เมื่อพรรคเพื่อไทยหาเสียง นโยบายที่ทำคนตาลุกที่สุด..แบบก็พูดกันตามธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ล่ะนะ มนุษย์แบบชนชั้นกลางทั่วไปไม่ใช่พวกนายทุนคนรวย คือ “การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่เพื่อไทยประกาศว่า “ทำทันที” ( โปรดฟังอีกครั้ง ทำทันที ) นโยบายอื่นๆ ก็มีเช่นการขึ้นค่าแรงเป็น 600 บาท แต่เรื่องนี้ยังดีที่บอกว่ามันต้องค่อยๆ ไต่เพดานขึ้น 4 ปีถึงจะได้ ..ส่วนนโยบายที่ประกาศไปอีกอย่างที่ชาวบ้านถามกันรึ่ม คือ ที่พูดว่าจะเพิ่มเงินให้ครอบครัวที่เงินได้ไม่ถึงเดือนละ 20,000 บาทให้ถึง 20,000 บาท เมื่อไรจะทำ เอาเงินมาจากไหน ?

แต่สุดท้าย เพื่อไทยก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แพ้พรรคก้าวไกลไปสิบเก้าอี้ เนื่องจากกระแสก้าวไกลมาแรง คนต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ขณะที่หลายๆ คนที่..ก็บอกว่าอยากได้เงินหมื่นแหละ แต่ไม่กาเพื่อไทย เขาบอกว่า รำคาญวาระพาพ่อกลับบ้าน ..ดูเป็นวาระแห่งชาติมาก คือคนชอบทักษิณก็มีเยอะ แต่คนที่เบื่อกับวังวนที่มีคนๆ นี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ไปจนถึงเกลียดก็มีไม่น้อย .. และตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เอง ก็ส่งสัญญาณผ่านคลับเฮาส์บ่อยๆ ว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ซึ่งหลายคนเขาก็ยังเชื่อว่า “มีวาระแอบแฝง” .. ความคิดที่ว่า “ทักษิณกลับมา ความขัดแย้งก็กลับมาอีก” ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวแปรทำให้คะแนนโหวตเพื่อไทยต่ำลง 

พอคะแนนพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับหนึ่ง เอาจริง ..ก็ดูเพื่อไทยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พอสมควร ไอ้ที่หวังแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินก็ไม่ได้ซะแล้ว บางคนเขาว่าเพื่อไทยส่งผู้สมัครแบบไม่มีเสน่ห์ คือ ก็พวกลูกหลานบ้านใหญ่ หรือหน้าเดิมๆ แถมบางคนดันมั่นหน้าในฐานเสียงอีก จนกลายเป็น สส.สอบตก ต้องไปนั่งกินตำแหน่งข้าราชการฝ่ายการเมืองเป็นการปลอบใจ ไอ้ที่พยายามสร้างภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่โดยชู น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ( ก่อนจะเป็นหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา ) เอาจริงก็ “ใหม่แค่อายุ” แต่จริงๆ แล้ว ภาพของ น.ส.แพทองธารก็สลัดนายทักษิณไม่ออก ภาพของ น.ส.แพทองธารคือยังอยู่ในเงาพ่อตัวเอง แบบภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอยู่ในเงาพี่

พรรคเพื่อไทยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลแถลงรวบหัวรวบหางเอาเพื่อไทยร่วมรัฐบาลเสียก่อน แต่จากข่าวในการตั้งรัฐบาลอย่างยาวนานเราก็คงได้เห็นภาพความ “อิ๊อ๊ะ”ของเพื่อไทยแล้ว เช่น ไม่ช่วยหาเสียง สว. และสุดท้ายก็ไปจับมือกับพรรค 2 ลุง 1 หนู ตั้งรัฐบาล โดนข้อหา “ตระบัดสัตย์”ไปเรียบร้อย จนแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ยอมรับกลายๆ ว่า การทำงานของรัฐบาลต่อจากนี้เดิมพันสูงมากที่จะต้องซื้อใจประชาชนกลับมาให้ได้  ….อันนี้ก็เข้าใจว่า ความคาดหวังประชาชนเยอะที่เพื่อไทยกับก้าวไกลจะจับมือให้นายพิธาเป็นนายกฯ ..แต่มีเสียงคนวิจารณ์ว่า “ถ้าพิธาเป็นนายกฯ พ่อก็ไม่ได้กลับบ้าน” ก็เลยต้องรับข้อหาถูกด่าตระบัดสัตย์ไป มีนางแบกนายหามมาช่วยยิ่งทำสถานการณ์เลวร้ายอีก ให้คนหมั่นไส้พรรคเยอะขึ้น

