบนออกแบบโดยประยุกต์เป็นเสื้อไหล่เดี่ยว แต่งเคปยาว คงเอกลักษณ์สไบของชุดไทย แมทช์กับกระโปรงสั้น ที่ไล่ระดับและดีเทลสีทองเข้าชุด

ภาพ : FACEBOOK Asava

พร้อมสวม “รัดเกล้ายอด” เครื่องประดับศีรษะที่ถือเป็นศิลปะชั้นสูง  ที่มักใช้กับตัวละครสตรีผู้สูงศักดิ์ หรือนางพระยา จากแบรนด์ไทย  “Hook’s by Prapakas” โดยดีไซเนอร์ ประภากาศ อังศุสิงห์ เจ้าของแบรนด์ ผู้ออกแบบชุดเมขลาล่อแก้ว และได้รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมในการประกวด Miss Universe 2017  ซึ่ง ประภากาศ  ได้มาร่วมสร้างสรรค์ชิ้นงานงามวิจิตรชิ้นนี้ สู่สายตาชาวโลก

ในส่วนเครื่องประดับที่ได้เห็นในลุคนี้  ออกแบบโดย ศรัณญ อยู่คงดี  ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ไทย  “SARRAN by Sarran Youkongdee”  ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก “Flower of Lisa”  ซึ่งดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ ได้เผยแรงบันดาลใจเครื่องประดับแต่ละชิ้นอย่างละเอียด โดยงานชิ้นแรก ที่ใส่บริเวณหู นั้นได้แรงบันดาลใจ มาจากรูปทรงของเครื่องประดับไทยในอดีต คือ “กรรเจียก” โดยการถอดโครงสร้างออกมาเป็นลายเส้น และนำมาตีความใหม่ โดยการนำเอาหลักแนวคิดของการวาดลายไทย ซึ่งเทคนิคการวาดต่อลายนั้นในงานจิตรกรรมไทยที่เราสามารถพบเห็นลวดลายเหล่านี้ มีที่มาที่ไปมาจากพืชพรรณและลักษณะของการเติบโตของพืชท้องถิ่นหรือพืชพรรณตามเรื่องเล่าและความเชื่อของคนโบราณ เทคนิคนี้คือการสร้างกรรเจียก ให้มีลักษณะของการงอก และมีลักษณะเหมือนพืชที่กำลังเติบโต และต้องการแสงสว่าง

ซึ่งดอกไม้ที่ได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจในครั้งนี้ คือดอก “พุดซ้อน” ซึ่งเป็นพืชที่ต้องการแสงแดด จึงเป็นเรื่องราวของดอกไม้ที่พยายามแตกกิ่งก้านและชูช่อเข้าหาแสงแดดหรือแสงสว่าง และดอกพุดซ้อนที่มีความหมายถึง “ความแข็งแรงสมบูรณ์” และ “ความเจริญมั่นคง” ตามแบบความเชื่อของไทย และออกแบบให้ช่อดอกไม้กำลังเจริญงอกงามและเติบโตอย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะนั่นคือคำจำกัดความของ ลิซ่า ผู้หญิงที่จะเป็นตำนานและจะไม่มีวันหยุดนิ่ง

ส่วนชิ้นงานที่สอง คือใส่บริเวณผม ซึ่งเป็นงานที่ใช้แนวคิดของ “มาลัยดอกไม้ที่ใช้คล้องผมของเด็กผู้หญิงไทยในสมัยก่อน” ที่เรามักจะพบเห็นกันตามละครหรือภาพยนตร์ไทยในแนวย้อนยุค หรือที่อาจรู้จักกันในคำว่า “โซงโขดง”โดยมีรูปแบบการใช้ดอกไม้ หรือเครื่องประดับโลหะในยุคสมัยนั้นๆ มาตกแต่งหรือครอบรอบมวยผม ซึ่งนำมารวมกับกรรเจียกและคอนเซ็ปต์ของดอกไม้ ที่ได้บอกเล่าเรื่องของการเจริญเติบโต ทำให้การจินตนาการเครื่องหัวที่เป็นดอกไม้ในครั้งนี้ ถูกตีความว่าเป็นช่อดอกไม้ที่กำลังเติบโต และมีการเก็บรายละเอียดของการเจริญเติบโตของดอกไม้ในแต่ละระดับ ตั้งแต่เริ่มผลิใบอ่อน  มีดอกตูมดอกบาน และกำลังผลิบาน และการใช้โทนสีที่ไล่เฉดสี 

