หากเอ่ยถึงชื่อของซูเปอร์สตาร์สาวสวยขวัญใจชาวไทยและทั่วโลก เชื่อว่านาทีนี้ต้องมีชื่อของสาวสวย “เนเน่-พรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์” หรือ “เนเน่-เจิ้งหน่ายซิน” รวมอยู่ในนั้นแน่นอน เพราะเธอคือซูเปอร์สตาร์ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถและเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่น่าค้นหามากมาย ซึ่งเนเน่เองถือเป็นซูเปอร์สตาร์ที่เป็นเสมือนแรงบันดาลใจให้กับคนมากมายได้เดินตามความฝันของตนเอง และกล้าที่จะลุกขึ้นสู้กับสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ความฝันของตนเองเป็นจริง ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” รู้มาว่าสาวเนเน่ได้ไปให้เสียงพากย์ภาษาไทยในซีรีส์ “บอกรักก่อนได้ไหม Confess Your Love” ที่รับชมได้ทางทรูไอดีที่เดียวเท่านั้น โดยเนเน่แอบเล่าให้กับทีมงานฟังว่าซีรีส์บอกรักก่อนได้ไหม เป็นเรื่องราวของพี่น้องฝาแฝดที่มีชื่อว่า “หลินเฉิน” และ “หลินหว่าน” ซึ่งเรื่องนี้เนเน่ นางเอกสาวสวยของเรารับบทเป็นฝาแฝด ที่ประกบคู่กับพระเอก “ลู่สวิน” (รับบทโดย ซ่งจี้หยาง) เมื่อ “หลินหว่าน” (พี่สาวฝาแฝดของหลินเฉิน) เกิดอุบัติเหตุ และเพื่อรักษาชื่อเสียงของพี่สาว “หลินเฉิน” จึงได้ปลอมตัวเข้าร่วมถ่ายรายการวาไรตี้หาคู่แทนพี่สาวของตัวเอง โชคชะตาก็นำพาให้ “ลู่สวิน” ก็ได้ปรากฏตัวในฐานะแขกรับเชิญรายการวาไรตี้หาคู่และในระหว่างถ่ายทำรายการความใกล้ชิดก็ได้สร้างบรรยากาศให้ความรู้สึกของทั้งสองค่อย ๆ ผูกพันจนเกิดเป็น “ความรัก”  และนี่เป็นครั้งแรกที่เนเน่พากย์เสียงในซีรีส์อีกด้วย  ด้วยความฮอตของเธอแบบนี้ เราเลยไม่พลาดไปคว้าตัวเธอมาพูดคุยกัน โดยเธอได้เล่าถึงเรื่องราวตลอดเส้นทางการเป็นศิลปินของเธอ ตั้งแต่วันแรกที่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เธอก็ขอสู้ไม่ถอย และพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้วันนี้เธอก้าวเข้าไปอยู่ในใจของแฟน ๆ ทั่วโลกและได้รับความรักมากมายได้สำเร็จ ตลอดจนความฝันและเป้าหมายในอนาคตของเธอ รวมถึงเรื่องความรักที่คนแบบไหนจะชนะใจเนเน่ได้ เราได้รวบรวมมาฝากกันแล้ว

ทักทายแฟน ๆ เดลินิวส์สักหน่อย?

“สวัสดีค่ะ เนเน่นะคะ(ยิ้มหวาน)”

ซีรีส์ที่จีนกระแสดีมากๆ เลยรู้สึกอย่างไรบ้าง?

“จริง ๆ หนูไม่เคยได้ดูฟีดแบ็กของแฟน ๆ เพราะว่าหนูค่อนข้างจะเก็บมาคิดเยอะ หนูจะไปดูฟีดแบ็กจากผู้ใหญ่ช่องซะมากกว่าที่เขาให้มาว่ายังไง เพราะเขาจะตรงจุดมากกว่า ซึ่งได้ฟีดแบ็กมาค่อนข้างดีมากเลยค่ะ เล่นดีและโอเคมากเลย เราก็แฮปปี้ ซึ่งหนูคิดว่าถ้าทางผู้ใหญ่ชอบ แฟน ๆ ก็น่าจะชอบค่ะ(ยิ้ม)”

ตั้งแต่ “เนเน่” เริ่มเข้าไปประกวดในรายการดังที่จีนตอนนี้กี่ปีแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?

