ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย หลัง “พรรคก้าวไกล” ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิด อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งให้ “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำเข้าพิจารณาในสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครเชื่อเหตุผลที่ “นายชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แจกแจงถึงเป้าหมายในการผลักดันวาระร้อน เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติ จำกันได้ใช่ไหม สมัยรัฐบาล ..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ใช้ข้ออ้าง ทำเพื่อประชาชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วมีคดีความติดตัว แต่ในที่สุดก็ มีการยัดไส้เนื้อหา ให้ล้างผิด ทั้งคดีอาญา และ ทุจริต จนในที่สุดกฎหมายฉบับนั้นก็แท้งไป

ส่งผลให้ “พรรคเพื่อไทย” ตกเป็นจำเลยสังคมมาจนถึงวันนี้ ไม่กล้าเป็นแนวหน้า ผลักดันกฎหมายล้างผิดอีกต่อไปเลย อันเนื่องมาจากความ ไม่ซื่อตรงกับประชาชน ส่วนพรรคก้าวไกลให้เหตุผลว่า “การจะทำให้สังคมไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข เกิดความสุข ความสามัคคีกันในสังคม ได้ พี่น้องประชาชนที่ได้ถูกดำเนินคดี หรือมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่างก็มีความเห็นว่า รัฐของเราไม่มี ความเคารพความเห็นต่างทางการเมือง

ไม่เคารพ ต่อสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ จึงเห็นว่า เพื่อให้สังคมไทยได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เราจำเป็นต้อง ยุติการใช้นิติสงคราม ต่อพี่น้องประชาชน ให้พี่น้องประชาชนที่เคยแสดงออกทางการเมือง โดยมีเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมือง ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ได้หลุดพ้น จากการถูกดำเนินคดี

ครับ…ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษา คดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ. 2495/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง “นายอานนท์ นำภา” อายุ 39 ปี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นจำเลยในความผิดฐาน ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ

โดยศาลอาญา สั่งจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา “นายอานนท์” พร้อมทั้งปรับ 2 หมื่นบาท จากนั้นนาย “อานนท์” ได้ยื่นประกันตัว แต่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงมาว่า ไม่ให้ประกันนายอานนท์ โดยพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว การกระทำของจำเลย กระทบกระเทือน และสร้างความเสียหายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุเชื่อว่า จำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง ก่อนที่ศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษา “นายอานนท์” ได้จัดงานเลี้ยงอำลา วันนั้น “นายชัยธวัช” ก็ไปร่วมงานด้วย

ขณะที่ สส.พรรคก้าวไกลหลายคน เช่น สส.ไอซ์ รักชนก สส.ชลธิชา สส.โตโต้ ก็ติดคดีมาตรา 112 เลยทำให้คนเชื่อว่าการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อต้องการ ช่วยสมาชิกพรรค และ นักเคลื่อนไหว ที่เป็นเครือข่ายเดียวกัน ให้พ้นผิด จากข้อ
กล่าวหาสำคัญ

ยิ่งเมื่อสื่อตั้งคำถามย้ำว่า จะนิรโทษกรรม ให้กับคดี 112 ด้วยใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตอนที่นิรโทษกรรมให้กับเหตุการณ์
6 ต.ค. ก็เป็นเรื่องความผิด มาตรา 112 เป็นหลัก และยังมีคดีกบฏ ล้มล้างการปกครอง และเปิดให้คนที่เข้าร่วมต่อสู้ด้วยอาวุธ เราสามารถที่จะอภัย เพื่อทำให้การเมืองไทยเดินหน้าไปได้ จึงคิดว่าหากไม่มีอคติจนเกินไป ทุกฝ่ายควรจะร่วมกัน

อีกทั้งเนื้อหาที่บอกว่า จะล้างผิดให้คนทุกสี ก็ถูกเปิดโปงว่ามีวาระซ่อนเร้น ไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 คงหวังเล่นงาน แกนนำ กปปส. ซึ่งเชื่อว่า เครือข่ายกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยกับการ แก้กฎหมายอาญามาตรา 112

ดังนั้นที่บอกจะถอนฟืนออกจากไฟคงไม่ใช่ น่าจะเป็น การเพิ่มฟืน ให้ไฟลุกโชนมากกว่า และเชื่อว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับก้าวไกล ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา

“เขื่อนขันธ์”