เกาะติดคดีปม พ.ต.ท.ศิวกร สายบัว หรือ “สารวัตรแบงค์” ตำรวจทางหลวง ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านอดีตกำนันนก และ “พ.ต.ท.วศิน พันปี” รอง ผกก.2 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บกลางดึกวันที่ 6 ก.ย. คงรู้สึกสะเทือนใจไม่ใช่น้อย

ยิ่งกระบวนการสอบสวนลงลึกไปเรื่อย ๆ มีการออกหมายจับและ ควบคุมตัว 6 นายตำรวจ ที่อยู่ในงานเลี้ยงของอดีตกำนันคนดัง ซึ่งตามข่าวระบุว่า อาจเกี่ยวข้องกับ การทำลายหลักฐาน และพาผู้ต้องหาหลบหนีจากที่เกิดเหตุ ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 4 นาย เป็นลูกน้อง ภายใต้การกำกับของสารวัตรแบงก์ ผู้เสียชีวิต ส่วนอีก 2 นาย เป็นตำรวจจราจร และฝ่ายสอบสวน

ประกอบด้วย 1....เกียรติศักดิ์ สมสุข ตำแหน่ง สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน 2....ประสาร รอดผล ตำแหน่ง รอง สว..ทล.1 กก.2 บก.ทล. 3....นิมิตร สลิดกุล ตำแหน่ง รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม 4....ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ ตำแหน่ง รอง สว..ทล.1 กก.2 บก.ทล. 5....ณัฏฐพล นาคกร ตำแหน่ง รองสว..ทล.1 กก.2 บก.ทล. และ 6....สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ ตำแหน่ง รอง สว..ทล.1 กก.2 บก.ทล.

ในหมายจับ ระบุว่า กระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะ ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด,

ร่วมกันช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม”

ไม่น่าเชื่อนอกจากนายตำรวจกลุ่มนี้ ไม่ช่วยจับกุมผู้ก่อเหตุ อย่างทันท่วงทีแล้ว ยังอาจมีส่วนทำลายหลักฐาน พาผู้ต้องหาหลบหนี ทั้งที่ผู้ถูกทำร้ายเป็นคนในวิชาชีพเดียวกัน เป็นผู้บังคับบัญชา ในฐานะผู้รักษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก จึงย่อมไม่ให้ใครตั้งข้อสงสัยได้ว่า ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ระหว่างนายตำรวจทั้ง 6 นายกับอดีตกำนันคนดัง มีอะไรเป็นปัจจัยพิเศษมาเชื่อมโยงกันไว้

ขนาด คนใกล้ชิด อดีตกำนันคนดังยังยอมเปิดปากรับสารภาพ ด้วยกลัวความผิด “นายเก่ง” พาเจ้าหน้าที่ ไปขุดหาปืน ที่ “หน่อง ท่าผา” ใช้ยิงสารวัตรแบงค์ ส่วน “นายโบ๊ท เขาบิน” ให้การว่า หลังเกิดเหตุได้ถูกใช้ให้นำกล่องเซิร์ฟเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับ ภาพวงจรปิด ไปทิ้งน้ำ เพื่อหวังทำลายหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ไปเก็บกู้จนพบแล้ว ซึ่งถ้าหากมีการกู้ภาพขึ้นมาได้ ก็คงได้รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ก.ย. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ครับ…คนที่ไม่รู้กฎหมาย เมื่อรู้สิ่งที่ตนได้ทำไป เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ยังสำนึกผิด ยอมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยทำให้กระบวนการสอบสวน มีความคืบหน้า และ ชัดเจนมากขึ้น เนื่อง จากปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ และภาพในกล้องวงจรปิด มีส่วนสำคัญในการคลี่คลายคดี ซึ่งความพยายามซ่อนเร้น และ ทำลายหลักฐานสำคัญ หลังจากเกิดเหตุทันที น่าจะได้รับคำแนะนำจาก ผู้รู้กฎหมาย

ขณะที่ “พล...จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช” ผบก..จว.นครปฐม ออกมาชี้แจงกรณีกล้องวงจรปิดจับภาพรถจักรยานยนต์ขับคุ้มกันรถของอดีตกำนันนกหลบหนีและเชื่อมโยงว่า เป็นคนของตนเอง นั้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นตำรวจที่สนิทสนมกับกำนันนกมานาน และอยู่ที่งานเลี้ยง

การคลี่คลายคดีนี้ คงต้องชื่นชม “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. ที่ลงมาควบคุมการสอบสวนด้วยตนเอง จนมีความคืบหน้า และไขข้อข้องใจของคนในสังคมได้ โดยเฉพาะคำพูดช่วงหนึ่งที่ระบุว่า “ในการก่อเหตุ ถ้าไม่มีตำรวจให้การช่วยเหลือ ทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยาน หรือการถอดเซิร์ฟเวอร์ออกไปทิ้งน้ำ เอาปืนไปซ่อน ทำไม่ได้หรอก คนอย่างกำนันซึ่งไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านี้ จะทำอะไรได้ขนาดนั้น

ไปช่วยเหลือกำนันนกหลบหนี ไปเป็นบอดี้การ์ด รวมถึงรองสารวัตรจราจรเมืองนครปฐม ที่ไปซื้อปืนแล้ว นำมาให้กำนันนกให้นายหน่องใช้ยิง ชื่อก็ไม่ได้โอนยังคงเป็นชื่อตนเอง หนำซ้ำยังเอา รถกำนันนกไปซ่อน ไว้ที่บ้านอีกหลัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ย่ำแย่มาก เพราะฉะนั้นพฤติกรรมชั่ว ๆ แบบนี้ ก็ต้องปราบเสียให้หมด”

ถือเป็นการ ชะล้างความเลวร้าย ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับมาเป็นที่น่าเชื่อถืออีกครั้ง

——————-
เขื่อนขันธ์