ผ่านพ้นมากว่า 2 เดือนแล้ว การขับเคลื่อนเดินหน้าบริหารประเทศ ในยุครัฐบาลพลเรือน นำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เคยเปิดใจเอาไว้อย่างมั่นใจว่า ต่อจากนี้จะเป็น 4 ปีแห่งความเปลี่ยนแปลง “จะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ นำพาประเทศไทยไปข้างหน้า และสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน“

เรียกว่าตลอด 2 เดือนคงพอจะได้เห็นความแตกต่างการทำงานระหว่าง ผู้นำจากทหาร ที่ควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม และ ผู้นำพลเรือน ควบเก้าอี้ รมว.คลัง เพราะเติบโตมาทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยังเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของนายกฯ เศรษฐา เดินสายขึ้นเหนือล่องใต้ออกไปพื้นที่ต่างจังหวัด รับทราบข้อมูลหลากหลายเรื่องด้วยตัวเอง

ตอนนี้เริ่มมีเสียงสะท้อนออกมาจากโพลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิด้าโพล สวนดุสิตโพล ฯลฯ สำรวจการทำงานของนายกฯเศรษฐาผ่านมุมมองของประชาชน แม้เป็นช่วงเริ่มต้นประเดิมทำงานแค่เดือนก็พอใจให้คะแนนสอบผ่านแบบคาบเส้น นอกจากนี้ยังมี “โพลเดลินิวส์ X มติชน : รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ปัญหาอะไร?” ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมกิจกรรม หลังปิดรับโหวต ข้อมูลระบุ ประชาชนอยากให้เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง มากถึงร้อยละ 60.2 ส่วนให้แก้ปัญหาการเมือง-ปฏิรูปโครงสร้างสังคมอยู่ที่ร้อยละ 39.8 เท่านั้น

ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ที่ประชาชนอยากให้รัฐเร่งแก้นั้น 1.อยากให้ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าน้ำมัน (ร้อยละ 25.4) 2.แก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน-หนี้สาธารณะ (ร้อยละ 20.6) 3.แก้ปัญหาการเกษตร (ร้อยละ 16.9) 4.แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท (ร้อยละ 15.6) 5.เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนปริญญาตรี (ร้อยละ 15.1) และ 6.ปัญหาอื่น ๆ (ร้อยละ 6.3)

นับว่าเป็นข้อมูลดี ๆ ที่รัฐบาลจะได้เห็นเสียงสะท้อนออกมาจากประชาชนทั่วประเทศโดยตรง ที่สำคัญไม่ใช่ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ อันดับ 1-5 แทบจะใกล้เคียงกับสิ่งที่รัฐบาลเคยแถลงเอาไว้จะเร่งดำเนินนโยบายต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ เพื่อแก้ไขวิกฤติบรรเทาปัญหาทั้งในระดับมหภาคไปจนถึงภาคของครัวเรือน หากนำไปพินิจพิเคราะห์ดูแล้วคงพอจะมองเห็นปัญหาต่าง ๆ ที่ประชาชนอยากให้แก้เร่งด่วน แต่ความเป็นจริงยังมีอีกสารพัดปัญหา นอกจากเศรษฐกิจ-ปากท้อง และการเมือง ยังมีปัญหานอกเหนือความคาดหมาย

อย่างเช่น ผลพวงวิกฤติสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ แต่มี แรงงานชาวไทย ต้องจบชีวิตแล้วถึง 34 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 24 ราย กลายเป็นเรื่องเกินความคาดหมายที่มีชาวไทยต้องไปสูญเสียชีวิตต่างแดนจำนวนมาก ยังไม่นับรวม ปัญหายาเสพติด ทำท่าเหมือนกำลังพ่ายแพ้สงครามยาเสพติด หลังจากเตรียมออกกฎกระทรวงสาธารณสุข ถือครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ให้สันนิษฐานว่า มีไว้ใช้ครอบครองเพื่อเสพต้องเข้ารับการบำบัด ถึงแม้ต้องดูรายละเอียดพฤติการณ์ของผู้ครอบครองด้วยเข้าข่ายเป็นผู้ค้าหรือไม่นั้น รวมถึงยังมีขั้นตอนประชาพิจารณ์ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

สุดท้ายปมร้อน ’ยาบ้า 5 เม็ด“ กำลังทำให้รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ แค่ตอนนี้บ้านเมืองแทบจะกลายเป็น สังคมอุดมไปด้วยยาเสพติด ไล่ตั้งแต่ น้ำกระท่อม มีขายเกลื่อนริมถนนไม่พอ หรืออยากจะ ดูดปู้น กัญชาหาซื้อได้ไม่ยากเย็น อีกทั้งกำลังเตรียมจะทดลองนำร่อง 4 จังหวัด สถานบันเทิงเปิดยาวได้ถึงตี 4 ตามแผนบูรณาการท่องเที่ยว

คราวนี้ได้บันเทิงไทยแลนด์ครบวงจร เตรียมรับมืออีกมรสุมปัญหาที่คาดไม่ถึงคงผุดตามมาให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก้ไขกันอีกเพียบ เหมือนที่นายกฯ เศรษฐาเพิ่งจะพูดเอาไว้ “ทุกเรื่องเป็นเดิมพันหมด” ดังนั้นต้องจับตาดูฝีมือการเดินหน้าลุยสะสางปัญหาต่าง ๆ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร?

———————
เชิงผา