“เข้าสู่ปีที่ 4 ค่ะ 4 ปีที่ผ่านมา หนูไม่อยากใช้คำว่าฝึกฝนและอดทนขนาดนั้นเพราะเราเองก็ไม่ใช่สายเรียนขนาดนั้น แต่ภาษาจีนที่ได้เพราะเราใช้ในชีวิตประจำวัน อยู่ที่นั่นด้วยค่ะ สภาพแวดล้อมมันทำให้เราต้องพูด เราก็เลยต้องพูดให้ได้ และหนูก็เป็นคนเอ็นจอยกับการได้พูดและศึกษาศัพท์ใหม่ มันก็เลยไม่เป็นในเชิงฝึกฝน ก็เป็นการไปเรื่อย ๆ ของมัน ก็เลยรู้จักคำมากขึ้น”

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามันให้อะไรกับ “เนเน่” บ้าง?

“หนึ่งที่สำคัญเลยคือประสบการณ์ เพราะหนูว่ามันน้อยมากจริง ๆ ที่มันจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตครั้งหนึ่งของเรา หนูรู้สึกว่าตรงนี้ได้มาเยอะมาก ประสบการณ์ทำงานค่อนข้างสำคัญกับหนูเพราะมันทำให้เราได้รู้ว่าในอนาคตเราจะวางแผนกับชีวิตต่อไปอย่างไรค่ะ”

สำหรับฟีดแบ็กในด้านเพลง “All About that day” เป็นอย่างไรบ้าง?

“ฟีดแบ็กดีมากเลยค่ะ และขึ้นคอนเสิร์ตที่จีนไปด้วยค่ะแล้วก็มันเป็นตัวปลดล็อกในชีวิตหนูเลยนะ เพราะแม้ว่าหนูจะมีชื่อเสียงมาจากการเข้ารายการไอดอลก็ตาม แต่หนูอยากมาเป็น Artist หนูเป็นศิลปินที่ไม่ได้จำกัดแค่การเป็นไอดอลหรือดารา หรือว่าเซเลบริตี้ หรือว่านักร้อง หนูอยากทำได้ทุกอย่าง แล้วพอเราทำผลงานที่มันออกมาจากตัวเราเอง เราได้ทำมันร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่งเนื้อเอง แต่งทำนองเอง แล้วมันเป็นที่ยอมรับคือความฝันหนูมันสำเร็จไปครึ่งนึงแล้ว แต่หนูก็ยังต้องไปต่อ”

อยากพูดถึงคนที่มีฝันอยากเป็นแบบ “เนเน่” ไหม?

“หนูรู้สึกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้หนูมาอยู่ในจุดนี้เลยคือเราไม่ยอมแพ้ หนูอยากจะบอกทุกคนว่า มันจะมีวันที่เราท้อมันจะมีวันที่เราไม่ได้ มันจะมีวันที่เราไม่ถูกเลือกแต่มันจะเป็นแค่ประสบการณ์ แต่สิ่งพวกนั้นมันไม่ใช่วันสุดท้าย หนูอยากให้ทุกคนเก็บประสบการณ์พวกนั้น ความผิดหวังตรงนั้นมาพัฒนาตัวเราในอนาคต ไม่ต้องกดดันตัวเองจนเกินไป ทำมันไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะถึงจุดที่สำเร็จเองค่ะ”

เส้นทางชีวิตของ “เนเน่” ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อะไรที่ทำให้ความฝันยังคงเป็นความฝันที่อยากจะทำอยู่?