เครื่องประดับชิ้นสุดท้ายคือ “สร้อยสังวาล” ที่คล้องผ่านไหล่ลงมาบริเวณด้านข้างลำตัว  ซึ่งเครื่องประดับชิ้นนี้ เป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ได้ทำการออกแบบและผลิตไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา  แต่เนื่องจากสถานการณ์และความไม่แน่นอนของการเปิดจำหน่ายที่หน้าร้าน ทำให้คอลเลคชั่นนี้ยังไม่ได้รับการโปรโมต และยังคงเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน รอคนที่ใช่มาสวมใส่มัน จนกระทั่งได้รับโจทย์ และ ศรัณญ ก็ได้ส่งชิ้นที่มีอยู่และเหมาะสมกับงานนี้ เพื่อให้ทางทีมงานของ “ASAVA” และทีมงานของเกาหลีเลือก ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้นำเอากลีบ “ดอกโป๊ยเซียน” มาพับใหม่ เพื่อให้เกิดรูปทรงใหม่ ความหมายของดอกโป๊ยเซียนคือ “ความเจริญรุ่งเรือง” และ “การปกป้อง”  จึงเลือกชิ้นนี้ไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่อยากให้ชิ้นงานมีโอกาสเจอคนที่ใช่และสวมใส่ ความมุ่งหมายคือการได้เห็นเครื่องประดับที่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แบรนด์  “SARRAN” เริ่มต้นพูดถึงเรื่องผู้หญิงไทย ความสามารถและความชาญฉลาดของผู้หญิงในแต่ละยุคสมัย ได้อยู่กับผู้หญิงที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกที่มีความเป็นไทยและพึงพอใจที่จะบ่งบอกและภูมิใจในความเป็นตนเอง และนั่นคือสิ่งที่แฟนคลับทั้งโลกหลงรักผู้หญิงคนนี้รวมถึงตัวดีไซเนอร์เอง

ในส่วนของฉากก็จึ้งไม่แพ้กัน! กับการที่ ลิซ่า เปิดตัว โดยการจำลองปราสาทหินพนมรุ้ง สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อันเลื่องชื่อ จ.บุรีรัมย์  ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของศิลปินสาว มาเป็นฉากหลัง  รวมทั้งมีฉากที่ลิซ่ายืนอยู่หน้าร้านอาหารจานด่วน  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิมมิกของประเทศไทยในเรื่องของเมืองแห่งสตรีทฟู๊ด ซึ่งบนป้ายนั้นปรากฏตัวหนังสือภาษาไทยอย่างชัดเจน  และยังมีฉากที่ปรากฏต้นไม้แบบไทย เช่น ต้นกล้วย ต้นมะละกอ ต้นมะพร้าว ต้นปรง และต้นเฟื่องฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับที่สังเกตเห็นท่าเต้นของลิซ่าและแดนเซอร์ในท่อนแร็ป  มีการจับจีบนิ้วมือ คล้ายการรำ และการเซิ้งอีสาน อันเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่โดดเด่นของไทยอีกด้วย

โดย ลิซ่า ได้เผยถึงการหยิบยกวัฒนธรรมไทยมาใส่ในผลงานของเธอ  ในงานแถงข่าวเปิดตัวว่า “ฉันอยากให้ ‘LALISA’  มีความรู้สึกแบบไทย ๆ อยู่ในนั้น ซึ่งทั้งฉากและชุดก็สื่อถึงกลิ่นอายความเป็นไทยได้ดีเช่นกัน หลังจากที่ฉันบอกว่าฉันอยากจะรวมเอาบรรยากาศความเป็นไทยด้วย  เท็ดดี้ก็จัดทำเพลงที่มีสไตล์ไทย ๆ และฉันก็ประทับใจมาก ฉันชอบวิธีที่ได้นำเสนอมันออกมา และก็ได้ใส่ชุดไทยในมิวสิควิดีโอด้วย ผลลัพธ์ที่ออกมาสวยงามมากค่ะ” ลิซ่า กล่าว

