ตอนนี้ “ฝ่ายรัฐบาล” เข้าที่เข้าทาง เพราะได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมเข้ามาทำงาน คาดว่าจะมีการแถลงนโยบายการทำงานของรัฐบาลในวันที่ 8 ก.ย.66

แต่เหลียวมอง “ฝ่ายค้าน” ที่เหมือนเป็น “พรหมลิขิต” ให้พรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ โคจรมาเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ด้วยอะไรหลายอย่างที่มีความเหมือนและมีความแตกต่าง

ผู้อาวุโสพรรคประชาธิปัตย์เคยโชว์ภาพขับรถจี๊ป ภาพนั่งรอขึ้นรถไฟเพื่อไปหาเสียงในภาคใต้ ขณะที่ “ยังบลัด” พรรคก้าวไกลที่มีตำแหน่งเป็นรองประธานสภา ก็ไลฟ์สดรอขึ้นรถไฟกลับบ้านที่พิษณุโลกในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อสื่อให้เห็นว่าใช้ชีวิตเรียบง่าย “ติดดิน”

แต่เอาล่ะปัจจุบันสภาพพรรคประชาธิปัตย์กำลังยุ่งเหยิง เนื่องมาจากปัญหาของคน 2 กลุ่ม 2 วัยที่ยังปรับจูนไม่ตรงกัน

โดยกลุ่มแรก “หวงพรรค” ยึดติดหนึบอยู่กับภาคนิยม ผสมกับความโกรธเกลียดและชิงชัง แต่อีกกลุ่ม “ห่วงพรรค” ว่าถ้ายังเดินไปตามแนวทางคนกลุ่มแรก พรรคจะไปไม่รอด! ประเทศไม่ได้เดินไปข้างหน้า แล้วจะเอามรดกความโกรธเกลียดใคร มายัดใส่มือพวกเขาให้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปไม่ได้!

เมื่อสภาพเป็นแบบนั้น วันนี้ประชาธิปัตย์จึงยังไม่มีหัวหน้าพรรค แม้จะประชุมใหญ่ไปแล้ว 2 ครั้งก็ล่ม! ถล่มกันเละ! เสียเวลา เสียเงินจำนวนมากไปกับการจัดประชุมในโรงแรม ถึงขั้นบอกกันว่าเที่ยวหน้าประชุมกันในเต็นท์แล้วแจกข้าวกล่องเถอะ!

นี่ยังไม่รู้ว่าภายในปี 66 ประชาธิปัตย์จะมีหัวหน้าพรรคหรือเปล่า? หรือว่าพรรคจะแตกเสียก่อน! เนื่องจาก 16 สส.ของพรรค โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลว่าเพื่อต้องการให้ประเทศเดินหน้า

หมุนมาที่พรรคก้าวไกล มีปัญหาใหญ่มากที่สุดคือการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังละเมอเพ้อว่าตัวเองเป็นรัฐบาล และทำใจไม่ได้ที่จะต้องมาเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภา ทุกสิ่งอย่างทางการเมืองมันจึงรวนไปหมด

เนื่องจากพรรคก้าวไกลยังไม่ยอมรับสถานะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะเหตุผลที่ สส.พรรคเป็นรองประธานสภาอยู่ จึงกลายเป็นอุปสรรคในการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย ส.ส.ร.

เหตุผลเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องมีเสียงของฝ่ายค้าน 20% ที่ไม่มีคนในพรรคมีตำแหน่งในรัฐบาล ไม่มีคนในพรรคเป็นประธานสภา-รองประธานสภา

หมายความว่าต้องมีเสียง สส.ฝ่ายค้าน 38 คน เพื่อสนับสนุนการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะมี สส.ถึง 150 คน แต่ใช้ไม่ได้เลย เนื่องจากติดเงื่อนไขมี สส.พรรคเป็นรองประธานสภา ที่นั่งรถไฟกลับบ้านต่างจังหวัดอยู่

แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะตัดหน้า! ชิงเสนอให้สภาลงมติทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนมีการประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากพรรคอื่นรู้ทันเหลี่ยมคูทางการเมืองพรรคก้าวไกล พยายาม “ออฟไซด์” เป็นพระเอกอยู่พรรคเดียว ทั้งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยบอกไว้ว่าจะรีบอนุมัติในที่ประชุม ครม. ให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอน

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มี สส.ไม่ถึง 38 เสียง หัวหน้าพรรคยังไม่มี ประเดี๋ยวคณะรัฐมนตรีเข้าที่เข้าทาง ต้องแถลงนโยบายการทำงานของรัฐบาล ส่วนสภาต้องพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ก็ต้องหาผู้นำฝ่ายค้านเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วจะไปหาใครที่ไหน?

เพราะนายพิธาถูกสั่งพักงานในหน้าที่สส. จึงเข้าประชุมสภาไม่ได้ กอปรกับตัวเองไม่อยากเป็นผู้นำฝ่ายค้าน โดยให้เหตุผลว่าประชาชนเลือกเขาให้มาเป็นรัฐบาล! ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีหัวหน้า แถมพวกเสียงน้อยจะสอบสวนเอาผิดพวกเสียงมากกว่า (16 สส.) ที่โหวตช่วยนายเศรษฐา สรุปว่า “บันเทิงเริงรมย์” กันจริง ๆ 2 พรรคนี้ก้าวไกล-ประชาธิปัตย์!!

————————-
พยัคฆ์น้อย