ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดเข้ามาบริหารประเทศ ย่อมเจอ สารพัดปัญหาของประเทศรออยู่เพื่อให้แก้ไข! ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ยังไม่รวม ปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ซึ่งไม่สามารถจะคาดเดาได้ ในสมัยรัฐบาลลุงตู่ เจอวิกฤติ “มหันตภัยไวรัสมรณะ” โควิด-19 ระบาดทำลายล้างชีวิตมนุษย์และเศรษฐกิจไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

รัฐบาลเศรษฐา เพิ่งจะเดินหน้าบริหารประเทศได้ 2 เดือนเศษ ๆ กำลังพบเจอ “ปัญหาที่คาดไม่ถึง” เช่นกัน !! จาก วิกฤติสงครามอิสราเอลฮามาส แม้จะเกิดในดินแดนตะวันออกกลาง แต่กระทบถึงประเทศไทยโดยตรง มีบรรดา แรงงานชาวไทยหลายหมื่นชีวิต ยอมสละหยาดเหงื่อแรงงานไปทำงานหาเงินเลี้ยงชีวิตครอบครัวและนำรายได้กลับมาแผ่นดินไทย

เหนือความคาดหมาย “แรงงานชาวไทย” ต้องตกเป็นเหยื่อสงคราม เสียชีวิตมากถึง 32 ราย อีก 22 รายถูกจับเป็นตัวประกันไม่ทราบชะตากรรม (ยอด ณ วันที่ 30 .. 66)

วิกฤติสงครามอิสราเอล-ฮามาส กลายเป็นอีกปัญหาที่คาดไม่ถึงของรัฐบาลเศรษฐา เริ่มส่งผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากอิสราเอลยังระดมโจมตีนักรบฮามาสในฉนวนกาซา ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดรัฐบาลไทยเร่งวางแผนแก้ปัญหาส่งเครื่องบินทยอยไปรับแรงงานไทยกลับประเทศต่อเนื่อง และยังหาทุกวิถีทางเจรจาช่วยเหลือให้ปล่อยตัวประกัน ไม่น่าเชื่อยังมี กลุ่มแรงงาน จำนวนมากยอมเสี่ยงชีวิตอยู่ต่อ เพราะมีความจำเป็นเลี้ยงดูครอบครัว ภาระหนี้สิน กลับมาก็ไม่มีงานทำ

แม้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ผู้นำคนที่ 30 ควบเก้าอี้ รมว.คลัง จะมุ่งมั่นทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบไม่มีวันหยุด ลุยงานทั้งในประเทศ และบินไปภารกิจต่างแดนแล้วกว่า 10 ประเทศไล่ตั้งแต่เปิดตัวร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA/ยูเอ็นจีเอ) ครั้งที่ 78 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาไปเยือนจีนแผ่นดินใหญ่ได้พบ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีโอกาสหารือทวิภาคี นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จากนั้นไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 1 ประเทศซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ น่าจะคงพอเริ่มเห็นข้อมูลปัญหาต่าง ๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ

ผ่านพ้นมา 2 เดือน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ’นิด้าโพล“ ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เผยผลสำรวจของประชาชนหลาย ๆ หัวข้อ รวมไปถึงหัวข้อ ความพอใจในบทบาท/ผลงานของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในช่วง 2 เดือนที่ดำรงตำแหน่ง พบว่า ร้อยละ 36.87 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.87 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.40 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 13.74 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 4.12 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ขณะเดียวกัน เดลินิวส์ และเครือมติชน ร่วมมือกันจัดทำ ’โพลเดลินิวส์ X มติชน : รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ปัญหาอะไร?“ ให้ประชาชนร่วมโหวตผ่านช่องทางออนไลน์ทุกแพลต ฟอร์มของสื่อเดลินิวส์-เครือมติชน ระหว่างวันที่ 1-31 ต.ค.66 ที่ผ่านมา หลังปิดรับโหวต จะมีทีมนักวิชาการ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) และผู้เชี่ยวชาญ มาร่วมวิเคราะห์ผลโพลสะท้อนเสียงของประชาชนไปถึงรัฐบาล หวังนำไปสู่การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา จึงเป็นอีกปัจจัยที่ห้ามมองข้าม จะเลือกแก้ปัญหาอันไหนก่อน-หลัง ไม่ว่าจะเป็นปากท้อง เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ เพื่อให้ได้ประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด หากยังจัดลำดับความสำคัญไม่ถูก เหมือนตกอยู่ในสภาพ “เกาไม่ถูกที่คัน” ต่อให้เกาแรงแค่ไหนถ้าไม่ตรงจุด นอกจากไม่หายคันแล้วยังเปล่าประโยชน์เสียแรงเสียเวลา ถ้ายังมุ่งมั่นจะเกาซ้ำ ๆ อยู่ที่เดิมอีก คราวนี้ไม่หายคันแล้วยังอาจเจ็บตัวอีกด้วย!!

—————————–
เชิงผา