ศิลปินสาวยังได้เผยถึงฉากที่มีการจำลองปราสาทหินพนมรุ้ง มาเป็นฉากหลัง พร้อมกับที่เธอได้ใส่ชุดไทยประยุกต์และเสนอความเป็นตัวเอง และยังบอกว่าเป็นซีนที่เธอรอคอยที่สุดด้วย “ฉันรอคอยฉากประเทศไทยมากที่สุด เพราะว่าฉันจะได้ใส่ชุดไทย  และฉันก็ต้องแสดงให้เห็นถึงตัวตนของฉันอย่างแท้จริง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันรอคอยสิ่งนี้ค่ะ”

คอสตูมแน่น แฟชั่นสุดเริ่ด

นอกจากชุดไทยอลังการแล้ว ในเอ็มวี ลิซ่า ยังเปลี่ยนลุคเป็นว่าเล่น  พร้อมขนแฟชั่นสุดปังมาโชว์กัน 14 ลุกจุก ๆ สมกับเป็นแฟชั่นนิสต้าระดับโลก 

ทั้งลุคในซีนเปิดตัวที่ดูเหมือนเจ้าหญิงในชุดเดรสชีฟองยาวลากพื้น สีดำปักคริสตัลหรูหราจาก “Giambattista Valli Haute Couture Spring 2019”

ลุคสุดแซ่บที่ ลิซ่า อยู่ในเสื้อเบลเซอร์ และกระโปรงสั้นลายกราฟฟิคสีจัดจ้าน แบรนด์เม็กซิกัน “NO NAME” แมชท์กับรองเท้าบู๊ทสุดเท่จากแบรนด์ “Marc Jacobs”

ชุดเดรสสีดำ ที่ดีไซน์โดดเด่น ด้วยพู่ระย้า เสริมความสวยสับ จากแบรนด์ “Alexandre Vauthier Haute Couture Spring 2021”

ในซีนไบเกอร์สาว นอกจากรถดูคาติที่สะดุดตาแล้ว ลิซ่า ยังมาพร้อมลุคที่เท่แบบสุดล้ำ ในเสื้อแจ็กเก็ตหนัง แบรนด์ “Robert Wun AW 2021 Ready to wear jacket over the Spring 2021” แมทช์กับจั๊มสูทจากแบรนด์ “Alexandre Vauthier.”

แซ่บกันให้สุดในชุดที่สาวลิซ่าเต้นกับเสา (Pole Dance) โชว์ความเซ็กซี่และความแข็งแรง โดย ลิซ่า มาในชุดสีดำแบรนด์ “Jean Paul Gaultier” คอลเล็กชั่นโอต์ กูตูร์ Spring-Summer 2020

ปังอย่างต่อเนื่องในซีนที่ ลิซ่า ขี่มอเตอร์ไซต์ ATV สุดเท่ กลางดินทราย โดยเธอสวมกางเกงประดับคริสตัล จากแบรนด์ “Celine”  คอลเลคชั่น Men’s Winter 2021 แมทช์กับสร้อยโซ่เงินเส้นโตจากแบรนด์เดียวกัน ในคอลเลคชั่น “Teen Knight poem chain necklace” ส่วนยืดวินเทจลาย The Clash ที่เธอใส่นั้น มาจากแบรนด์ “Screem Stars.”

ต่อด้วยลุคที่ ลิซ่า เต้นอยู่กลางทะเลทรายสุดร้อนแรง  โดยเธอสวมเสื้อหนังสีแดง จากแบรนด์ “Sevali” แมทช์กับกระโปรงหนังสั้นเข้ารูป พร้อมด้วยรองเท้าบูทแบรนด์ “Demonia Emily”  เปรี้ยวและเท่สุด ๆ

ส่วนซีนในลุคสดใส ลิซ่า มาในแจ็กเกตครอปสีสด จากแบรนด์ “Isabel Marant”  แมทช์กับกางเกงยีนส์ขาสั้นแบรนด์ไทย อย่าง “Pony Stone” บอกเลยลุคนี้น่ารักปนแซ่บ เหมาะกับซัมเมอร์มาก ๆ

รวมทั้งยังมีลุคในซีนที่ ลิซ่า เดินออกจากฉากที่จำลองเป็นปราสาทหินพนมรุ้ง  ในชุดเดรสสีทองวิบวับ สุดอลังการจากแบรนด์  “Paco Rabanne Spring 2021”