“คุณแม่ค่ะ หนูรู้สึกโชคดีที่คุณแม่ไม่เคยพูดว่าความฝันของหนูมันเป็นเรื่องเหลวไหล ตรงนี้มันสำคัญมาก ๆ นะ หนูเลยอยากบอกต่อกับน้อง ๆ ว่าถ้าหนูมีลูก หนูก็อยากจะบอกคำนี้กับลูก หนูก็จะเชื่อในตัวเขาและให้เขาทำมันให้จนสุดจริง ๆ ก็จะสนับสนุนไปเรื่อย ๆ เลยรู้สึกว่าอย่ายอมแพ้ เพราะเวลาที่หนูท้อ มันมีบางวันที่หนูรู้สึกว่าเคยถามตัวเองว่าเรามาถูกทางหรือเปล่า ถ้าคนที่มันยอมแพ้ก็จะไปทางอื่น จะไปซ้ายหรือขวาก็ตาม แต่แม่หนูบอกว่าเดี๋ยวมันก็มีใหม่ เดี๋ยวครั้งหน้าก็ได้เอง รู้ไหมคะว่ามันสำคัญมาก มันทำให้หนูมายืนอยู่ตรงนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นก็อยากจะบอกกับน้อง ๆ ทุกคนว่าอย่ายอมแพ้ค่ะ”

เวลาพูดถึงคุณแม่ “เนเน่” ตื้นตันใจมาก ตอนที่ประสบความสำเร็จแม่พูดอะไรกับ “เนเน่” บ้าง?

“จริง ๆ หนูกับแม่จะไม่ค่อยได้มาคุยอะไรกันที่มันทัชใจมาก หรือบอกว่าแม่ดีใจอะไรแบบนั้น แต่เราจะสัมผัสได้จากสายตาในทุก ๆ วันเพราะหนูอยู่กับแม่ค่ะ แล้วเขาก็จะไถดูเราทุกวัน ตั้งเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงเรา เปิดมาก็มีหน้าเรา เราจะสัมผัสได้จากตรงนั้น (ยิ้ม) หนูเป็นลูกผู้หญิงที่นิสัยเหมือนผู้ชาย หนูจะไม่ค่อยคุยเรื่องอะไรแบบนี้ หรือบอกรักเขา แต่นาน ๆ ทีจะบอก แต่หนูจะทำดีผ่านทางอื่นอ้อม ๆ ไม่ได้มาสายตรง ๆ จะเป็นแนวซื้อของให้กินอร่อย ๆ หรือซื้อของที่เขาชอบ ทำของที่เขาชอบ ประมาณนี้ค่ะ”

“เนเน่”เคยชมตัวเองในเวลาที่ผ่านมา แล้ว “หนูสุดยอดมากๆ” ไหม?

“มีค่ะ เวลาที่งานตัวเองมันสำเร็จหนูจะชมตัวเอง เพราะหนูเป็นคนกดดันตัวเองค่อนข้างมาก เพราะหนูอยากให้ทุกอย่างมันออกมาดี ไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง มันเลยกลายเป็นว่าตัวเราก็เหนื่อยเองในบางที แต่มันคุ้มค่านะหนูรู้สึกว่าความอดทน ณ ตรงนั้น มันทำให้งานที่ออกมามันเพอร์เฟกต์ทุกอัน และหนูก็จะภูมิใจกับมันแม้ว่า Process มันจะเหนื่อย แต่แบบผลที่ออกมามันดี เราก็จะค่อยมาชมตัวเองตอนนี้ (ยิ้ม)”

ความฝัน “เนเน่” ที่ชัดเจนมาก ๆ ณ ตอนนี้คือการเป็นนักร้องหรือนักแสดง เพราะอะไร?

“การเป็น Artist ค่ะ การเป็นศิลปินที่มีความเป็นตัวเองสูงมาก มันคือความฝันหนูที่หนูอยากจะโชว์ความเป็นตัวเองนี่แหละเรียล ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ให้คนได้เห็น และมอบความจริงใจนี้ให้คนได้สัมผัส หนูก็จะเป็นตัวหนูเองเลย หนูก็จะแบบไม่มีความเมคอะไรเลย และหนูอยากส่งมันไปผ่านผลงานเพลง ผลงานการแสดง คนได้ดูเรา คนแฮปปี้ไหม มันสนุกนะ (ยิ้ม) มันเป็นสิ่งดี ๆ ที่มอบให้กัน”

วันที่ “เนเน่” ประกวดและเข้าร่วมรายการที่จีน วันนั้นเห็นภาพของตัวเองในการเป็นซูเปอร์สตาร์แบบในวันนี้ไหม?

