กลบทุกข่าวสารเรื่องต่าง ๆ ในบ้านเราจนหมด หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย ที่บ้านพักของอดีตกำนันนก นายประวีณ จันทร์คล้าย คนดังในจังหวัดนครปฐมรายแรกคือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงทั่วร่างกายกว่า 5 นัด บาดเจ็บสาหัส ก่อนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ขณะที่อีกราย คือ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล.ถูกยิงบาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย ถูกนำส่ง รพ.ไปก่อนหน้านี้ ตามข่าวระบุว่า ชนวนเหตุดังกล่าว เกิดจาก อดีตกำนันคนดัง พยายามจะโน้มน้าว ขอวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งให้พรรคพวกที่อยู่ในสังกัดของ พ.ต.ต.ศิวกร แต่ถูกปฏิเสธ ก่อนที่ลูกน้องคนสนิทนายประวีณ“หน่อง ท่าผา” หรือนายธนัญชัย หมั่นมาก จะใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต

แต่ต่อมา “หน่อง ท่าผา” ก็ถูก เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฯ ส่วนผู้รักษากฎหมายได้ออกหมายจับ นายประวีณเนื่องจากพบว่า มีความเกี่ยวข้องกับ เหตุยิงตำรวจทางหลวง จากนั้นอดีตกำนันคนดังได้เข้ามอบตัวแล้วที่ สภ.เมืองนครปฐม ก่อนที่คดีจะถูกโอนมาให้กองปราบปราม โดยมีการตั้งข้อหา เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา (จ้างวานฆ่า) และ พยายามฆ่าผู้อื่น

แต่ที่นำมาสู่ เสียงวิจารณ์จากสังคม อย่างกว้างขวาง หนีไม่พ้นในระหว่างเกิดเหตุ ทำไม นายตำรวจที่อยู่ร่วมในงานเลี้ยง ซึ่งมี
ทั้งสัญญาบัตรและชั้นประทวน รวมแล้ว 25 นาย ถึงไม่ช่วยจับกุมคนก่อเหตุ ปล่อยให้มีการทำลายหลักฐาน ทั้งล้างคราบเลือด ถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวรจรปิดทั้ง 13 ตัว ผิดวิสัยการ เป็นผู้รักษากฎหมายเมื่อพบเห็นการกระทำที่นำมาสู่ความรุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิต ต่างอยู่เฉยได้อย่างไร

ขณะที่ “พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง” โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ออกมาเปิดเผยว่า จากกรณีเหตุคนร้ายอุกอาจเหิมเกริม ยิงสารวัตรตำรวจทางหลวง เสียชีวิตในบ้านพักกำนันพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม แล้วปรากฏภาพของ ตำรวจ 25 นายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง อยู่ในที่เกิดเหตุ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยด่วน โดยประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ชุดทำงานตำรวจภูธรภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พร้อมออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.

“ผบ.ตร.เน้นย้ำต้องตรวจสอบสาเหตุ ความเกี่ยวข้องที่เข้าไปร่วมในงาน รวมถึงสาเหตุที่มีการปล่อยให้ผู้กระทำผิดได้หลบหนีไป มีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงรายละเอียดแยกเป็นรายบุคคล รวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบทุกมิติหากพบว่าข้าราชการตำรวจรายใด มีความผิดอาญาหรือวินัย ให้ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป” โฆษก ตร.ระบุ

คงต้องรอดู กระบวนการสอบสวน เรื่องนี้ จะทำอย่างตรงไปตรงมา และเปิด เผยให้สังคมรับรู้หรือ ไม่หรือ จะปล่อยให้เงียบหาย
พอสังคมเริ่มลืมเลือน มีข่าวอื่นมากลบในที่สุดก็จบแบบหนังม้วนเดิม ๆ ไม่มีการเอาผิดใคร แต่ยังเชื่อว่า ในห้วงเวลาสุดท้ายของ
“บิ๊กเด่น” ซึ่งเหลือเวลาการทำงานในฐานะ “แม่ทัพสีกากี” ไม่มากนัก คงอยากปิดฉากในการรับราชการด้วยความสวยงาม กล้านำความจริงมาเปิดเผย โดยไม่มีอะไรปิดบัง

ยิ่งที่ผ่านมามักมีข่าวคาว ผู้รักษากฎหมาย ในแวดวงสีกากีเข้าไปรับใช้ผู้มีอิทธิพล มีพฤติกรรมหมิ่นเหม่ ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย แม้นายตำรวจบางนายจะถูกลงโทษ อันเนื่องมาจากกระทำผิด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบตามมา จนทำให้กระทบกับภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากนี้คงได้ยินเสียงเรียกร้องให้ กระบวนการปฏิรูปตำรวจเปิดกว้าง ดึงบางองค์กรเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวน เพื่อทำให้สังคมมีความมั่นใจในการทำงาน เพราะ ต้นธารกระบวนยุติธรรมมีความสำคัญ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้ผู้ได้รับผลกระทบ ดังนั้นสังคมจึงต้องการความเที่ยงธรรม และตรงไปตรงมา

ได้แต่หวังว่ากรณีนายตำรวจ ถูกยิงจนเสียชีวิต ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมอาชีพ จะเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น แต่ผลสอบตำรวจ 25 นายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จะเป็นบทพิสจูน์ครั้งสำคัญ ที่จะช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์องค์กรสีกากี

———————-
เขื่อนขันธ์