ส่วนอีกลุคสีดำทองที่แซ่บไม่กัน ยกให้ในชุดเสื้อครอปรัดรูปสีดำ ลายทอง และกระโปรงสั้นธีมเดียวกัน จากแบรนด์ “Vivienne Westwood” โดยเธอเลือกแมทช์กับเครื่องประดับแบรนด์ “BVLGARI”

นอกจากนี้ยังมีลุคฮิปฮอปเกิร์ล กับการสวมเสื้อสเว็ตเตอร์แขนยาว แมทช์กับกางเกงขาสั้น พร้อมใส่หมวกบีนนี่ที่เขียน “LALISA” ชื่อของเธอเอง , ลุคคุณตำรวจหัวหน้ากองกำลัง “Polisa” ในลุคสูทสีดำ สวมทับเชิ๊ตขาว แค่นี้ก็เท่สุด ๆ และลุคที่ลิซ่าปรากฏตัวในชุดโทนสว่าง สีขาวเงินวิบวับ กับเสื้อครอปครึ่งตัวและกางเกงประดับคริสตัส ระยิบระยับ ลงตัวกับผมยาวสีดำเข้ม และปากแดงจัด ลุคก็เริ่ด สะกดตาไม่แพ้กัน

มาเพื่อทุบสถิติ

เรียกว่าการปล่อยโซโล่อัลบั้มครั้งนี้ของ ลิซ่า เป็นที่ฮืออาอย่างมาก นอกจากทะยานขึ้นอันดับ 1 บนเทรนด์ทวิตเตอร์โลกอย่างยาวนานแล้ว ยังทำลายสถิติเป็นว่าเล่น ไม่ว่าการเอ็มวีเพลง “LALISA”  ที่ทุบสถิติเดิมของศิลปินดังระดับโลก เทย์เลอร์ สวิฟต์ แซงขึ้นเป็นศิลปินหญิงเดี่ยว ที่มียอดวิวเอ็มวี 10 ล้าน เร็วที่สุดบนยูทูบ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ก่อนจะทำสถิติใหม่อีกครั้ง กับการขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยวที่มียอดวิวเอ็มวีบนยูทูบทะลุ 100 ล้านเร็วที่สุด โดยใช้เวลา 49 ชั่วโมง 5 นาที หรือประมาณเพียงกว่า 2 วัน ซึ่งขณะนี้ยอดวิวยังคงทะยานไม่หยุด ตอนนี้พุ่งไปกว่า 176 ล้านวิวแล้ว หลังปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 10 ก.ย. นี้ (นับถึงวันที่ 19  ก.ย. 64) และยังคงติดอัน #1 เพลงมาแรง

ในส่วนของยอดขาย สำหรับซิงเกิ้ลอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของ ลิซ่า ก็ได้สร้างสถิติงานเพลงของไอดอลหญิงในวงการเพลงเคป๊อป ที่มียอดพรีออร์เดอร์ ถึงหลัก 200,000 ออร์เดอร์เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ภายในระยะเวลาเพียง 3 วันกับอีก 17 ชั่วโมง และล่าสุด YG Entertainment ประกาศวันที่ 10 ก.ย. 64 ว่ายอดพรีออเดอร์สำหรับอัลบั้มโซโล่เดี่ยวบั้มแรกของ ลิซ่า มียอดเกิน 800,000 ก๊อบปี้แล้ว ซึ่งเป็นยอดของศิลปินเดี่ยวหญิงเคป๊อป ที่มีสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย!

ความสำเร็จและอิทธิพลของ “ลิซ่า”