“หนูเห็นภาพค่ะ แต่เป็นภาพที่ใหญ่กว่านี้ ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในวงการเลยค่ะ เราก็จะมีปณิธานอันนี้อยู่ตลอด ถ้ามันไม่ถึง มันต้องไปให้ถึง ตอนนี้หนูมาได้ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ หนูรู้สึกว่ามันเหลืออีก 60 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องไปต่อ”

มีไฟในตัวเองสูงมาก เอาพลังมาจากไหน?

“เพราะว่าหนูมีความฝันเดียวค่ะ (ยิ้ม)หนูไม่ได้มีความฝันหลายอย่างเลย ไม่ได้มีอาชีพที่อยากทำหลายอย่าง หนูรู้สึกว่า I was born this way เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ หนูแค่นึกภาพตัวเองไปทำอย่างอื่นไม่ออก (ยิ้ม) มันไม่มีอะไรที่เป็นแบบนั้น หนูนึกภาพไม่ออกจริง ๆ จะให้หนูไปทำอย่างอื่นหรืออะไรที่ไม่ใช่อันนี้ หนูรู้สึกว่าหนูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้”

ระหว่างผลงานเพลงและการแสดงครึ่งปี 2023 เราจะได้เห็นอะไรมากกว่ากัน?

“ไม่รู้เลยคือมันจะมันมากเลย คือเพลงของหนูจะไปในทางที่หนูอยากทำมาตลอด ก่อนหน้านี้หนูจะมีความแบบมันด้วยที่คนหวังว่าเราจะเป็นแบบไหนและหนูก็ลองทำไปแล้วและหนูรู้สึกว่ามันไม่เวิร์ก แล้วพอมาเป็นตัวเองสุด ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์มันเวิร์ก มันกลายเป็นว่าเราได้ทำอะไรที่เราชอบล่ะ คือว่าคนเริ่มยอมรับแหละว่าการมาเป็นตัวเรามันมาถูกทางนะ มันก็จะมันมากขึ้น แนวเพลงของหนูมันก็จะออนแอร์เป็นเพลงจีนก่อน เพราะหนูกำลังออกอัลบั้มเพลงจีนอยู่ เพลงไทยก็กะจะมาทำอยู่ค่ะ แล้วก็ทางด้านซีรีส์ก็มีคุยอยู่ค่ะ ทั้งจีนและไทยเลยค่ะ ก็คือไปในทางไหนก็ได้ ไม่อยากจำกัดแค่นักแสดงหรือนักร้องเพราะหนูก็เอ็นจอยกับมันทุกทาง”

แฟน ๆ ของ “เนเน่” ที่เขารักหนูมาก ๆ อยากบอกอะไรเขาไหม?

“อยากจะบอกว่าอดทนไปด้วยกันนะจ๊ะ ตอนนี้ฝันมันถึงแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เอง เหลืออีก 70 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องทำต่อ อยู่กันไปเรื่อย ๆ อีก 60 ปี (หัวเราะ) อยากบอกว่าอดทนต่อไปสู้ ๆ (ยิ้ม)”

ถ้าเปรียบเทียบความผูกพันของหนูกับแฟน ๆ ล่ะ หนูอยากจะเปรียบเขาเหมือนอะไรเพราะอะไร?

“หนูอยากเปรียบเขาเหมือนเพื่อนค่ะ เหมือนครอบครัว แล้วหนูอาจจะเปรียบเหมือนหนูกับแม่ก็ได้ หนูเป็นแม่ให้เขา แล้วเขาก็เป็นหนูที่คอยซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง คือหนูมายืนในวงการเพราะหนูแค่ชอบทำมันเฉย ๆ ชอบทำเพลง แต่ความหวังของหนู หนูหวังว่าสิ่งที่ทำไปพวกนี้ มันจะช่วยไปฮีลใจคนได้ คือเราอยากไปซัพพอร์ตคนในวันที่ล้ม หนูอยากเป็นที่พักใจให้เขา”

ถ้าให้เปรียบแฟนคลับของ “เนเน่” เป็นสีสัน เราจะเปรียบเขาเป็นสีอะไร เพราะอะไร?