ทีนี้ นโยบายที่ถูกวิจารณ์เยอะที่สุดคือแจกเงินดิจิทัล เพราะแต่เดิมคือ “จะต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่โครงการ 5.6 แสนล้านบาท” คือเอาเงินจากไหน ? เดิม ถ้าร่วมรัฐบาลกับก้าวไกล เพื่อไทยก็จะยกเลิกโครงการนี้ เพราะใช้เงินสูงพอกับโครงการสวัสดิการถ้วนหน้าของพรรคก้าวไกล แต่พอชิงจัดตั้งรัฐบาลท่ามกลางเสียงด่าตระบัดสัตย์แล้ว ยังไงก็ต้องดันออกมาให้ได้เพราะหาเสียงไว้แล้ว และขืนไม่ทำก็โดนข้อหาโกหกประชาชนอีก ..ซึ่งเรื่องนี้เอาจริงคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) นี่น่าจะมีส่วนในการรับผิดชอบอะไรบ้าง เนื่องจาก “กฎหมายให้อำนาจหน้าที่ กกต.สอบโครงการที่ใช้หาเสียง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มาของงบประมาณ ความคุ้มค่าของการดำเนินงบประมาณ แต่นี่คือ ก่อนหน้านี้ กกต.ไปตอบกรรมาธิการของวุฒิสภา ก็บอกได้แค่ว่า “แต่ละพรรคอ้างเรื่องการใช้งบตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีหมด” คือถ้าตอบแบบส่งเดชอย่างนี้แล้ว ไม่มีการทักท้วง ไม่ทราบว่าจะมีการตรวจสอบนโยบายหาเสียงทำไม ?

แล้วก็มาถึงเรื่องการแจกเงิน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลังก็ได้แต่บอก “รออีกนิดนึงๆๆๆๆๆ” จนหลายๆ คนเรียก “นายกฯ นิดนึง”ไปแล้ว อะไรๆ ก็ให้รออีกนิด แม้ว่าเจ้าตัวจะบอกว่าเพื่อความรอบคอบของการดำเนินนโยบายก็ตาม แต่ก็โดนบูมเมอแรงกลับว่า “แล้วก่อนหาเสียงใยไม่ศึกษามาก่อนให้ทำได้ทันทีเหมือนที่บอก ?”

โครงการนี้มีคนไม่ค่อยเห็นด้วยหลายคน รัฐบาลอ้างว่า เพื่อเป็นการอัดฉีดเงินก้อนใหญ่เข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจแบบกระชากการเติบโต โดยตั้งเป้าหมายจะทำให้ GDP โตขึ้นถึง 4.4%  ต่อมา พวกภาคส่วนทางเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) หรือพวกนักวิชาการก็ออกมาบอกว่า ภาคการบริโภคไทยก็จะโตขึ้นอยู่แล้ว การท่องเที่ยวก็โตขึ้น ง่ายๆ คือจะบอกว่า ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนกับโครงการนี้ เพราะเผลอๆ จะสร้างหนี้ไม่จำเป็น …เพราะโครงการอื่นมีความจำเป็นกว่าอย่างโครงการด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างสวัสดิการถ้วนหน้า ..แต่ทางเพื่อไทยเขาก็บอกต้องกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นก่อน แล้วเอาเงินที่ได้จากโครงการเช่น ภาษีจากร้านค้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นรายได้ของประเทศ

แต่เชื่อเถอะว่า สวัสดิการแจกเงินนี่คนครึ่งค่อนประเทศอยากได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางฐานะการเงินสูง รวยกระจุกจนกระจาย ปัญหาคือที่“จนกระจาย”ดันเป็นคนส่วนมากของประเทศที่มีสิทธิในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ต้องเข็นออกมาให้ได้ แม้ว่าแค่คำถามแรกก็สตันท์กันไปหมดว่า “เอาเงินจากไหน” แรกๆ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เชื่อว่า น่าจะขอกู้ธนาคารในประเทศ คือออมสิน แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธ และออมสินก็มีกฎหมายไม่ให้กู้วงเงินขนาดนั้น แล้วพรรคเพื่อไทยก็ถูกดักคออีก ว่าจะฉวยโอกาสสมัยปิดประชุมสภา ออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงินฯ แต่ถ้าออกเมื่อไรสงสัยได้โดนศาลรัฐธรรมนูญสอยทั้ง ครม.( เพราะทำโครงการเป็นมติ ครม.) เนื่องจากเป็นการออกกฎหมายที่ไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วน ไม่เหมือนตอน พล.อ.ประยุทธ์กู้เงินช่วยโควิด นั่นด่วนเพราะคนหากินไม่ได้

