โดย “ชาดา” เปิดประเด็น ว่า การทำงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป ผมจะไม่ทำให้ประชาชนคนไทยที่สนับสนุนผมมาทั้งชีวิตผิดหวัง  ผมมีความตั้งใจเข้ามาทำงาน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ

คำว่า “ผู้อิทธิพล” กับ “อันธพาล” ไม่เหมือนกัน เพราะผู้มีอิทธิพลมี 2 ด้าน คือ ผู้มีอิทธิพลเพื่อสร้างความดี กับผู้มีอิทธิพลแล้วทำเลว ส่วนกรณีที่เขาตั้งผมเป็นเจ้าพ่อนั้น ก็มาจากสื่อมวลชนทั้งนั้น แต่ก็น้อมรับไว้ เพราะถือคติว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา ใครจะว่าอะไรยังไง แต่ถ้าเราทำตัวดีก็ดี แต่ถ้าเราทำตัวเลวมันก็ดีไม่ได้ ดังนั้นทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวเรา 

“ชีวิตผมโดนโจมตีมาเยอะ เป็น สส. ก็โดนโจมตีแต่ก็มีผลงานออกมาให้เห็น นี่พอขึ้นเป็นรัฐมนตรีก็โดนโจมตีอีก ก็ไม่เป็นไรก็รอดูต่อไป ผมคิดแบบนี้ตัวตนเราก็รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่และเราเป็นอะไรอยู่ ใครด่าผมก็ผ่านไปไม่ได้คิดไรมากขอให้เอาความจริงมาพูดกัน แต่อย่าเอาความเท็จมาแฉหรือมาพูดให้เสียหาย ถ้าแบบนั้นต้องเจอกัน”

@ ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มอบหมายให้ปราบมาเฟีย  

โลกยุคใหม่ในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ ขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล อย่างกรณีในพื้นที่ จ.นครปฐมถือว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐมาก เพราะมีการยิงตำรวจตาย  คนทำผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปจับกุม ต้องใช้กฎหมายเล่นงานให้เด็ดขาด และจะต้องไม่ให้เกิดแบบนี้อีกต้องไม่มีอีกแล้ว กรณียิงตำรวจต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป  ยิ่งเป็นในยุคของผมถ้าเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านยิ่งไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้นทำไม่ได้เด็ดขาด ตำรวจเขาเป็นผู้รักษากฎหมายจะดีจะชั่วก็เป็นเรื่องของระบบ แล้วสุดท้ายสังคมจะอยู่กันอย่างไร ถ้ายิงตำรวจได้แล้วรัฐมนตรีจะเหลือหรือ

“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรงมาก เป็นการท้าทายอำนาจรัฐ และกลไกของรัฐ ต้องดูกันต่อไป สิ่งที่ผมอยากเห็นต่อจากนี้ แม้จะไม่มีอำนาจไปจับกุมใคร หากได้เรื่องก็ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งประสานผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นี่ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต้องการให้มันเบาบางลงในยุคของผม” 

@ แนวทางในการดำเนินการจะมีขั้นตอนอย่างไร

ตอนนี้ผมได้สั่งให้จังหวัดให้ทำรายงานขึ้นมาก่อน โดยให้ในท้องที่ทุกพื้นที่ลงไปสแกนมา ว่า มีผู้ใดเข้าข่ายลักษณะเป็นผู้มีอิทธิพลบ้าง ทำผิดกฎหมายหรือไม่ และมีองค์กรของรัฐเข้าไปสนับสนุนในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ แต่ยังไม่นำรายชื่อขึ้นบัญชีดำ แต่จะนำมาขึ้นอยู่ในบัญชีปกติก่อน แล้วเพื่อความเป็นธรรม ผมก็จะนำรายชื่อทั้งหมดมาตรวจสอบก่อนสิ่งสำคัญจะต้องมีการประสานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