ซึ่งความสำเร็จของ ลิซ่า กลายเป็นไวรัล และมีอิทธิพลอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้น เมคอัพ หรือคอสตูม ที่มีคนมาโคฟเวอร์ ลิซ่า กันเป็นแถว แม้แต่การที่ศิลปินสาวบอกว่าคิดถึงและอยากทานลูกชิ้นยืนกินสูตรน้ำจิ้มพริกเผา อาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของ จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิดเธอ งานนี้บรรดาแฟนคลับและประชาชน  ต่างพากันไปลิ้มลองลูกชิ้นยืนกิน ตามรอย ลิซ่า กันเพียบ ทำเอาพ่อค้าแม่ค้าลูกชิ้นยิ้มแฉ่ง เมื่อยอดขายกลับมาคึกคัก รวมถึงเหล่าแฟน ๆ ยังแห่ไปเที่ยวชม “ปราสาทหินพนมรุ้ง” จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกจำลองมาเป็นหนึ่งในฉากของ MV เพลง “LALISA” เป็นจำนวนมาก โดยทางอุทยานฯ ยอมรับมีนักท่องเที่ยวมาเข้าชมที่นี่เพิ่มขึ้นเท่าตัว หลังจากปล่อย MV ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ “รัดเกล้ายอด” เครื่องประดับศีรษะชั้นสูง ที่ ลิซ่า สวมใส่ใน MV ก็กลายเป็นที่ต้องการของแฟน ๆ จนสินค้าขาดตลาด!

ทั้งนี้เมื่อชำแหละความสำเร็จของ ลิซ่า จะพบว่าองค์ประกอบหลักที่ทำให้เธอสามารถไปได้ไกลขนาดนี้ เป็นเพราะพรสวรรค์ ความสามารถ และความมุ่งมั่น พยายามของตัว ลิซ่า เอง บวกกับแรงสนับสนุนจากครอบครัว พร้อมด้วยระบบการฝึกที่เคี่ยว โหด และแข็งแรงของเกาหลีใต้ รวมถึงกระแสเคป็อปที่ฟีเวอร์ไปทั่วโลก ซึ่งล้วนผลักดันให้ศิลปินสาวก้าวมายืนในระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ และ ลิซ่า ยังทำให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้วว่าความเป็นศิลปินและวงการบันเทิง สามารถผลักดันให้กลายเป็น Soft Power นำเม็ดเงินกลับสู่ท้องถิ่นไทยได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเกินจริง!

ส่งต่อแรงบันดาลใจ

สำหรับ ลิซ่า เป็นเด็กสาวที่มาพร้อมพรสวรรค์ แต่มากยิ่งไปกว่านั้นคือการที่เธอไม่เคยหยุดพัฒนา ซึ่งความสำเร็จในวันนี้ เป็นผลจากความตั้งใจของเธอที่มุ่งมั่นไล่ตามความฝัน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ไม่ว่าจะเรื่องภาษาหรือแม้แต่ดราม่าต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งความสำเร็จของเธอ ยังเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้กับหลายคนที่มอง ลิซ่า  เป็นไอดอลด้วย และ ลิซ่า ได้ให้กำลังใจน้อง ๆ ที่มองเธอเป็นแบบอย่าง ผ่านรายการ “วู้ดดี้ โชว์” ว่า  “อยากจะบอกเลยว่าหนูเริ่มด้วยการเป็นเด็กบุรีรัมย์ ในตอนแรกว่าไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาอยู่จุด ๆ นี้ได้ แต่หนูรู้สึกว่าความฝันของเด็ก ๆ พาวเวอร์ฟูล เป็นอะไรที่มาจากใจเขาจริงๆ เลยคิดว่าคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองถ้ามีโอกาส หรือสามารถสนับสนุนเขาให้ไปตามฝันได้  ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่สู้ด้วยเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่น้องๆ อย่างเดียว ด้วยสภาพแวดล้อมของเด็กๆ ด้วย ที่จะทำให้เขาสามารถไปถึงจุดๆ นั้นได้ และที่อยากบอกน้องๆ คือเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าคิดว่าการที่เราฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ บางคนอาจ ห๊ะ! ยูเหรอ? อย่าไปฟังเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เราทำได้อยู่แล้วค่ะ”

ล่าสุดไอดอลสาวได้สนับสนุนแคมเปญการกุศล “Happy Bean Regular Savings” ของ Naver  เปิดบัญชีออนไลน์รวบรวมเงินบริจาค เพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น ซึ่ง ลิซ่า ได้ร่วมกับ “Korea Habitat” และ “องค์กรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติแห่งเกาหลี (Korean Foundation for International Cultural Exchange)” ช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้มีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า และมีความสุขผ่านการศึกษา กับโปรเจค “Dream Space” ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มความฝันของเด็ก ๆ ใน จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิดของเธอ

ทั้งนี้สื่อดัง Yonhap ได้เปิดเผยว่า  ลิซ่า ได้สนับสนุนโครงการพัฒนาการเรียนรู้เด็กใน จ.บุรีรัมย์  จัดโดย องค์กรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติแห่งเกาหลี และ “YG Entertainment”  ต้นสังกัด ที่ปีนี้พยายามจะสร้างพื้นที่ผสมผสานวัฒนธรรมขนาด 160 ตารางเมตร ใน “โรงเรียนโนนสุวรรณพิทยาคม” จ.บุรีรัมย์ โดยได้เผยแพลนในการจัดหาคอมพิวเตอร์ โปรเจ็กเตอร์ และอุปกรณ์มัลติมีเดียต่าง ๆ ให้แก่โรงเรียน พร้อมทั้งสร้างสถาบันสอนการเต้นเค-ป็อป โดยมีอาจารย์ฝึกสอนท้องถิ่นดูแล ซึ่งก่อนหน้านี้โรงเรียนดังกล่าวได้เคยเปิดสอนนาฏศิลป์ แต่ต้องปิดไปเนื่องจากประสบปัญหาสภาพห้องเรียนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียน

ซึ่ง ลิซ่า ได้เผยถ้อยคำ ที่เป็นเหมือนแรงผลักดันและให้เห็นความสำคัญต่อความฝันของเด็ก ๆ ว่า “ฉันอยากให้เด็ก ๆ สามารถเล่นได้อย่างมีอิสระในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ดีขึ้น และทำตามความฝันของพวกเขาโดยไม่มีข้อจำกัด รวมทั้งอยากให้กำลังใจและสนับสนุนความฝันอันล้ำค่าของเด็ก ๆ หลายคนค่ะ”

รายล้อมด้วยคนที่รัก  อีกหนึ่งเคล็ดลับความสำเร็จ

ต้องบอกว่านอกจากความสามารถ ความมุ่งมั่น และจิตใจที่เข้มแข็งของ ลิซ่า แล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จบนเวทีระดับโลก  คือการที่ได้อยู่ท่ามกลางความรักและคอยซัพพอร์ท โดยเฉพาะครอบครัวของ ลิซ่า ไม่ว่าจะเป็น คุณแม่จิตทิพย์ และ คุณพ่อมาร์โค บรอยช์ไวเลอร์  คุณพ่อบุญธรรม ชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่เป็นถึงเชฟระดับโลก ต่างให้การสนับสนุนและผลักดันความฝันของเธอเป็นอย่างดี  รวมทั้งคอยซัพพอร์ทค่าใช้จ่ายให้ ลิซ่า ในยามที่ต้องไปใช้ชีวิตในฐานะเด็กฝึกที่เกาหลีใต้เพียงคนเดียวตั้งแต่อยู่ในวัยมัธยมต้นด้วย

นอกจากนี้แฟน ๆ ยังมักได้เห็นที่ คุณแม่จิตทิพย์ ไปเชียร์คอนเสิร์ตของลูกสาว รวมทั้ง คุณพ่อมาร์โค คอยดูแล ลิซ่า ที่สนามบิน บอกเลยว่าเป็นภาพที่อบอุ่นมาก ๆ และล่าสุดภาพที่ คุณแม่จิตทิพย์ ปาดน้ำน้ำตาด้วยความปลื้มใจ ขณะดูเอ็มวี “LALISA”   ของลูกสาว ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคุณแม่คนนี้ ภูมิใจตัว ลิซ่า มากแค่ไหน ด้าน ลิซ่า เองก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นที่หนึ่ง โดย  ลิซ่า ตอบคำถามว่าในรายการ “วู้ดดี้ โชว์” ถึงสิ่งที่ทำให้ลิซ่าตื่นมามีความสุขในทุกวันก็คือ “หนูมีความสุขที่สุดที่ได้มาเป็นลิซ่าในตอนนี้ แล้วตอนนี้มีกำลังพอที่จะตอบแทนบุญคุณ คุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ”

