อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีก้าวไปแตะคำว่า “ระดับโลก” อย่างสมภาคภูมิเป็นที่เรียบร้อย วงการเพลงอาจก้าวนำไปก่อน ตามด้วยซีรีส์ และ “The Moon ปฏิบัติการพิชิตจันทร์” ทำให้ภาพยนตร์เกาหลีขึ้นไปยืนอยู่ระดับหัวแถวได้อย่างสง่างาม

ก่อนหน้านี้ หนังเกาหลีอย่าง “Parasite ชนชั้นปรสิต” เคยสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการกวาด 4 รางวัลใหญ่ออสการ์มาแล้ว แต่มันก็เป็นหนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบางอย่างของความเป็นโคเรียอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจาก The Moon ที่ท้าชนด้วยงานโปรดักชั่นส์ งาน CG โชว์ความเป็นเลิศทางด้านเทคนิคการถ่ายทำ เป็นหนังอวกาศที่ฮอลลีวู้ดทำกันมานานแล้ว และมีหลากหลายเรื่องที่ได้รับการยกย่อง แต่กับหนังเกาหลี หนังอวกาศยังไม่มีเรื่องไหนที่ถูกพูดถึง หรือมีความทะเยอทะยานเท่า The Moon มาก่อน โดยผู้กำกับ “คิม ยงฮวา” ตั้งเป้าว่านี่จะเป็นหนังอวกาศที่ให้งานภาพที่สมจริงที่สุดเรื่องหนึ่ง และเขาก็ไม่ได้โม้แต่อย่างใด

ด้วยทุนสร้างกว่า 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กับการใช้เวลาถึง 7 เดือนในการเสกสรรค์ภาพยนตร์อวกาศไปเหยียบดวงจันทร์เรื่องนี้ ยานอวกาศ ชุดอวกาศ อุปกรณ์ต่าง ๆ ล้วนสมจริงสุด ๆ เพราะมีการซื้ออุปกรณ์หลากหลายอย่างมาจากนาซ่า เพื่อนำมาดัดแปลงให้เป็นของตัวเอง ถ่ายทำแบบ 4K ทั้งเรื่องด้วยเลนส์ 45 ตัวเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์

ในส่วนของทีมงานนักแสดง ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อ The Moon เป็นอย่างมาก เนื่องจากนี่คือหนังไซไฟดราม่าที่เน้นเส้นเรื่องความสัมพันธ์ของผู้คน เพื่อหวังจะก้าวเข้าไปกระแทกใจผู้ชมให้ได้มากที่สุด นำแสดงโดย “โดคยองซู” หรือ “ดีโอ EXO” ที่หนังเรื่องนี้เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ฝีมือการแสดงของเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร เพราะแบกหนังในส่วนของอวกาศเอาไว้ทั้งเรื่องคนเดียว พร้อมด้วย 2 สุดยอดฝีมือ “คิมฮีแอ” ที่คนไทยรู้จักกันดีจาก 2 ซีรีส์สุดฮิต The World of the Married กับ Queen Maker และดาราชายจอมเก๋า ซอลคยองกู

ภาพยนตร์ The Moon มุ่งสู่อนาคตในปี 2029 เมื่อเกาหลีส่งยานอวกาศ “อูรี-โฮ” ไปสำรวจดวงจันทร์ แต่เปลวสุริยะเกิดปะทุขึ้น ทำให้เกิดลมสุริยะแผ่ปกคลุมยานอวกาศ ส่งผลให้เหลือแค่ลูกเรือ ฮวังซอนอู (โดคยองซู) ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยานอวกาศเกาหลีมุ่งสู่ดวงจันทร์ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยาน “นาแร-โฮ” ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่เกิดอุบัติเหตุยานระเบิดขณะออกเดินทาง นักบินเสียชีวิตทั้งหมด ครั้งนี้สถาบันวิจัยอวกาศเกาหลีใต้และรัฐบาลจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อนำ ฮวังซอนอู กลับบ้านโดยปลอดภัยให้จงได้

จุดแข็งของ The Moon

งานภาพ โปรดักชั่นส์ CG เนียนกริ๊บแทบไร้ที่ติ ทำให้ภาพอวกาศ ดวงจันทร์ ดูสมจริงจนน่าเหลือเชื่อ งานดีไม่แพ้ Gravity หรือ Interstellar ต้องปรบมือให้จริง ๆ

การแสดงของหนุ่ม “ดีโอ EXO” น่าทึ่งมาก เขาก้าวข้ามจากไอดอลไปเป็นนักแสดงระดับคุณภาพได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับการเข้าฉากส่วนใหญ่ในอวกาศที่ต้องเล่นคนเดียว แต่แบกไว้ได้อย่างสวยงามเลย อีกหนึ่งนักแสดงที่โดดเด่น คือนักแสดงสมทบหญิงอย่าง “ฮงซึงฮี” จาก Move to Heaven ที่สามารถแย่งซีนดาวเด่นในหลาย ๆ ฉากไปครองได้อย่างน่าประทับใจ

OST สุดไพเราะ เหมาะกับบรรยากาศและภาพอวกาศมาก ๆ

หนังต้องลุ้นระทึกแทบจะตลอดเวลา ดีไซน์ฉากลุ้นระทึกได้ดีและแปลกไม่ซ้ำใคร เล่นเอาคนดูแทบหนังไม่ติดเก้าอี้ เหงื่อออกมือจนชุ่มกันเลยทีเดียว

จุดอ่อนของ The Moon

เส้นเรื่องดราม่าที่พยายามใส่เข้ามา เพื่อหวังจะให้ The Moon เป็นหนังอวกาศที่แตกต่าง สามารถสร้างความประทับใจได้สำหรับบางคน แต่กับบางคนก็ไม่ได้อิน และรู้สึกได้แค่เปลือกเท่านั้น

การพยายามยัดเยียดให้นาซ่าเป็นผู้ร้าย และตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ มันดูไม่ค่อยเมคเซ้นส์สักเท่าไหร่

4.5/5
นี่คือหนังอวกาศเกาหลีที่มีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก ถ้ามองในแง่ของความบันเทิงที่ต้องชมในโรงภาพยนตร์ “The Moon ปฏิบัติการพิชิตจันทร์” คุ้มค่าคุ้มราคาเป็นอย่างยิ่ง แนะนำว่าไปชมโรง IMAX ก็ยังไม่เสียดายตังค์เลย เป็นหนังที่ควรดูในโรงจริง ๆ ในส่วนของงานภาพ เทคนิคการถ่ายทำ CG โปรดักชั่นส์ ใช้คำว่า “ระดับโลก” ได้เลย ขณะที่เนื้อเรื่องอาจมีทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ แต่โดยภาพรวมถือว่า “ยอดเยี่ยม” โดยเฉพาะพาร์ทของเส้นเรื่องการดิ้นรนอย่างถึงที่สุดจนเกินลิมิต เพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ก็อาจช่วยสอนหรือกระตุ้นเตือนใครหลาย ๆ คนได้ไม่มากก็น้อย

หมีเช