“ตัวผมเองก็คงต้องพบกำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ และจะต้องมีการพูดคุยกันในพื้นที่ ที่ผ่านแล้วมาผมไม่ได้ว่า อะไร แต่ในยุคนี้จะมีอย่างนี้ไม่ได้ใครทำอะไรไม่ถูก ทำตัวมีอิทธิพลไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกผมเอาตาย คำว่าตายยุคนี้ไม่ถึงกับขั้นลงไปล้างบางผู้มีอิทธิพล ถ้าเป็นคนดีช่วยเหลือประชาชนผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ปัญหา คือ ถ้าคุณใช้พฤติกรรมแบบนี้ ทำร้ายสังคม ทำร้ายองค์กรของรัฐ ใช้อำนาจรัฐแบบนี้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ที่บอกว่าเอาตายนี่ ไม่ใช่หมายความว่า ผมจะไปฆ่าเขาตาย แต่ทุกหน่วยราชการต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบและใช้กฎหมายดำเนินคดีหากพบการกระทำความผิด”

ต้องทำให้เกิดเคสตัวอย่างและสามารถจับต้องได้ ผมได้ประสานงานพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แต่ไม่ใช่ไปหาเรื่องกับเขา แต่เป็นการจับผิดทุกเรื่อง และต้องให้เกิดผลอย่างชัดเจนว่า เมื่อคุณทำแบบนี้จะเกิดปัญหาแบบนี้และคนอื่นจะไม่คิดทำแบบนี้อีก ต้องทำขั้นเด็ดขาด และการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ต้องทำอย่างเข้มข้นด้วย ต้องทำให้เบาบางให้ได้ ทำให้น้อยลงเหมือนยุคหนึ่งที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ทำได้ผล แต่จะไม่ใช้วิธีการเดียวกัน จะต้องมีการปรับไปตามยุคเพราะสังคมจับจ้องเราอยู่

“อย่าใช้วิธีการเลวๆ เอาชนะคนเลว แค่เอาความเด็ดขาดมาชนะความเลว ผมไม่ได้ขึ้นมาเพื่อปกป้องคนเลว แต่ต้องการขึ้นมาปราบคนเลว และสิ่งที่ไม่ดีให้หมดไปจากสังคมไทย แม้จะไม่ได้ผลภายในวันนี้ ผมก็อยากเริ่มนับหนึ่งให้ได้เห็น ” 

@ สำหรับนักการเมืองที่มีลูกน้องเป็นมาเฟีย จะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร

มาเฟียตัวจริงอยู่ที่นี่หมดแล้ว คุณจะมีลูกน้องเป็นมาเฟียก็ได้แต่ต้องไม่รังแกประชาชนและท้าทายอำนาจรัฐ วันนี้บ้านเมืองต้องสงบแล้วเพราะเป็นโลกยุคใหม่ คงเกิดเจ้าพ่อเหมือนในอดีตอีกไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้มีอิทธิพลไม่ใช่กำนันผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น ซึ่งยังมีบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น พ่อค้า นักธุรกิจ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่ส่งเสริมให้คนเลวมีอำนาจตามพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 “….ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…” ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่องค์กรของรัฐต้องเข้ามาดูตรงนี้ 

โลกมันจะต้องเข้าสู่สิ่งที่ดีงามไม่ใช่ยิ่งอยู่ยิ่งเลวร้าย ประเภทที่ว่าเป็นกำนันพกปืนกร่าง ทำร้ายประชาชนต้องไม่มี เช่นเดียวกันกำนันก็ต้องไม่ยอมให้ใครมาทำแบบนั้นเหมือนกัน อย่าไปมองเขาเลวร้ายทั้งหมด มันก็เป็นเรื่องของจุดหนึ่งที่เราต้องแก้กันไป แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ ถ้าเกิดขึ้นอีกนายชาดาไม่ยอมแน่ อำนาจรัฐไม่ยอม ทุกคนก็ไม่ยอม นายกฯก็ไม่ยอมแน่นอน.