ต้องยอมรับ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯไม่ทันครบ 3 เดือน แต่ราวกับอยู่นาน 3 ปี นี่หรือเปล่า ไม่มีเวลา “ฮันนีมูน” สถานการณ์สร้างวีรบุรุษหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ตั้งแต่นายกฯคนนี้ก้าวมารับตำแหน่ง เกิดเหตุ ช็อกไทยช็อกโลกตลอด ก่อนหน้า ก็เด็ก 14 กราดยิงคนตายที่ห้างสยามพารากอน ล่าสุดก็กลุ่มฮามาสบุกถล่มแคมป์คนงานอิสราเอลในเขตฉนวนกาซา มีนักรบแรงงานไทยเสียชีวิตแล้ว 29 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 16 คน และตัวเลขยังไม่นิ่ง ขณะ 2 ฝ่ายอยู่ในภาวะสงคราม ตายแล้วรวม 4 พัน นายกฯอิสราเอล เนทันยาฮู ลั่นจะเอาคืน ปราบฮามาสให้สิ้นซาก

เสียงจากแรงงานไทยที่ทยอยกลับบ้าน ส่วนใหญ่บอก กลุ่มฮามาสโหดมาก กราดยิงไม่เลือกหน้า ขนาดพูดเป็นภาษาไทย ล่อออกมาแล้วจับเป็นตัวประกัน หรือไม่ก็ยิงทิ้งไปหลายศพ เป็นเรื่องน่าเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง

Hamas militants are seen during a military show in Gaza City in 2017

นายกฯ เศรษฐาจึงต้องเดินสายพบผู้นำโลกตลอดสัปดาห์นี้ ไปพบ “สี จิ้นผิง” เสร็จ ก็บินต่อไปพบเจ้าชาย MBS ผู้นำซาอุฯขอให้ช่วยเรื่องการอพยพแรงงานไทย อีกงานที่ นายกฯ หวังสร้างผลงาน โลกล้อมไทย แต่จะช่วยดัน โครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่มีอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ, คณบดีเศรษฐศาสตร์ และนักวิชาการนับร้อย จับมือ ป.ป.ช. สว.ลากตั้ง หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม หน.พรรคไทยภักดี ยื่น ป.ป.ช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูย และผู้ตรวจการแผ่นดินสอบเอาผิด ได้แค่ไหน ไม่รู้ องค์กรอิสระทั้งนั้น จนนายกฯ เศรษฐา ต้องโพสต์อ้อนประชาชน หากต้องการนโยบายนี้ ส่งเสียงเชียร์ดัง ๆ ด้วย จนถูกข้อหา ปลุกระดม แบ่งแยกมวลชน?!?

ล่าสุด นิด้าโพล มาแบบทันใจ สำรวจคนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 1,310 ตัวอย่าง หัวข้อ “การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ควรไปต่อหรือพอแค่นี้” 9-11 ต.ค. ที่ผ่านมา พบ ร้อยละ 47.10 เห็นว่า ควรดำเนินนโยบายต่อ แต่ควรปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ร้อยละ 32.52 ให้ทำต่อตามที่ได้หาเสียงไว้ ร้อยละ 18.85 บอก ควรหยุด ร้อยละ 30.92 บอก ค่อนข้างกังวลใจ อาจได้ไม่คุ้มเสีย (เช่น เกิดภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพงขึ้น ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ ตามคำเตือนของ 99 นักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์) ร้อยละ 28.47 ระบุ ไม่กังวลเลย ร้อยละ 25.27 ระบุ กังวลมาก ร้อยละ 15.19 ระบุ ไม่ค่อยกังวล และร้อยละ 0.15 ระบุ ไม่ทราบ ไม่ตอบ ไม่สนใจ ขณะส่วนใหญ่ยืนยัน เมื่อรับเงินจะนำไปใช้จ่าย และร้อยละ 60 เห็นว่า กระทบความนิยมพรรคเพื่อไทยจะลดลง หากยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

ผลโพลนิด้าน่าจะทำให้นายกฯเศรษฐาเบาใจได้ เพราะกว่าร้อยละ 79 ยังเห็นว่า ควรเดินหน้าต่อ มีให้หยุดแค่ร้อยละ 18 และส่วนใหญ่ หากได้รับเงินแล้ว จะเอาไปใช้จ่าย ไม่ได้เอาไปเก็บอย่างที่คนต้านคิด ซึ่งนั่นเท่ากับเศรษฐกิจจะหมุนเวียนแน่ แต่จะ 5-6 รอบ หรือแค่ 1-2 รอบ เป็นเรื่องต้องประเมินทีหลัง ขณะความเห็นนักวิชาการ คนไทยยังให้ราคาอยู่ จึงทำผู้คนกังวลถึงร้อยละ 55 เป็นข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ดี

ที่ต้องกังวล เฟคนิวส์ไม่เฟคนิวส์ไม่รู้ ข่าวร้านไหนร่วมโครงการจะถูกหักค่าบริการไปกลับรวม 6% หากตั้งงบ 5.6 แสนล้าน ก็เท่ากับเงิน 3 หมื่นล้านจะไปอยู่ในกระเป๋าบริษัทที่รับงานเป็นเรื่องที่เพื่อไทยต้องตอบสังคม

กลับมาที่ฝ่ายต้านก็หน้าเก่าทั้งนั้น แปลกนะตอนพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลไม่ทำซักนโยบาย ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์ซักคนส่งเสียงร้อง เพื่อไทยทำตามที่หาเสียงดันคัดค้านเอาเป็นเอาตาย ห่วงนั่น นี่ โน่น องค์กรอิสระยิ่งแล้วใหญ่ จำได้มั้ยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่แจกเงิน แต่มีนโยบายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ทำโครงสร้างขนส่งใหม่ทั้งระบบ ก็บอกไปทำถนนลูกรังก่อน พ.ร.บ.เงินกู้ก็ผิดรัฐธรรมนูญ ตอนนี้รถไฟความเร็วสูงทำได้ 3 กม. เป็น “ทศวรรษแห่งความสูญเสีย” โดยแท้

องค์กรอิสระไหนรับผิดชอบบ้าง?!?

ใด ๆ เลย รัฐบาลเศรษฐา เป็น “เด็กดี” แล้วนะ ดีลลับ เปลี่ยนเป็นดีลรัก แม้ทักษิณได้กลับบ้าน แต่ต้องตระบัดสัตย์ ปฏิรูปกองทัพก็ไม่แตะ ส.ส.ร. ทำท่าจะลากตั้ง แก้รัฐธรรมนูญคงยื้อ 4 ปีเลย แล้วถึงตอนนี้เพื่อไทยเห็นความจริงยัง????

ทำไมต้องเลือกตั้ง ส.ส.ร. แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปฏิรูปโครงสร้างการเมืองครั้งใหญ่.