“หนูมองว่าเขาเป็นสีชมพูค่ะ แน่นอนเป็นสีประจำด้อมหนู เป็นสีที่ทุกคนคิดว่าหนูคงจะเป็นสีชมพู หนูคงให้ออร่าคนสีชมพูมั้ง แต่ถ้าเป็นตัวหนูเลยคงเป็นสีดำค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าหนูดูน่าค้นหาและลึกลับ คือตอนเด็ก ๆ หนูสีชมพู ตอนช่วงอายุ 20 กว่า ๆ สีชมพู แต่พอเราผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มามันเริ่มเป็นชมพูสาดดำ ยังมีความเป็นชมพูอยู่บ้าง ลึก ๆ ในจิตใจ แต่ว่าโลกทำให้เราต้องมีสีดำ เพราะฉะนั้นจะเป็นภาพแนวสีชมพู สีม่วงและสีดำอยู่ในนั้น”

สเปกและมุมมองความรักของ “เนเน่” เป็นแบบไหน?

“หนูจะเข้ากับคนที่เขามีรสนิยมคล้าย ๆ กันค่ะ มีความรักในดนตรี เพลงก็ฟังคล้าย ๆ กัน หนูจะดูเพลย์ลิสต์เป็นหลักเลยนะ ถ้าจะคุยกันจริง ๆ ดูก่อนเลยว่ายูฟังเพลงอะไรชอบหนังแบบไหน ทัศนคติของคุณที่มีต่อหนังเรื่องนี้มันแบบเดียวกันหรือเปล่า หนูว่าสำคัญมาก ๆ ไม่ต้องถามถึงนิสัยก็ได้ หนูรู้สึกว่าหนูอยู่กับนิสัยอะไรก็ได้ แบบไหนก็ได้ แต่รสนิยมมากกว่า”

คนที่คู่ควรกับ “เนเน่” ต้องหล่อ สูง ขาว ตี๋อะไรแบบนี้บ้างไหม?

“หนูมองว่าหล่อเป็น Add On (เพิ่มเข้าไป) แต่หนูไม่ได้กรี๊ดกร๊าดคนหล่อ โอเคเขาหล่อ ๆ หล่อ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เราอยากเข้าไปคุยกับเขา อยากจะคุยกับเขาต่อมันน่าจะเป็นเรื่องรสนิยมล้วน ๆ เลย ทัศนคติล้วน ๆ เลย ไลฟ์สไตล์หนูว่าเราแตกต่างกันได้ แต่ก็อย่าแตกต่างกันมาก”

ต้องเด็กกว่า หรือโตกว่า เป็นคนไทยหรือต่างประเทศหรือเปล่า?

“ไม่ซีเรียสเลยค่ะ แต่ต้องรักสะอาด หนูเป็นคนรักสะอาด อันนี้สำคัญมาก ๆ ค่ะ เอาจริง ๆ เรื่องความรักถ้าหนูไม่ชอบหนูจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ (ยิ้ม) หนูไม่เชิงปิดประตูนะ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ คือหนูมีเพื่อนผู้ชายเยอะมากในชีวิต เพราะหนูเรียนวิศวะมา และจะเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ค่อนข้างบ่อยที่อยากจะมาคุยมากขึ้นหรือว่าเป็นมากกว่าเพื่อนอะไรก็ตาม  ถ้าไม่สนใจหนูก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้”

เรื่องความรักหรือแต่งงานมองไว้ที่อายุเท่าไหร่ไหม?