นอกจากนี้ยังมีเหล่าสมาชิกในวง “แบล็กพิงก์” ที่มีมิตรภาพที่สวยงาม อย่างการที่ ลิซ่า เดบิวท์อัลบั้มเดี่ยวครั้งนี้ ทั้ง จีซู , เจนนี่ และ โรเซ่  ก็ต่างช่วยกันโปรโมตผลงานโซโล่ของ ลิซ่า กันสุด ๆ แถมสาว ๆ ยังมาคอยให้กำลังใจและซัพพอร์ท ลิซ่า ถึงกองถ่ายด้วย โดย ลิซ่า ได้เผยเรื่องนี้ในงานแถลงข่าวว่า “เจนนี่กับโรเซ่ ต่างมีผลงานเดี่ยวที่ยอดเยี่ยม  ดังนั้นฉันจึงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อพยายามโชว์ผลงานที่ดีเช่นกันค่ะ”

และ ลิซ่า กล่าวต่อว่า “สมาชิกในวงทุกคนมาหาฉันที่กองถ่ายทำเอ็มวีเพื่อให้กำลังใจฉัน และพวกเขาอยู่กับฉันจนเกือบถึงเช้า ฉันรู้สึกสบายใจมาก ๆ ที่มีพวกเขามาอยู่ด้วยค่ะ” นอกจากนี้เธอยังเผยอีกว่า “การเตรียมตัวทำอัลบั้มนี้โดยไม่มีสมาชิก ทำให้ฉันกังวลมาก แต่สมาชิกก็มาหาและสนับสนุนฉันค่ะ  ดังนั้นมันเป็นกำลังใจกับฉันมากจริง  ๆ  และฉันควรจะทำงานหนักมากขึ้น ไปอีกค่ะ”

ส่วนที่ขาดไม่ได้ก็คือเหล่า “บลิ๊งค์ (Blink)” หรือแฟน ๆ ของเธอ ที่เป็นเหมือนทั้งแรงซัพพอร์ท ส่งกำลังใจให้กับ ลิซ่า คอยช่วยโปรโมต โดยไม่ว่าลิซ่าจะขยับทำอะไร ก็มันจะติดเทรนด์ทวิตในอันดับสูงอยู่เสมอ รวมทั้งช่วยกันปั่นยอดวิวให้แบบไม่มีเหนื่อย และยังเป็นเหมือนเกราะเหล็กที่คอยปกป้องเธอจากสิ่งต่าง ๆ ด้วย

โดย ลิซ่า เองก็ตั้งใจมาก ๆ ในการทำผลงานครั้งนี้มากเพื่อแฟน ๆ ของเธอเช่นกัน ซึ่งเมื่อถูกถามในงานแถลงเปิดตัวอัลบั้มว่า เธอคาดหวังความสำเร็จจากผลงานแรกมากน้อยแค่ไหน ลิซ่า ตอบว่า “มากกว่าการไปโฟกัสที่อันดับ ฉันหวังว่าทุกคนจะได้เห็นว่าลิซ่ามีด้านนี้  หากฉันสามารถทำให้บลิ๊งค์มีความสุขด้วยเพลงและการแสดงของฉันได้ ฉันก็พอใจแล้วค่ะ” รวมถึงเธอยังเผยความคิดถึงแฟน ๆ ด้วย  “นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เจอบลิ๊งค์ จนบางครั้งฉันต้องไปหาวิดีโอคอนเสิร์ตที่ฉันได้อยู่ร่วมกับแฟน ๆ และฉันกำลังเตรียมคอนเท้นต์สนุก ๆ ดังนั้นได้โปรดรอคอยมันด้วยนะคะ” เรียกว่าทุกคนรอบตัวเธอที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นลมใต้ปีกที่สำคัญที่ส่ง  ลิซ่า  ได้โบยบินอย่างสวยงามจริง ๆ