จากนั้น เรื่องก็ถูกโยนไปที่รัฐมนตรีหนิม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้ตั้งอนุกรรมการศึกษา ( ย้อนกลับไปข้างต้น ก่อนหาเสียงใยไม่ศึกษามาก่อนว่าทำได้อย่างไร ) ก็เริ่มแบะท่าว่า อาจต้องมีเกณฑ์แบ่งคนรวยคนจน แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1. กลุ่มเงินเดือนเกิน 25,000 บาท เงินฝากเกิน 500,000 บาท 2.กลุ่มเงินเดือนเกิน 50,000 บาท หรือ 3. กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ..คราวนี้นางแบกนายหามก็ออกมาหวีดๆๆๆๆ เองว่า ถ้าให้แบบนั้นผิดวัตถุประสงค์!!  เพราะนโยบายนี้มีไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างถ้วนหน้าไม่ใช่ประชาสงเคราะห์ที่จะต้องแบ่งคนได้คนไม่ได้ ..ข้างฝ่ายคนเงินเดือน 25,000 หรือ 50,000 บาทก็เหอะ เขาก็บอกว่าทำไมเขาไม่มีสิทธิ์ได้ อย่าคิดว่าเงินเดือนเยอะห้าหมื่นจะรวย บางคนรายจ่าย หนี้สินยุบยับอยู่พอสมควร ..แต่ท่าทาง ดูทรงแล้วน่าจะมีการแบ่งคนได้ตามรายได้ เพราะ..อ๊ะๆๆ ตัวเลขที่จะแจก 5.9 แสนล้านบาท ใยหลังๆ จึงพูดอมๆ เปลี่ยนเป็นประมาณ  4 แสนล้านบาท

จุลพันธ์ชี้นายกฯ สั่งจับตาผลกระทบสงครามอิสราเอล หวั่นซ้ำเติมเศรษฐกิจ

ส่วนที่มาของเงิน ก็ใช้วิธีตั้งงบประมาณผูกพัน 4 ปี ง่ายๆ คือ แจกให้ใช้ใน 6 เดือน แต่ร้านค้าเนี่ย จะทยอยขึ้นเงินได้ 4 รอบตามปีงบประมาณ เช่น ร้านนึงขายได้ 1 แสนบาท ก็ทยอยเบิกเอาปีล่ะ 25,000 บาท แล้วร้านไหนจะอยากจดเพราะเขาต้องการเงินสดมาหมุน เกิดภาวะสงครามรุนแรง ตรึงราคาพลังงานไม่ได้ คราวนี้รัฐบาลหาเงินมาอุดไม่ได้ มิพักต้องไปกู้มาเพิ่มหรือ อย่าลืมว่าปัจจัยภายนอกก็มีผลต่อเศรษฐกิจไทยเยอะ ทั้งการส่งออก การลงทุน ( ที่นายกฯ ว่า เดือน พ.ย.จะได้เห็นหลังประชุมเอเปค ) การท่องเที่ยว ถ้าสามขานี้ชะงักไปรายได้ก็เก็บไม่ได้ตามเป้า

รมต.หนิมบอกตอนแรกว่า อาจเลื่อนจ่ายตอน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 เสร็จก่อน คือ น่าจะจ่ายได้ช่วงเดือน เม.ย. ส่วนการพัฒนาระบบนั้นไม่แพงเท่าที่เป็นข่าว ..แต่ต่อมา นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ ระบุว่า อาจจะมีการเลื่อนแจกเงินไปเป็นเดือน ก.พ. เป็นไปเดือนก.ย. 67 แถมอาจใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตังอีก จากที่เดิมหยิ่ง ไม่อยากใช้เป๋าตัง.. แนวๆ ประหยัดค่าทำระบบได้ก็ประหยัดเถิด อย่างน้อยเป๋าตังมันมีฐานข้อมูลประชาชนอยู่ เพิ่มแค่พวกต้องลงทะเบียนใหม่ ..แต่ปัญหาคือ เพราะอะไรถึงเลื่อนไปเดือนกันยายน ? รัฐบาลหวังกระตุ้นเศรษฐกิจจากอะไรก่อนหรือไม่ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นขาใหญ่ของรายได้ประเทศ และภาคการลงทุนที่นายกฯ ไปเชิญนายทุนมาหลายเจ้า เชิญชวนโดยให้สิทธิพิเศษ เช่นที่เคยบอกว่า จะให้สิทธิพิเศษกับเทสลามากกว่าประเทศเพื่อนบ้านให้