“หนูไม่ได้วางแผนเลย แต่หนูไม่ได้ซีเรียสว่าเราต้องแต่งงานเมื่อไหร่แต่มันต้องเป็นช่วงที่หนู Stable แล้วคือหนูเป็นผู้หญิงที่จะไม่มีวันพึ่งเขา พึ่งคน ๆ นั้น หนูอยากจะยืนด้วยตัวเอง ในวันที่เราจากกันไปหรือเลิกกันไป ฉันต้องมีบ้านของตัวเอง มีงานที่มั่นคงแล้ว มันคงเป็นวันที่ชีวิตหนู ความฝันหนูมันถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ฉะนั้นตอนนี้แค่ 30 เปอร์เซ็นต์เอง”

ใช้คำนี้ได้ไหม “รักเนเน่ต้องรอหน่อย”?

“ต้องรอหน่อย รอได้ไหม (ยิ้ม) เหลืออีก 70 เปอร์เซ็นต์มันต้องปูนไหนก็ไม่รู้ (หัวเราะ) คือหนูไม่ได้หา แต่ถ้าเข้ามาแล้วมันรู้สึกโอเคมันอยู่แล้วชีวิตมันดีขึ้น ไม่ได้ย่ำแย่ลง ชีวิตเราก็ดีขึ้น ชีวิตคุณก็ดีขึ้น มันเป็นทางที่ดีก็โอเค แต่หนูไม่ได้ดิ้นรนหาค่ะ”

อยากให้พูดถึงแฟน ๆ สักหน่อย?

“หนูรู้สึกว่าการเป็นแฟนคลับมันเหนื่อย หนูไม่เคยเป็นแฟนคลับใครเหมือนกันนะ แต่ตามที่รู้มา การที่เป็นแฟนคลับคือการที่เราชื่นชมเขาจากผลงานต่าง ๆ หรือการที่เขาได้งานอะไรต่าง ๆ มา เราก็จะดีใจไปกับเขา แต่หนูเป็นศิลปินที่มีความ Introvert สูงมาก หนูจะไม่ได้มาลงรูปทุกวัน เป็นแฟนคลับหนูอาจจะเหนื่อยหน่อย ทนดูรูปเรา เซลฟี่เราแต่ละครั้ง แต่หนูแค่หวังว่าการที่หนูหายไปแล้วผลิตผลงานดี ๆ ออกมาสัก 1-2 ตัวหนูหวังว่าผลงานพวกนี้ ที่เราไปเสียเวลากับมัน มันจะช่วยเยียวยาคนได้ ในวันที่เราไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ประมาณนี้ ก็หวังว่าจะรอผลงานดี ๆ ออกมา ของดีต้องรอหน่อยนะคะ” โดย “เนเน่” ทิ้งท้ายกับทีมงาน “บันเทิงเดลินิวส์” ว่า“ฝากซีรีส์บอกรักก่อนได้ไหม Confess Your Love รับชมเสียงภาษาไทยของเนเน่ ได้ที่ทรูไอดีที่เดียว”

จากการได้พูดคุยกับ “เนเน่” สิ่งที่สัมผัสได้อย่างมากมายและเหมือนเป็นพลังงานบวกให้กับคนรอบข้างที่ออกมาจากสาวเก่งคนนี้เลยคือ “พลังแห่งความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้” สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอะไร ขอแค่คุณมีมันเป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิตและพร้อมก้าวไปข้างหน้า ในไม่ช้าความฝันของคุณจะสำเร็จเอง และสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้จากสาว “เนเน่” เลยคือกำลังใจจาก “คุณแม่” ของเธอในวันที่ฝันยังคงเป็นฝันอยู่ คุณแม่ทำให้เธอมีพลังและลุกขึ้นมาต่อสู้แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่คงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงที่ชื่อ “เนเน่-เจิ้งหน่ายซิน” กลายเป็นดาวที่เจิดจรัสที่ส่องแสงให้วงการบันเทิงและให้ทุกคนได้เห็นพระจันทร์ที่สวยงามแบบนี้แน่นอน เหนือสิ่งอื่นใด…เชื่อว่าแฟน ๆ ของสาวเนเน่จะภูมิใจกับสาวคนนี้ที่สุดเพราะเธอคือ “ศิลปิน” ที่ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในใจของคนทั่วโลกได้อย่างไม่มีข้อสงสัยแล้ว.

เรื่อง : สมคิด แซ่คู