กว่าจะเป็น “ลิซ่า” และเส้นทางสู่เวทีระดับโลก

สำหรับ ลิซ่า เกิดวันที่ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2540 มีชื่อเดิมว่า ปราณปรียา มโนบาล ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็น ลลิษา  ที่แปลว่า “ผู้ที่ได้รับการยกย่อง”  เธอเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ แต่เติบโตที่กรุงเทพมหานคร จบการจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนประภามนตรี 1 และ 2 สำหรับลิซ่าเป็นเด็กนักกิจกรรมมาตั้งวัยเรียน และเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนประกวดร้องเพลงในโครงการ “3 คุณธรรมนำไทย” จัดโดยศูนย์คุณธรรม และคว้ารางวัลรองชนะเลิศ ประเภททีม เมื่อ พ.ศ. 2552 นอกจากนี้เจาตัวยังเป็นสมาชิกทีมนักเต้น “We Zaa Cool” ร่วมกับอีกหนึ่งไอดอลเกาหลี สายเลือดไทยชื่อดัง อย่าง  แบมแบม –  กันต์พิมุก ภูวกุล จากวง GOT7 ซึ่งสามารถคว้ารางวัลมาได้จากหลากหลายเวที หนึ่งในนั้นคือรายการ LG Entertainer Thailand ที่ทีม “We Zaa Cool” สามารถคว้าที่ 2 จากการแข่งขันมาได้

ส่วนเส้นทางเข้าสู่วงการเคป็อป ลิซ่า สามารถคว้าโอกาสได้จาก  “YG Audition Thailand” เวทีออดิชั่น ที่ YG มาคัดเลือกในประเทศไทยเมื่อปี 2010 โดยลิซ่าถือเป็นศิลปินฝึกหัดชาวไทยคนแรกที่ YG Entertainment คัดสรรเข้าสู่ค่าย ก่อนที่เธอจะเริ่มเป็นที่สนใจ หลังจากที่ YG ได้เผยคลิป WHO’S THAT GIRL??? ในเดือนพฤษภาคม 2556 ที่โชว์ให้เห็นถึง ลิซ่า สาวน้อยในวัย 16 ที่โชว์ทักษะการเต้นที่โดดเด่น แข็งแรง และสะกดตา  นอกจากนี้ธอยังได้แสดงมิวสิกวิดีโอเพลง “Ringa Linga” ของ แทยัง อีกด้วย

หลังฝึกฝนมานานกว่า 5 ปี ในที่สุด ลิซ่า ก็ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวง “BLACKPINK” เกิร์ลกรุ๊ปที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเปิดตัวครั้งแรกด้วยอัลบั้ม “สแควร์วัน” เมื่อเดือน ส.ค. ปี 2559  และในเดือน พ.ย. “BLACKPINK”  คว้ารางวัล Asia Artist Awards ได้เป็นรางวัลแรก ในสาขา “ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” ในปีต่อมา จากนั้นพวกเธอเดินสายกวาดรางวัลเป็นว่าเล่น แถมยังประสบความสำเร็จและได้ร่วมเวทีระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น  การสร้างประวัติศาสตร์เป็นศิลปิน K-Pop หญิงรายแรก ที่ได้เข้าร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีชื่อดัง อย่าง โคเชลลา (Coachella)  เมื่อปี 2019 รวมถึงล่าสุด “BLACKPINK” กลายเป็นศิลปินที่มีผู้ติดตามบนช่องยูทูบเป็นอันดับ 1 มากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้ติดตาม 65.9 ล้านคน โค่นแชมป์เก่า อย่าง จัสติน บีเบอร์ ไปแล้วด้วย เป็นต้น

ในขณะที่ความสำเร็จส่วนตัวของ ลิซ่า ก็ปังไม่แพ้กัน โดยเธอได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย อาทิ การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก (Global Ambassador) คนแรกอย่างเป็นทางการของ  “เซลีน (Celine)” แบรนด์แฟชั่นสุดหรูของฝรั่งเศส  รวมทั้งยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ “บุลการี (BVLGARI)” แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงแห่งอิตาลี  นอกจากนี้เธอยังที่ปรึกษาด้านการเต้น  ในรายการชื่อดังยอดนิยม อย่าง วัยรุ่นวัยฝัน (Youth With You) ของประเทศจีน ในซีซัน 2 และ3 อีกด้วย และล่าสุดกับอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก  “LALISA” ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ความสำเร็จในระดับโลกของ “ลิซ่า” ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้แฟน ๆ ทุกคนต่างภูมิใจแล้ว ยังเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับคนที่มองเธอเป็นแบบอย่าง และ “ลิซ่า”  ก็พิสูจน์ให้เห็นอีกว่าเธอคือ “ตัวจริง” และเป็นผู้ที่สร้างอิทธิพลต่อวงการอีกด้วย!

ฮาอึน / ภาพ : YG Entertainment , IG @lalalalisa_m , Netflix