ข้างฝ่ายนายกฯนิดเอง ก็ท่องคาถารออีกนิดนึงๆๆ โรคเลื่อนไปเรื่อย จากเดิมจะสรุปโครงการทั้งหมดนายกฯ แถลงเองจะได้ไม่สับสนในเดือน ต.ค. ..นี่เข้าเดือน พ.ย.แล้ว ก็บอกให้รออีก 1-2 สัปดาห์จะแถลง ..เรื่องแจกเมื่อไรก็เลื่อนไปเรื่อย เงื่อนไขก็แพล่มออกมาทีละอย่าง เช่น ซื้อของออนไลน์ไม่ได้ จ่ายหนี้ไม่ได้ ..ตอนนี้เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นนโยบายขายขำของเพื่อไทยแล้วที่มีแต่คนหัวเราะ เรียกโครงการดิจิม่อนออมเลต ( ดิจิม่อนนี่เป็นตัวการ์ตูน ออมเลตก็อารมณ์แบบไข่เจียวฝรั่ง คือไม่ฟูๆ แบบทอดน้ำมันเดือดของไทย )  ไม่นานคงมีคนพนันกันว่าทำได้จริงหรือเปล่า

แล้วเชื่อเถอะว่า การตระบัดสัตย์เรื่องไม่จับมือพรรค 2 ลุงเนี่ย “ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อกู้ศรัทธามันเยอะ” โครงการอะไรพูดแล้วทำไม่ได้ เตรียมตัวเจอ digital footprint ออกมาทิ่มปากตอนหาเสียงเลือกตั้งเที่ยวหน้า และนอกจากนี้ โครงการบ้งไปโครงการนึง ก็มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์พรรค หรือเรื่องอื่นอีก ..เผลอๆ วันนึงจะมีคนโวยวายว่า ที่สุดแล้วก็เอาเงินอนาคตมาล่อ เพื่อให้พ่อกลับบ้าน..แล้วกระแสเรียกหานายทักษิณ ชินวัตร ก็จะแรงขึ้นเรื่อยๆ ว่าตกลงผ่าอะไรสองรอบต้องนอนโรงพยาบาลยาว แบบนี้คนจนมีสิทธิ์ไหมค้าบ..บางคนผ่าตัดได้พักฟื้นแป๊บเดียวราชทัณฑ์เชิญกลับตะรางแล้ว  

ก่อนจะกลับไทยก็เห็นลูกสาวคนเล็กบอกไปตรวจสุขภาพ แข็งแรงดี ..ตัวนายทักษิณเองก็โพสต์โชว์ฟิต แต่มาเมืองไทยไม่ถึง 12 ชั่วโมงน็อค ขึ้นไปนอนเป็นผักอยู่จะเข้า 3 เดือนแล้ว .. คนแถวๆ นี้สงสารบอกโถพ่อคุณ ถ้ากลับบ้านแล้วใกล้ตายอย่างนี้เป็นเศรษฐีแข็งแรงอยู่เมืองนอกไม่ดีกว่าเหรอ รพ.ตำรวจก็ท่องคาถารักษาความลับผู้ป่วย ๆๆ คนแถวๆ นี้เลยฝากอ้อนให้หน่อยว่าเป็นแฟนคลับก็รู้ไม่ได้เลยเหรอว่า ผู้นำทางความคิดตัวเองป่วยเป็นอะไรผ่าตัดสองรอบ

มีบางคนเชื่อว่า ที่บิดตะกูดเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไม่ใช่อะไร คือมันมีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า โครงการนี้ขัดต่อระบบวินัยการเงินการคลังของรัฐ  อารมณ์ประมาณตอนรัฐบาลปูออกร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. หรือ “ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท”แล้วศาลรัฐธรรมนูญตีตกนั่นแหละ ..คือยืมมือศาลรัฐธรรมนูญตีโครงการดิจิทัลวอลเลตตกเหมือนกัน แล้วทีนี้ก็มาบอกได้ว่า เราพยายามทำตามที่หาเสียงนะแต่ถูกตีตก ดังนั้นรัฐบาลไม่ผิด แล้วถ้าเลือกเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล คราวนี้มีโครงการอัดฉีดเงินให้ประชาชนอีก เก๋ๆ

ตกลงโครงการนี้จะออกลูกไหน ก็คงทำได้แค่ “รออีกนิดนึง”ตามคำนายกฯ นิด

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”